สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 628 ความหวังในการผ่าตัด
บทที่ 628 ความหวังในการผ่าตัด
กั๋วกงอยู่ในท่าสงบนิ่ง
กู้เจียวไม่แน่ใจว่าเขาฟื้นฟูได้ถึงระดับไหน แค่สามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกได้อย่างคลุมเครือเท่านั้น หรือสามารถแยกแยะเสียงได้อย่างชัดเจน
หรืออีกนัยนึงก็คือไม่แน่ใจว่าเขาจะฟังรู้เรื่องหรือไม่
กระนั้น กู้เจียวก็ปฏิบัติต่อเขาเฉกเช่นคนไข้ทั่วไป นางพับแขนเสื้อของเขาจนเห็นรอยแผล
“ยังเป็นแผลตื้นอยู่ ไม่ถึงกับต้องเย็บ เดี๋ยวขอล้างแผลก่อนแล้วค่อยทายา”
ขณะที่พูด นางก็บรรจงก็เช็ดเลือดออกจากบาดแผลด้วยแท่งไอโอดีนแบบใช้แล้วทิ้ง จากนั้นก็ทายาลงไปทั่วทั้งแผล
แสงจากภายนอกค่อยๆ ส่องลอดเข้ามาในห้อง
กั๋วกงหายใจเข้าออกได้สม่ำเสมอดีและไม่ดิ้นแม้แต่น้อยตอนกู้เจียวกำลังทำแผลให้เขา
“เรียบร้อย” กู้เจียวเก็บยากลับที่เดิม จากนั้นนำขยะติดเชื้อห่อด้วยกระดาษมัน นางจะไม่ทิ้งเอาไว้ที่นี่
หลังจากที่ช่วยชีวิตคนไว้ได้ แถมช่วยทำแผลให้อย่างดี ก็ถึงเวลาที่กู้เจียวต้องกลับ
ก่อนออกไป กู้เจียวหันไปชำเลืองร่างบนเตียงเป็นครั้งสุดท้าย อาการของเขาดูดีขึ้นเมื่อเทียบกับครั้งแรกที่พบกัน อย่างน้อยเนื้อตัวก็ไม่เย็นแล้ว
กู้เจียวยื่นมือแตะหน้าผากของเขาที่ชุ่มเหงื่อเล็กน้อย
พอเห็นดังนั้นจึงช่วยดึงผ้าห่มของเขาลงมาเล็กน้อย แล้วเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ ก่อนจะเดินออกไป
กั๋วกงค่อยๆ ยกแขนที่กำลังสั่นเทาของเขาขึ้น ราวกับต้องการจะคว้าอะไรบางอย่าง
…
หลังออกมาจากจวนแล้วก็แวะไปที่โรงหมอหลายแห่ง คราวนี้กู้เจียวเปลี่ยนกลยุทธ์ โดยนางจะใช้วิธีถามว่าหากคนที่เรือนมีอาการป่วยเป็นโรคหัวใจร้ายแรงจะมีวิธีการรักษาอย่างไร แถมยังเขียนตำรับยาจีนและมอบให้คนที่โรงหมอช่วยดูด้วย
พวกหมออาจตัดสินระดับโรคหัวใจของผู้ไข้ได้จากใบสั่งยา ส่วนหมอที่มีประสบการณ์จะทราบดีว่าแค่ใช่ยาอย่างเดียวไม่สามารถรักษาโรคได้
“ข้ามีตำรับที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น เจ้าลองเอาไปใช้ดู”
“ข้าเป็นหมอมาสิบปี ไม่มีโรคใดที่ข้ารักษาไม่ได้ รอบหน้าเจ้าพาคนป่วยมาให้ดูอาการด้วยนะ!”
“ตำรับยาของบรรพบุรุษข้าสามารถรักษาทุกโรคและกำจัดพิษทั้งหมดได้ ราคาเม็ดละแปดสิบตำลึง แต่เห็นว่าเจ้าเป็นเด็กที่ใจดีและซื่อสัตย์ ดังนั้นข้าจะขายให้เจ้าในราคาห้าสิบตำลึง!”
….
กว่ากู้เจียวจะเดินออกมาจากโรงหมอที่ห้าก็ฟ้ามืดเสียแล้ว
“คนพวกนี้ไม่รู้จักการผ่าตัดด้วยซ้ำ หรือที่แคว้นเยี่ยนแห่งนี้จะไม่มีห้องผ่าตัดอยู่จริงๆ …ดังนั้น คนที่ย้อนเวลามาเหมือนกับข้าคนผู้นั้น ที่เขาวาดรูปนี้ขึ้นมาเพียงเพราะเขาเองก็กำลังตามหามันอยู่เหมือนกันสินะ”
“ขอทางหน่อย!”
ในขณะที่กู้เจียวกำลังพึมพำด้วยความสับสน จู่ๆ ก็เกิดเหตุโกลาหลบนถนน ทันใดนั้น ชายคนหนึ่งในชุดดำก็ตกลงมาจากหลังคาและล้มลงกับพื้น
ขนาดกู้เจียวอยู่ไกลยังฟังรู้เลยว่าชายคนนั้นต้องกระดูกขาหักแน่ๆ
ไม่เพียงเท่านั้น ดูเหมือนจะมีอาการบาดเจ็บอื่นๆ บนร่างกายของเขา และมีเลือดไหลออกมาจากช่องท้องของเขา
ในตอนนั้นเอง ชายชุดคลุมสีเทาหลายคนรีบวิ่งออกมาจากตรอก พวกเขาวางมีดไปที่คอของชายผู้บาดเจ็บสาหัส ชายคนหนึ่งในชุดคลุมสีเทานั่งยองๆ ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเขา แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นเขาตายแน่!”
ผ่าตัดรึ
แววตาของกู้เจียวเริ่มส่องประกาย
ชายในชุดคลุมสีเทาหลายคนวิ่งกลับเข้าไปในตรอกที่พวกเขาออกมาเมื่อครู่นี้ แล้วคว้าเปลหามออกมา และค่อยๆ เคลื่อนชายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสขึ้นไปบนนั้น
“ขึ้นรถ!”
ชายชุดเทาคนที่ตรวจร่างกายให้เขาตะโกนขึ้น
ส่วนคนที่เหลือแบกเขาขึ้นไปบนรถม้าที่จอดอยู่ในตรอก
กู้เจียวรีบตามพวกเขาไปดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
แต่ทันทีที่เข้าไปในตรอก แขนของกู้เจียวกลับถูกฝ่ามืออันแข็งแกร่งคว้าไว้
กู้เจียวรีบคว้ากริชออกมาโดยสัญชาติญาณ
“ข้าเอง!”
อีกฝ่ายพูดขึ้น
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” กู้เจียวเอากริชลงแล้วหันไปหาอีกฝ่าย
“ประโยคนี้ข้าควรถามเจ้าต่างหาก ที่นี่เป็นเขตเมืองชั้นใน เจ้าเข้ามาได้อย่างไร” มู่ชิงเฉินถามย้อน
กู้เจียวเก็บกริชเข้าไปและไม่ได้โต้ตอบแต่อย่างใด
มู่ชิงเฉินพอเข้าใจท่าทีของอีกฝ่ายดี จึงไม่ถามต่อ และเปลี่ยนคำถามแทน “และอีกอย่างนะ เจ้าไปกินเสือมาหรือไง ถึงได้กล้าไล่ตามคนอื่นไปทั่วอย่างไม่สนว่าใครเป็นใคร”
“ข้าเห็นคนผู้นั้นบาดเจ็บหนัก เลยอยากรู้ว่าพวกเขาจะรักษาด้วยวิธีไหน”
ซึ่งกู้เจียวก็พูดความจริง
มู่ชิงเฉินทำหน้าเฉยเมย พลางเอ่ย “นี่น่ะหรือ เรื่องที่เจ้าสนใจ”
“ข้าพอใจของข้า มีอะไรไหม” กู้เจียวตอบ
มู่ชิงเฉิน “…”
“ทีนี้จะปล่อยมือได้หรือยัง” กู้เจียวเอ่ยพลางมองที่แขนของตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายคว้าไว้แน่น
มู่ชิงเห็นค่อยๆ ปล่อยมือลง จ้องเขม็งไปที่กู้เจียวหนึ่งที ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไป “ข้ากำลังจะออกนอกเมืองพอดี”
“อ้อ” กู้เจียวเลิกคิ้วหนึ่งที ก่อนจะเดินขึ้นไปบนรถม้าโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายพูดเชิญ
“ออกเมือง” มู่ชิงเฉินสั่งสารถี
สารถีถึงกับบ่นพึมพำในใจ ก็เพิ่งจะกลับมาไม่ใช่รึ เหตุใดถึงจะออกไปอีกล่ะ
พอบ่นจบก็คว้าบังเหียนกลับรถแล้วเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังนอกเมือง
“จับมือสังหารไท่จื่อได้แล้วหรือยัง” กู้เจียวถาม
“จับได้แล้วก็จริง แต่ดันกินยาฆ่าตัวตายไปเสียก่อน” มู่ชิงเฉินตอบ
กู้เจียวไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรนัก เพราะทุกราชวงศ์ล้วนแต่มีปัญหาภายในกันทั้งสิ้นไม่ว่าจะแคว้นไหน
ในทางตรงกันข้าม มือสังหารที่พบที่จวนกั๋วกงต่างหากที่ทำให้กู้เจียวเกิดคำถามมากมาย
ครั้งแรกที่เข้าไปในจวน ทหารยามของจวนค้นพบร่องรอยของบุคคลต้องสงสัย ตอนแรกกู้เจียวคิดว่าตัวเองถูกเปิดเผยตัวตนมาระยะหนึ่งแล้ว แต่พอพิจารณาจากสถานการณ์วันนี้ เกรงว่าวันนั้นคงมีคนแอบเข้ามาลอบสังหารกั๋วกงจริงๆ
เพียงแต่ถูกทหารของจวนพบเข้าก่อนก็เลยต้องหนีไป
มาคราวนี้ มือสังหารระวังตัวมากขึ้น จึงหลบสายตาของพวกทหารยามไปได้
กู้เจียวครุ่นคิดอยู่พัก ก่อนตัดสินใจหยิบกริชออกมาให้มู่ชิงเฉินช่วยดู
“อะไรน่ะ” มู่ชิงเฉินคว้ากริชแล้วเอ่ยถาม
“มีคนจงใจลอบสังหารท่านกั๋วกง และนี่คืออาวุธที่มันทำตกไว้” กู้เจียวตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้มู่ชิงเฉินฟัง
เหตุผลประการแรก กู้เจียวไม่ได้รู้สึกถึงรังสีอำมหิตหรือจิตสังหารของมู่ชิงเฉินแม้แต่นิดตอนที่ไปช่วยรักษากั๋วกง ประการที่สอง ใบสั่งยาที่มู่ชิงเฉินมอบให้นั้นเห็นได้ชัดว่าใช้รักษาโรคที่กั๋วกงเป็นอยู่จริงๆ แสดงให้เห็นว่ามู่ชิงเฉินเคยแอบไปหาวิธีการรักษาให้กั๋วกงมาแล้ว
ดังนั้นเขาไม่ใช่ศัตรูของอันกั๋วกง
พอมู่ชิงเฉินฟังจบ คำถามแรกของเขาก็คือ “เจ้าไปที่จวนกั๋วกงอีกแล้วรึ”
“ถ้าข้าบอกว่าไปโดยบังเอิญ เจ้าจะเชื่อหรือไม่” กู้เจียวเอ่ย
มู่ชิงเฉิน “…”
“แล้วนี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” เขาถามต่อ
กู้เจียวจึงเล่าเรื่องที่ตัวเองบังเอิญเข้าไปในจวนกั๋วกงถึงสองครั้งสองคราให้เขาได้เข้าใจ
มู่ชิงเฉินถึงกับร้องอ๋อว่าทำไมครั้งนั้นที่เขาพากู้เจียวเข้าไปที่จวน กู้เจียวถึงได้มีท่าทีคุ้นชินกับสถานที่อย่างน่าประหลาดใจ ที่แท้เรื่องก็เป็นแบบนี้เอง!
ตอนแรกกู้เจียวคิดว่ามู่ชิงเฉินจะถามถึงเรื่องที่ไล่มือสังหารออกไปได้ ทว่าเขากลับไม่ถามอะไรเลยด้วยซ้ำ ราวกับเขารู้อยู่แล้ว
แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน กู้เจียวนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเคยเผลอเผยความลับไปตอนไหน จนต้องตำหนิเขาไปว่าเหตุใดถึงไม่ถามถึงฝีมือการต่อสู่ของตนเลย
“เข้าใจแล้ว ข้าจะกำชับจวนกั๋วกงให้คุ้มกันอย่างหนาแน่นขึ้น” มู่ชิงเฉินเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองกริชที่อยู่ในมือ
กู้เจียวแบมือให้เขา
“ทำอะไรน่ะ” มู่ชิงเฉินถาม
“เอากริชคืนมาสิ ข้าชิงมันมาด้วยความสามารถของข้าเองเลยนะ” กู้เจียวเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ
แค่ให้ดูเท่านั้น ไม่ได้จะยกให้สักหน่อย
มู่ชิงเฉิน “…”
เขาคิดในใจ กริชนี้ไม่สามารถใช้ยืนยันตัวตนของมือสังหารได้ ให้เก็บไว้คงไม่เสียหาย
ก่อนจะคืนมันให้กู้เจียว
“ข้าเคยสัญญากับใครคนหนึ่งไว้ว่าจะดูแลท่านกั๋วกงให้ดี”
“ฮะ”
เหตุใดจู่ๆ ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นล่ะ
“เจ้าพูดจริงรึ” กู้เจียวถาม
ความสัมพันธ์ของพวกเขายังไม่ถึงขั้นต้องพูดคุยเรื่องแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
มู่ชิงเฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับเพิ่งรู้ตัวว่าเขาพูดอะไรผิดไปจึงอธิบายเสริม “จู่ๆ ข้าก็นึกใครคนนั้นขึ้นมา”
“คนสำคัญรึ” กู้เจียวไม่อยากยื้อความยาวต่อก็จริง แต่พอเห็นสีหน้าของเขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องถามต่อ
มู่ชิงเฉินเล่าต่อ “เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ก่อนที่นางจากไป นางกำชับกับข้าว่า ‘มู่ชิงเฉิน เจ้าต้องดูแลพ่อของข้าให้ดี หากเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะกลับมาเล่นงานเจ้า’”
“บุตรสาวของกั๋วกงอันรึ” กู้เจียวถาม “อ้อ ขนาดนั้นเชียว”
“นางเด็กกว่าข้าก็จริง แต่ข้าสู้นางไม่ได้เลย หมาป่าก็เช่นกัน” มู่ชิงเฉินตอบ
หมาป่าก็สู้ข้าไม่ได้เหมือนกันแหละ กู้เจียวพูดในใจ
แต่จะว่าไป บทสนทนานี้ดูอึดอัดไปหน่อยสำหรับกู้เจียว
ด้วยความที่เป็นคนไม่ถนัดบทสนทนาแบบนี้ จนอดรู้สึกไม่ได้ว่า ถ้าปล่อยให้พูดเรื่องแบบนี้ต่อไป มีหวังนิ้วเท้าของนางได้จิกพื้นรถจนทะลุแน่ๆ
แต่โชคยังดีที่มู่ชิงเฉินเปลี่ยนหัวข้อ “คนพวกนั้น เป็นคนของตำหนักราชครูน่ะ”
“หมายถึงพวกไหนรึ” กู้เจียวถาม
“ก็พวกคนที่เมื่อครู่นี้เจ้าจะไล่ตามไงล่ะ” มู่ชิงเฉินตอบ
“แล้วตำหนักราชครูที่เจ้าว่ามันคืออะไรรึ” พอพูดถึงเรื่องนี้ กู้เจียวก็มีพลังขึ้นมาทันที
“ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยทำงานเป็นโหรหลวงมาก่อน พอภายหลังถูกควบรวมกับราชครู ก็เลยตั้งตำหนักขึ้นมาใหม่เป็นตำหนักราชครู เป็นกลุ่มผู้มีอำนาจมากที่สุดในเมืองเซิ่งตู ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของตำหนักราชครูเป็นคนรอบรู้ ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ สามารถเข้าออกวังได้โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า”
เคยมีข่าวลือว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน แคว้นเยี่ยนเป็นเพียงแคว้นรองเท่านั้น แต่อยู่มาวันหนึ่ง ที่แคว้นเยี่ยนปรากฏราชครูคนสำคัญและได้ทำการถวายคัมภีร์หกบทให้กับฮ่องเต้ ด้วยเนื้อหาลับบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในคัมภีร์ทำให้แคว้นเยี่ยนพลิกขึ้นมาเป็นแคว้นระดับต้นๆ ได้
กู้เจียวไม่รู้ว่าข่าวลือเหล่านี้เป็นความจริงหรือไม่ ทว่าแม้แต่มู่ชิงเฉินยังออกปากยกย่องนับถืออีกฝ่าย บางที ราชครูผู้นั้นอาจเป็นคนที่เดินทางย้อนเวลามาและทำการสร้างห้องผ่าตัดขึ้น