สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 568 สองพี่น้องยอดนักแสดง
บทที่ 568 สองพี่น้องยอดนักแสดง
ปฏิกิริยาของคนอื่นๆ ไม่ได้รุนแรงเท่าองค์หญิงหนิงอัน ต่างก็แค่แปลกใจกันมากหน่อยเท่านั้น
“เหตุใด…ฝ่าบาทจึงให้องค์หญิงเป็นผู้กำกับดูแลบ้านเมืองเล่า”
จวงกุ้ยเฟยเป็นคนถามคำถามนี้
หากวันนี้ประกาศออกมาเป็นองค์หญิงหนิงอันเป็นผู้กำกับดูแลบ้านเมือง นางก็จะถามเช่นนี้อยู่ดี
ตั้งแต่จวงไทเฮารับตำแหน่งเสียนเต๋อโฮ่วก็ได้สร้างแบบอย่างให้สตรีปกครองบ้านเมือง ทว่าเสียนเต๋อโฮ่วคือฮองเฮา แต่ซิ่นหยางเป็นแค่องค์หญิงเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่เคยได้ยินว่าฝ่าบาททรงเอ็นดูองค์หญิงคนนี้เท่าใดนักด้วย
เรียกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้กับองค์หญิงซิ่นหยางไม่ค่อยสนิทชิดเชื้อนัก องค์หญิงซิ่นหยางกับเซวียนผิงโหวแต่งงานกันเพราะราชโองการของฮ่องเต้ คนทั่วไปไม่ได้รู้ว่าที่จริงแล้วฮ่องเต้ทรงทำตามประสงค์ของฮ่องเต้พระองค์ก่อน สองสามีภรรยาจึงหมางเมินกัน ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกว่าตอนนั้นฮ่องเต้ทรงจับคู่ตามอำเภอใจ
องค์หญิงซิ่นหยางก็คงจะแค้นเคืองฮ่องเต้อยู่ในใจ ผู้คนต่างคิดกันเช่นนี้
ดังนั้นเหตุใดฮ่องเต้จึงให้นางมากำกับดูแลบ้านเมืองเล่า
“ราชโองการฉบับนี้คงไม่ได้เป็นของปลอมหรอกกระมัง”
จวงกุ้ยเฟยปากไม่มีหูรูด กล้าพูดไปเสียหมดทุกอย่าง
เซียวฮองเฮาเป็นคนแรกที่มีสีหน้าหม่นหมอง นางลุกขึ้นมองจวงกุ้ยเฟยอย่างเย็นชา “กุ้ยเฟยหมายความว่าอย่างไร! ตัวอักษรดำบนกระดาษขาวในราชโองการเขียนไว้อย่างชัดเจน ซ้ำยังประทับตราพระราชลัญจกรแล้วด้วย เจ้าไม่เชื่อพระราชลัญจกรแคว้นเจา หรือไม่เชื่อในราชโองการของฝ่าบาทกันแน่!”
ในราชโองการมีส่วนเนื้อหาที่ให้ไท่จื่อว่าราชการแทน มาบอกว่าเป็นของปลอมเช่นนี้ ก็หมายความว่าไม่ยอมรับไท่จื่อไปด้วยมิใช่หรือไร
เซียวฮองเฮาไม่สนใจว่าใครจะเป็นผู้กำกับดูแลบ้านเมือง สรุปคือไท่จื่อต้องออกว่าราชการแทนฝ่าบาท!
จวงกุ้ยเฟยแค่นเสียงเอ่ย “ใครจะรู้ว่าจะมีคนอาศัยจังหวะที่ฝ่าบาททรงไม่ได้สติ แอบขโมยพระราชลัญจกรของฝ่าบาทมาปลอมแปลงราชโองการหรือไม่ ใช่หรือไม่ล่ะ เว่ยกงกง”
เว่ยกงกงขมับเต้นตุบๆ จวงกุ้ยเฟยหนอจวงกุ้ยเฟย ปกติท่านก็โง่เขลาจะตาย เหตุใดวันนี้จึงได้ฉลาดขึ้นมานัก
ถูกต้องแล้ว ความจริงมันเป็นเช่นนั้นแหละ!
แต่น่าเสียดายนักที่ข้าไม่มีทางยอมรับหรอก!
เซียวฮองเฮาตรัสด้วยสีพระพักตร์จริงจัง “เว่ยกงกง เจ้าเล่าขั้นตอนทุกอย่างที่ฝ่าบาททรงออกราชโองการให้ทุกคนฟังสิ”
“อ่า…นี่…” เว่ยกงกงมองราชโองการที่ยังคงเป็นลายมือองค์หญิงหนิงอันอย่างชัดเจน ก่อนฝืนเอ่ย “ฝ่าบาททรงตื่นมายามไฮ่[1] ตอนนั้นองค์หญิงหนิงอันก็อยู่ด้วย ฝ่าบาทจึงให้องค์หญิงหนิงอันเขียนราชโองการแทน แล้วให้บ่าวนำตราพระราชลัญจกรหยกมาประทับพ่ะย่ะค่ะ”
จวงกุ้ยเฟยยิ้มเหน็บแนม “ให้องค์หนิงอันเขียนราชโองการแทนอย่างนั้นรึ เหตุใดทุกคราที่ฝ่าบาททรงฟื้นองค์หญิงหนิงอันก็อยู่ด้วยตลอด แต่พอพวกเราไปเยี่ยมฝ่าบาท ฝ่าบาทไม่เคยตื่นขึ้นมาสักครา”
หมายถึงเรื่องที่ตอนนั้นฮ่องเต้พระองค์ก่อนให้องค์หญิงหนิงอันเขียนราชโองการเนรเทศไทเฮาแทน
เซียวฮองเฮาเอ่ยเสียงเย็น “เช่นนั้นมันก็เป็นเพราะว่าพวกเจ้าปลุกฝ่าบาทไม่ตื่นมิใช่หรือไร ฝ่าบาททรงอยากพบพวกเจ้าหรือไม่ พวกเจ้าไม่รู้แก่ใจกันเลยรึ”
นั่นน่ะสิ
พวกสตรีวังหลังรวมกันยังสู้องค์หญิงหนิงอันเพียงคนเดียวไม่ได้เลย
จวงกุ้ยเฟยสะอึกเถียงไม่ออก
“องค์หญิงหนิงอัน เจ้าลองดูซิว่านี่เป็นราชโองการที่ได้เขียนแทนเมื่อคืนนี้หรือไม่” เซียวฮองเฮาพยักหน้าให้เว่ยกงกงส่งราชโองการให้องค์หญิงหนิงอัน
องค์หญิงหนิงอันรับมาพินิจอย่างละเอียด เป็นลายมือนาง ไร้ข้อบกพร่องใดๆ
ทว่านางไม่มีทางสับสนชื่อของตัวเองกับซิ่นหยางแน่นอน
ดังนั้นราชโองการนี้ถูกคนสับเปลี่ยนไป
แต่ต่อให้เล่าความจริงไปตอนนี้ ก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้น…นั่นก็ไม่ใช่ความจริงที่จะทนต่อสภาพยอมถูกซักฟอกได้ด้วย
มือองค์หญิงหนิงอันที่จับราชโองการอยู่มีเส้นเอ็นปูดโปน
เว่ยกงกงตกใจยกใหญ่
องค์หญิงหนิงอันคงไม่คิดว่าเขาเป็นคนทำหรอกกระมัง ฟ้าดินโปรดเมตตา เมื่อคืนหลังจากราชโองการเข้ากล่องไหมแล้วเขาก็ไม่ได้ไปแตะต้องมันอีกเลยนะ! ผีสางคงรู้ว่าเหตุใดหนิงอันจึงกลายเป็นซิ่นหยางไปได้
องค์หญิงหนิงอันสูดหายใจลึก ก่อนจะพรูออกมาช้าๆ เอ่ย “ทูลพี่สะใภ้ ถูกต้องแล้วเพคะ”
เซียวฮองเฮาเลิกคิ้ว “องค์หญิงหนิงอันกับเว่ยกงกงจงรักภักดีต่อฝ่าบาท อย่างไรเสียพวกเจ้าก็เชื่อคำพูดของพวกเขาได้ อีกอย่างโทษหมิ่นเบื้องสูงคือตัดหัว ใครจะกล้าปลอมแปลงราชโองการกัน”
เว่ยกงกงคิดในใจว่า คนที่ปลอมแปลงราชโองการมีถมเถไป ตรงหน้าก็มีอยู่คนหนึ่ง จะเชื่อหรือไม่ล่ะ
องค์หญิงหนิงอันเอ่ย “เหมือนว่าองค์หญิงซิ่นหยางจะยังไม่กลับเมืองหลวง…”
ยังไม่กลับเมืองหลวงก็มีโอกาสได้พลิกแพลง เขียนราชโองการขึ้นมาได้ฉบับหนึ่ง ก็มีฉบับที่สอง ฉบับที่สามได้ หรือหาเหตุผลมาถอดถอนตำแหน่งกำกับดูแลบ้านเมืองของนางก็ได้ ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรอยู่แล้ว
ใครจะคิดว่านางยังไม่ทันได้เอ่ย ก็เห็นขันทีน้อยวิ่งกระหืดกระหอบมาทูล “องค์หญิงซิ่นหยางเสด็จ…”
องค์หญิงหนิงอัน “…”
ทุกคนพากันยืนขึ้น แล้วมองไปนอกประตูตำหนักฮว๋าชิง
เห็นองค์หญิงซิ่นหยางในเครื่องแบบเต็มยศผืนบางสีทองอ่อนเหลืองอร่ามงามตาดุจหิมะบนภูเขาเซียน สวมหมวกสานเอาไว้ มีสาวใช้คนหนึ่งประคองเดินมาอย่างเชื่องช้า
สิริโฉมองค์หญิงซิ่นหยางทั่วทั้งแผ่นดินต่างรู้กันดี แม้ว่าจะเลยวัยบานสะพรั่งที่งดงามที่สุดไปแล้ว นางก็ยังงดงามจนยากที่จะพรรณนาอยู่
เพียงแต่วันนี้นางสวมหมวกสานคลุมผ้าผืนบางไว้ ปกปิดดวงหน้างามล่มบ้านล่มเมืองของนางไว้ แต่กิริยาท่าทางในทุกอิริยาบถชาววังก็ยังชวนให้ยากจะละสายตา
สาวงามวังหลังมีนับพัน แต่ละคนงดงามเพริศแพร้ว แต่ก็จำต้องยอมรับว่าที่ที่องค์หญิงซิ่นหยางปรากฏกาย ล้วนไม่มีชายใดหันมามองพวกนางเลย
องค์หญิงซิ่นหยางเดินไปหาเซียวฮองเฮาอย่างสง่างาม กำลังจะถวายคำนับให้ กลับไม่ทันระวังเหยียบชายกระโปรงเข้า หน้าคะมำไปตรงหน้าเซียวฮองเฮา!
เซียวฮองเฮา ‘ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกกระมัง’
“ยังไม่รีบประคองนายหญิงเจ้าขึ้นมาอีก” ซูกงกงตำหนิสาวใช้เสียงเบา
สาวใช้เบ้ปาก ก้มลงดึงองค์หญิงซิ่นหยางขึ้นมา
ถูกต้องแล้ว ดึงขึ้นมา
การกระทำหยาบคาย แววตายังมีความรังเกียจด้วย
ซูกงกง “…”
องค์หญิงซิ่นหยางจัดเสื้อผ้าอาภรณ์ให้เข้าที่ ก่อนเอ่ยกับเซียวฮองเฮา “ถวายพระพรฮองเฮา”
เซียวฮองเฮาพยักหน้า
ไท่จื่อเดินมาคำนับให้องค์หญิงซิ่นหยาง “ท่านอาสะใภ้”
เซียวฮองเฮาตรัสกับองค์หญิงซิ่นหยาง “เจ้ากลับมาได้เวลาพอดี มีราชโองการฉบับหนึ่งที่ต้องประกาศแก่เจ้า แต่ว่า…เหตุใดเจ้าจึงสวมสิ่งนี้ด้วยเล่า”
“ไม่กี่วันก่อนกินของผิดสำแดงจึงแพ้อาหารเพคะ มีตุ่มแดงๆ ขึ้นไม่น้อย ยากจะพบหน้าผู้ใดได้” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยพลางเลิกผ้าคลุมหน้าขึ้น เผยให้เห็นคางที่เต็มไปด้วยตุ่มแดง
เซียวฮองเฮามองแวบเดียวเท่านั้นก็รู้สึกคันคะเยอขึ้นมาแล้วจึงรีบโบกมือปัด หยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูกพลางเอ่ย “เอาละ ระวังเรื่องอาหารการกินหน่อยแล้วกัน รับราชโองการเถิด”
คนที่อยู่ข้างกายองค์หญิงซิ่นหยางหาใช่อวี้จิ่นที่เป็นนางกำนัลคนสนิท แต่เป็นสาวใช้แปลกหน้าคนหนึ่ง แต่เซียวฮองเฮาไม่ได้สนใจเรื่องขององค์หญิงซิ่นหยางเท่าใดนัก จึงคร้านจะไปถาม
เว่ยกงกงประกาศราชโองการให้องค์หญิงซิ่นหยางคนเดียวอีกรอบ
องค์หญิงซิ่นหยางคุกเข่าลง สาวใช้ไม่ได้คุกเข่าลงด้วย
นึกไม่ถึงว่าทุกคน ณ ที่นั้นต่างไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใด
เมื่อทุกคนมีปฏิกิริยา องค์หญิงซิ่นหยางก็รับราชโองการเรียบร้อยแล้ว “ซิ่นหยางรับราชโองการ ขอฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปี”
จากนั้นนางก็หันมายื่นมือดุจหยกอันสูงส่งของตัวเองส่งให้สาวใช้ด้านหลัง แล้วดัดเสียงเอ่ย “พยุงเราขึ้นสิ”
สาวใช้ดึงนางขึ้นมาด้วยสีหน้ารังเกียจ เกือบจะดึงแขนนางขาดอยู่รอมร่อ
ผ้าคลุมหน้าองค์หญิงทำจากตาข่าย มองจากด้านนอกไม่เห็นด้านใน แต่มองจากด้านในกลับเห็นด้านนอก
นางมององค์หญิงหนิงอันที่อยู่ข้างๆ ก่อนถามอย่างฉงน “ท่านนี้คือ…”
“ข้าคือหนิงอัน” องค์หญิงหนิงอันบอกนางด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
องค์หญิงซิ่นหยางพยักหน้า เอ่ย “ที่แท้ก็น้องหนิงอันนี่เอง เปลี่ยนไปไม่น้อย ข้าแทบจำไม่ได้”
หนิงอันคำนับให้ครึ่งเดียว
องค์หญิงซิ่นหยางพยักหน้ารับ
เซียวฮองเฮาตรัสกับทุกคน “เอาละ ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้ว แยกย้ายกันเสียเถิด”
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ย “ข้าจะเข้าไปดูฝ่าบาทสักหน่อย”
“อืม” เซียวฮองเฮาขานรับอนุญาต องค์หญิงซิ่นหยางกลับมาจากนอกเมือง ทั้งเรื่องธรรมเนียมและด้านความรู้สึกล้วนต้องไปถวายคำนับฮ่องเต้
พรุ่งนี้ไท่จื่อก็ต้องเข้าประชุมเช้าแล้ว เซียวฮองเฮายังมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ นางจึงพาไท่จื่อกลับไปแล้ว
พวกจวงกุ้ยเฟยย่อมต้องกลับด้วยเช่นกัน
ในขณะที่องค์หญิงหนิงอันหันหลังกำลังจะกลับตำหนักปี้สยา ก็ถูกองค์หญิงซิ่นหยางเรียกไว้
องค์หญิงหนิงอันชะงักฝีเท้ามองนาง “พี่ซิ่นหยางมีอะไรจะรับสั่งอีกหรือ”
องค์หญิงซิ่นหยางตรัสด้วยน้ำเสียงห่วงใย “ข้าเห็นสีหน้าเจ้าไม่ค่อยสู้ดี ป่วยหรือ”
องค์หญิงหนิงอันเม้มปากไม่ตอบ
เว่ยกงกงรีบอธิบาย “องค์หญิงซิ่นหยางคงไม่ทราบ ไม่นานมานี้ฝ่าบาทโดนลอบทำร้าย องค์หญิงหนิงอันเป็นคนช่วยรับดาบแทนฝ่าบาท แผลขององค์หญิงหนิงอันคงจะยังไม่หายดี”
องค์หญิงซิ่นหยางส่งเสียงอ้อ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง คิดไม่ถึงว่าข้าไม่อยู่ที่เมืองหลวงไม่ถึงเดือนก็เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้นแล้ว ก่อนหน้านี้น้องหนิงอันต้องทรยศญาติพี่น้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยามนี้ยังมาเสี่ยงชีวิตคุ้มกันฝ่าบาทอีก ช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก หากน้องหนิงอันไม่รังเกียจละก็ เข้าไปเยี่ยมฝ่าบาทด้วยกันกับข้าสิ พวกเราสองพี่น้องไม่ได้พบหน้ากันหลายปีแล้ว จะได้ย้อนรำลึกความหลังกันด้วย”
เว่ยกงกงมององค์หญิงซิ่นหยางด้วยความแปลกใจ องค์หญิงซิ่นหยางกลายเป็นคนกระตือรือร้นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
สายตาเขากวาดมององค์หญิงซิ่นหยางโดยสัญชาตญาณ เมื่อสายตาตกลงบนมือองค์หญิงซิ่นหยางที่มีข้อนิ้วชัดเจนซึ่งถือราชโองการอยู่ ขมับเขาก็พลันเต้นอย่างแรง!
อะไรกันนี่
องค์หญิงซิ่นหยางมีขนที่มือ!
องค์หญิงหนิงอันค่อนข้างลังเล กำลังจะปฏิเสธ องค์หญิงซิ่นหยางก็สาวเท้าไปหาก้าวหนึ่ง ดึงข้อมือนางเสียก่อนโดยมีแขนเสื้อกั้น “น้องหนิงอันคงไม่ได้คิดจะปฏิเสธข้ากระมัง”
ท่ามกลางธารกำนัลมากมายย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ ที่พึ่งพิงในวังหลวงขององค์หญิงหนิงอันล้มลงคนแล้วคนเล่า นางย่อมไม่อาจปฏิเสธองค์หญิงซิ่นหยางที่เพิ่งถูกแต่งตั้งเป็นผู้กำกับดูแลบ้านเมืองได้
มิฉะนั้น จะไม่สอดคล้องกับบุคลิกของนางที่พยายามประจบเอาใจเซียวฮองเฮาในหลายวันนี้
องค์หญิงหนิงอันตรัส “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร เข้าไปกันเถิดเพคะ”
องค์หญิงซิ่นหยางจับมือองค์หญิงหนิงอันเดินเข้าไปในห้องบรรทม
เว่ยกงกงมองแผ่นหลังขององค์หญิงซิ่นหยางพลางขยี้ตาอย่างแรง
เขาตาฝาดไปกระมัง
สตรีที่ไหนจะมีขนที่มือบ้าง
ลมหนาวโชยมา พัดผ้าคลุมหน้าองค์หญิงซิ่นหยางให้เลิกขึ้น องค์หญิงซิ่นหยางหันกลับมาพอดี
เว่ยกงกงจ้องมองดีๆ เกือบจะล้มก้นจ้ำเบ้า!
องค์หญิงซิ่นหยางไม่ได้มีเพียงขนที่มือเท่านั้น นางยังมีลูกกระเดือกด้วย!
[1] ยามไฮ่ 21.00-23.00 น.