สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 48 ใกล้ชิด
เพียงไม่นาน ประตูห้องก็เปิดออกจากด้านใน
ภายในห้องเงียบงัน แสงเทียนที่เดิมทีสว่างไสวก็ดับลงทีละดวง ลำแสงค่อนข้างสลัว
หมอชราฟุบอยู่บนพื้นอย่างหมดแรง ทั่วทั้งร่างเหมือนตายไปแล้วหนหนึ่ง
ว่ากันตามจริง ท่านชายน้อยเขาไม่ได้เป็นคนช่วย เขาแค่ช่วยหยิบกล่องให้ จุดตะเกียงน้ำมันและเทียน
ไม่กี่เล่มเท่านั้น แต่ทว่าเขากลับเป็นคนเพียงคนเดียวที่เห็นกู้เจียวช่วยท่านชายน้อยให้กลับมาจากยมโลกกับตา
กระบวนการนั้นทำเอาใจหายใจคว่ำอกสั่นขวัญหายมากนัก เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ต่อไปก็จะไม่ได้เห็นอีก
แม่บ้านผู้ดูแลเรียกสาวใช้มาพยุงเขาขึ้น ส่วนนางเองก้าวเล็กๆ ไปที่เตียง นางเห็นเด็กสาวแต่งตัวมอซอ
นั่งอยู่ขอบเตียงของท่านชายน้อยของตน
นี่เป็นเตียงของท่านชายโหวนะ!
เด็กสาวชาวป่านี่มาจากไหน นึกไม่ถึงว่าจะกล้ามาทำเตียงของท่านชายน้อยสกปรก!
แม่บ้านผู้ดูแลอ้าปากหมายจะตำหนิ แต่พบว่าหาใช่อีกฝ่ายที่อ้อยอิ่งอยู่บนเตียงของท่านชายน้อย หากแต่เป็นท่านชายน้อย…จับมือเด็กสาวนางนี้ไว้
แม่บ้านผู้ดูแลเป็นสาวใช้ติดตามโหวฮูหยินแต่งเข้าจวนโหวมา นางเป็นคนเลี้ยงท่านชายน้อยให้เติบใหญ่ ท่านชายน้อยมีสันดานอย่างไร…ไม่สิ มีนิสัยอย่างไรนางชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่ง นิสัยโอหังถือดี ผิดมนุษมนาทั่วไป นิสัยแปลกประหลาด ไม่เข้าใกล้คนอื่น ต่อให้เป็นมือของมารดาแท้ๆ และพี่สาวแท้ๆ ของเขา เขายังไม่เคยจับเลย
แม่บ้านผู้ดูแลสงสัยว่าตัวเองตาฝาดไป จึงมองไปอีกหน เด็กคนนั้นไม่ได้เล่นลูกไม้ เป็นท่านชายน้อยของตนที่ดึงนางไว้ ซ้ำยังจับไว้เสียแน่นอีกต่างหาก บีบเสียจนหลังมือคนเขาแดงเห่อ
เด็กสาวนางนี้ไม่ได้สะบัดออกเพราะความเจ็บ…
ท่านชายน้อยหลับไปอีกรอบแล้ว แต่ลมหายใจและสีหน้าของเขาแตกต่างกับตอนที่สลบไสลไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นแม่บ้านผู้ดูแลจึงมองออกได้ว่าเขาดีขึ้น
“หา เป็นไปได้อย่างไร เมื่อครู่นี้ยัง…” สาวใช้ที่ตามเข้ามาตาเบิกโพลง
“หุบปาก!” แม่บ้านผู้ดูแลตวาดห้ามนาง ปีใหม่เช่นนี้ นางกล้าพูดออกมาว่าท่านชายน้อยหมดลมแล้ว
นางจะฉีกปากอีกฝ่ายให้เละเลยคอยดู!
“แค่ก แค่ก นี่เป็นเด็กจัดยาของข้า” หมอชราอธิบาย
ที่แท้ก็เป็นเด็กจัดยาของหุยชุนถัง
แม่บ้านผู้ดูแลสีหน้าเกรงอกเกรงใจขึ้นมาบ้างแล้ว เอ่ยถามเสียงเบาว่า “เมื่อครู่ท่านชายน้อยของข้าฟื้นขึ้นมาแล้วมิใช่หรือ”
“อืม” กู้เจียวพยักหน้า หันไปมองนาง “ฟื้นมาพักหนึ่ง ป้อนยาให้ก็หลับไปอีกหน”
เนื่องจากการกู้เจียวหันหน้ามา แม่บ้านผู้ดูแลจึงเห็นใบหน้าด้านซ้ายของนางได้ชัดเจน นึกไม่ถึงว่าจะมีปานใหญ่เพียงนี้ มองใบหน้าด้านข้างคิดว่าสาวงามนางน้อยเสียอีก น่าเสียดายจริง…
เดิมทีนางคิดว่า หากท่านชายน้อยถูกใจเด็กคนนี้จริงๆ รับมาเป็นคนสนิทเอาไว้ในห้องก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้
คิ้วท่านชายน้อยคลายลงแล้ว ดูท่าจะหลับสบายไม่น้อย แม่บ้านผู้ดูแลจำไม่ได้แล้วว่าท่านชายน้อยไม่ได้นอนหลับสนิทเช่นนี้มานานเพียงใด เขามักจะหลับไปสักพักแล้วหายใจติดขัด หรือไม่ก็เหงื่อออก ใจสั่นใจเต้นเร็วไม่สม่ำเสมอ เจ็บแปลบขึ้น
แม่บ้านผู้ดูแลไม่กล้าส่งเสียงรบกวน นางยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ
เมื่อครู่กู้เจียวมัวแต่รีบช่วยชีวิต ไม่ได้สนใจมองใบหน้าของเขา ยามนี้พินิจอย่างละเอียดดูจึงได้พบว่าเขาหล่อเหลามากนัก
นี่มันคนป่วยรูปงามอะไรกัน งดงามเกินไปแล้ว!
เอาเถอะ เห็นแก่ที่เจ้าหน้าตาหล่อเหลา จะอนุญาตให้จับมือน้อยนี้ไว้สักพักก็ได้
พื้นห้องจุดพื้นอุ่นขึ้น ไอร้อนสม่ำเสมอไม่ต้องพูดถึง ซ้ำอากาศก็ไม่แห้ง อบอุ่นสบายนัก
ความง่วงเข้าโจมตีกู้เจียว ศีรษะเริ่มผงกเป็นลูกเจี๊ยบจิกข้าวเปลือก ไม่รู้ว่าสัปหงกไปเป็นครั้งที่เท่าใด จึงฟุบลงไปเสียงดัง ฟุ่บ
หมอชรากับแม่บ้านผู้ดูแลตกอกตกใจกันยกใหญ่ เห็นกู้เจียวฟุบหลับอยู่ข้างหมอนท่านชายน้อย
อย่างคาดไม่ถึง นี่ทำให้ทั้งสองตกใจขนาดหนัก หมอชราไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง!
แม่บ้านผู้ดูแลมุมปากกระตุกขึ้น ที่ให้จับมือเจ้าไว้นั่นคือการไว้หน้าเจ้า แต่ใครให้เจ้ามาหลับอยู่ข้างหมอนท่านชายน้อยกัน ได้คืบจะเอาศอกใช่หรือไม่!
แม่บ้านผู้ดูแลยามนี้ไม่สนใจแล้วว่าจะเสียงดังกวนให้ท่านชายน้อยตื่นหรือไม่ นางสาวเท้ายาวๆ เดินไปหา หมายจะดึงกู้เจียวขึ้นอย่างหยิ่งผยอง ทว่าในชั่วขณะที่ยื่นมือไปนั้น ท่านชายน้อยที่หลับสนิทคล้ายมีปฏิกิริยาขึ้น
เขาตื่นขึ้นมาโดยพลัน
เขารูปร่างผ่ายผอม ผิวพรรณก็บางกว่าคนธรรมดาทั่วไป สามารถเห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนังได้รางๆ
แววตาเขาเย็นยะเยือกมองแม่บ้านผู้ดูแลแวบหนึ่ง
แม่บ้านผู้ดูแลถูกสายตานั้นทำเอาตกใจจนตัวสั่น โซเซไปหลายก้าว!
ท่านชายน้อยแห่งจวนโหวผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องห้ามล่วงเกิน นิสัยแย่ยังไม่ต้องพูดถึง ยังผิดมนุษย์มนาทั่วไป นิสัยแปลกๆ ซ้ำยังอาศัยว่าตัวเองป่วยหนัก ไม่มีใครกล้าทำอะไรกับเขา การกระทำต่างๆ จึงไร้เหตุไร้ผลโดยสิ้นเชิง
สาวใช้ในห้องเขาไม่มีใครสามารถทำได้ครบเดือนเลยสักคน ไม่ใช่โดนเขาไล่ออก แต่โดนเขาทำเอาเสียขวัญจนออกต่างหาก
แม่บ้านผู้ดูแลเป็นคนสนิทของโหวฮูหยิน มิฉะนั้นแล้วคงโดนเขาไล่ไปหลายหนแน่แล้ว
แม่บ้านผู้ดูแลไม่กล้าใช้ไม้แข็งกับเขา แย้มยิ้มเอ่ยเสียงเบาว่า “คุณ…”
ท่านชายน้อย “ไสหัวไป!”
แม่บ้านผู้ดูแล “เจ้าค่ะ!”
แม่บ้านผู้ดูแลเผ่นแนบออกมา
หมอชราทำอะไรไม่ถูก คือว่า…ข้าต้องออกไปด้วยหรือไม่
ไม่มีใครสนใจเขา!
น่าสงสารนัก!
ท่านชายน้อยมองคนที่หลับสนิทอยู่ข้างหมอนตน ใบหน้านางหันมาทางเขา ครึ่งดวงหน้ากดทับไว้จนเป็นก้อนนุ่มนิ่ม ปากเล็กๆ ยู่ขึ้น น่าเอ็นดูไม่น้อย
ข้างที่นางหันออกด้านนอกคือหน้าด้านซ้ายที่มีปาน
ท่านชายน้อยกู้ไม่ชอบสิ่งของที่มีตำหนิ และปฏิเสธการเข้าใกล้คนอื่น
มีเพียงครั้งนี้ที่เป็นข้อยกเว้น
เขาไม่รู้สึกว่านางอัปลักษณ์แม้แต่น้อย เขามองท่าทางหลับสนิทของนาง ฟังเสียงหายใจที่ใกล้ชิดของนาง ดวงใจพลันเกิดความรู้สึกที่อยากจะเข้าใกล้ให้มากขึ้นกว่าเดิม
คนทั่วไปอาจจะพะว้าพะวัง แต่ท่านชายน้อยกู้ไม่ใช่คนทั่วไป ตั้งแต่เขาเกิดมาก็ใช้ชีวิตรอความตาย
มาตลอด คนเช่นนี้จะไปสนใจกฎเกณฑ์ของโลกโลกีย์ได้อย่างไร
เขารู้สึกว่าต้องเข้าใกล้นางจึงจะสบายใจ แล้วก็ทำอย่างนั้นจริงๆ
ท่านชายน้อยกู้ขยับไปใกล้ข้างกายนางจับมือนางไว้ไม่ปล่อย ตรงกันข้าม ยังยกมืออ่อนแรงข้างหนึ่งขึ้น แบ่งผ้าห่มให้นางและตัวเองอย่างเท่าๆ กัน
จากนั้นเขาก็ขยับไปใกล้ เข้าสู่นิทราไปอย่างสบายใจเหลือแสน
เมื่อท่านชายน้อยกู้ตื่นขึ้น กู้เจียวก็ไม่อยู่แล้ว เขาฉีกภาพวาดโบราณที่บิดาแท้ๆ ของเขาเก็บสะสมเอาไว้ด้วยโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก!!!
…
หลังจากออกจากหมู่บ้านมา เถ้าแก่รองถามอาการป่วยของท่านชายน้อยขึ้นมา
กู้เจียวไม่ได้ตอบ แต่ถามขึ้นแทน “หมอหลวงบอกว่าอย่างไร”
เถ้าแก่รองอยู่ด้านนอกไม่ได้อยู่ว่างๆ เขาสอบถามอาการจากหมอหลวง หมอหลวงยังเรียกได้ว่าใจกว้างกับเขา บอกสิ่งที่รู้ให้เถ้าแก่รองทั้งหมด “…เห็นว่าลมปราณของหัวใจไม่เพียงพอ เลือดคั่ง เป็นโรคหัวใจ”
“หมอหลี่มองว่าอย่างไร” กู้เจียวถาม
หมอชราก็จับชีพจรให้ท่านชายน้อยตอนเขาหลับเช่นกัน เขาเอ่ยคล้ายกำลังคิดบางอย่างอยู่ “น่าจะเป็นโรคหัวใจไม่ผิดหรอก”
กู้เจียวเงียบไป อันที่จริงผลการวินิจฉัยของนางก็พอๆ กันกับทั้งสองคน ใช้ภาษาของยุคปัจจุบันก็คือ เขาป่วยเป็นโรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด
โรคนี้ยากจะรักษาได้ในสมัยโบราณ
ใช้แค่ยามันไม่พอหรอก ต้องทำการผ่าตัดด้วย การผ่าตัดนี้ซับซ้อนกว่าของเซียวลิ่วหลังมากนัก ยามนี้นางไม่มีปัจจัยในการผ่าตัดที่เพรียบพร้อม
“แม่นางกู้ รักษาได้หรือไม่” เถ้าแก่รองถามขึ้น
กู้เจียวครุ่นคิดแล้วตอบว่า “ข้าจะทิ้งยาไว้ให้เขา พยุงอาการไว้ก่อนก็แล้วกัน”