สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 684 ความลับของอาจารย์แม่
บทที่ 684 ความลับของอาจารย์แม่
ยามค่ำคืน อาจารย์หลู่และกู้เสี่ยวซุ่นลากรถบรรทุกฟืนกลับมาที่บ้าน
“เหตุใดไปนานนักเล่า” อาจารย์แม่หนานเดินไปที่ประตูบ้านช่วยขนฟืน
อาจารย์หลู่รีบห้ามนาง “เจ้าวางไว้ตรงนั้นเถิด ข้าจัดการเอง!”
“แค่ฟืนไม่กี่ท่อนเอง” อาจารย์แม่หนานไม่ถือสา
“ก็เพราะไม่กี่ท่อนนั่นแล ใช่ไหมเสี่ยวซุ่น” อาจารย์หลู่รู้ว่าตัวเองสู้อาจารย์แม่หนานไม่ได้ จึงดึงกู้เสี่ยวซุ่นมาเป็นกำลังเสริม
“ขอรับอาจารย์” กู้เสี่ยวซุ่นกระโดดลงจากรถม้ารับฟืนจากมืออาจารย์แม่หนาน
อาจารย์แม่หนานจ้องมองอาจารย์หลู่อย่างแง่งอน
กู้เสี่ยวซุ่นแบกฟืนเข้ามาในบ้าน เหลือบเห็นทวนพู่แดงและตะกร้าใบเล็กอยู่ในห้องโถง ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้น “เอ๊ะ พี่สาวข้ากลับมาแล้วหรือ”
อาจารย์แม่หนานยิ้มพลางเอ่ย “กลับมาแล้ว กำลังเล่นหมากรุกกับท่านอาวุโสเมิ่งอยู่ท้ายเรือน”
ทุกคนในเรือนต่างรู้ดีว่าแซ่ของผู้อาวุโสคือเมิ่ง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อมโยงเขากับปรมาจารย์หมากรุกแห่งแคว้นทั้งหก เพราะอย่างไรเสีย บุคคลระดับปรมาจารย์หมากรุกแห่งแคว้นทั้งหกนั้น แม้แต่จวนกั๋วซือยังยกย่องให้เป็นแขกพิเศษ เขาจะตกต่ำถึงขั้นมาอาศัยอยู่บ้านคนอื่นได้อย่างไร
กู้เสี่ยวซุ่นตื่นเต้นจนแทบจะหูตั้งไปหมดแล้ว เขาแบกฟืนมัดหนึ่งวิ่งไปท้ายเรือนอย่างรีบร้อน “พี่สาว!”
กู้เจียวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าที่แห้งสนิท เส้นผมของนางเปียกชื้นครึ่งหนึ่งและปลิวไสว
เมื่อได้ยินเสียงของกู้เสี่ยวซุ่น นางยกมือสะบัดผมที่ไม่ยอมอยู่นิ่งไปข้างหลัง ก่อนจะหันไปมองกู้เสี่ยวซุ่น “เสี่ยวซุ่น”
กู้เสี่ยวซุ่นวางฟืนลง เดินมาข้างหน้านาง มองนางจากบนลงล่าง “ท่านพี่ เหตุใดถึงออกไปนานนัก ข้าเป็นห่วงท่านพี่!”
กู้เจียวยิ้มบาง “มีเรื่องติดขัดนิดหน่อย ลาเรียนที่สำนักบัณฑิตไปหลายวัน เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
กู้เสี่ยวซุ่นส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไร ข้าบอกว่าพี่สาวป่วย พวกเขาจะมาเยี่ยมพี่สาว แต่ข้าห้ามไว้แล้ว”
“พวกเขาอย่างนั้นหรือ” กู้เจียวงงไปหมด
“อาจารย์อู่ มู่ชิงเฉิน มู่ชวน…” กู้เสี่ยวซุ่นร่ายชื่อคนออกมาเป็นชุดยี่สิบกว่าชื่อ นี่เป็นเพราะเขาจำชื่อเหล่านี้ได้เท่านั้น ยังมีอีกหลายคนที่เขาจำไม่ได้
กู้เจียว “อืม”
นี่นางเป็นคนดังขนาดนี้เลยหรือ
“เอาละ เอาละ เด็กน้อย เจ้ารอก่อนนะ ข้ากับพี่สาวเจ้าขอเล่นหมากตานี้จบก่อน” ผู้อาวุโสเมิ่งอดไม่ได้ เขามีสมุดบันทึกอยู่ในมือ เขาเล่นหมากกับกู้เหยี่ยนไปยี่สิบกว่ากระดานแล้ว เด็กน้อยคนนี้ต้องเล่นกับเขาครบหมด
พอดียังมีฟืนที่ยังไม่ได้ยกเข้าบ้าน กู้เสี่ยวซุ่นเกาศีรษะพลางเอ่ย “พี่สาว เดี๋ยวข้ามาหา”
กู้เจียว “ได้”
…
กู้เจียวกลับมาอย่างปลอดภัย ทุกคนในครอบครัวก็โล่งอก อาจารย์แม่หนานจึงตัดสินใจทำอาหารอร่อยๆ ในวันรุ่งขึ้น
แต่เครื่องเทศอย่างอบเชยและยี่หร่าหมดแล้ว อาจารย์แม่หนานจึงตัดสินใจไปซื้อที่ร้านค้า
ในตรอกมีร้านขายเครื่องเทศอยู่ร้านหนึ่ง เดินไม่กี่ก้าวก็ถึง
แต่วันนี้พวกเขาปิดร้านแล้ว อาจารย์แม่หนานจึงต้องออกไปซื้อที่ตลาดแทน
อาจารย์หลู่กำลังซ่อมรถม้าที่บ้าน เมื่อซ่อมได้ครึ่งทางก็ขมวดคิ้ว “หนานเซียงยังไม่กลับมาอีกหรือ เสี่ยวซุ่น เจ้ามาซ่อมแทนข้าหน่อย ข้าจะออกไปดู”
“ได้สิขอรับ!” กู้เสี่ยวซุ่นรับเครื่องมือจากอาจารย์หลู่ไป อาจารย์หลู่จึงรีบเดินออกไป
ในเวลานี้ อาจารย์แม่หนานกำลังเจอเรื่องร้าย นางถูกคนมาขวางทางในตรอกและถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ มีเลือดติดอยู่บนผ้าคลุมหน้าของนาง
นางกุมหน้าอกที่เจ็บปวด ยกมือเช็ดเลือดที่มุมปาก แล้วยิงเข็มพิษดอกถังฮวาออกไปสามดอก
ชายคนนั้นยิ้มเย็นชา ยกมือขึ้นก็รับอาวุธลับของนางได้
สีหน้าของอาจารย์แม่หนานเปลี่ยนไป
ชายคนนั้นมองดูเข็มพิษดอกถังฮวาสามดอกในมือ เขาหัวเราะพลางเอ่ย “อาบยาพิษไว้นี่เอง เจ้าโหดเหี้ยมขึ้นจากเมื่อก่อนนัก แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอีกแล้ว!”
ว่าจบเขายิ้มอย่างเย็นชา ยิงเข็มพิษดอกถังฮวาสามดอกกลับไปยังอาจารย์แม่หนานในชั่วพริบตา
อาจารย์แม่หนานเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
เร็วเกินไปแล้ว
นางหลบไม่ทัน!
ทันใดนั้นเอง มีร่างเล็กร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นด้านหลังอาจารย์แม่หนาน ร่างนั้นพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วฉกฉวยอาจารย์แม่หนานเอาไว้ก่อนจะดึงนางออกไปด้านข้าง
เข็มพิษดอกถังฮวาสามดอกปักลงบนพื้นดังกึกก้อง!
แทบจะวินาทีเดียวกันนั้น กู้เจียวกระโดดขึ้นจากพื้นด้วยแรงพยุงจากทวนยาว นางพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและแทงทวนเข้าไปที่หัวใจของชายคนนั้น
ชายคนนั้นพยายามคว้าด้ามทวน แต่กลับพบว่านั่นเป็นเพียงกลอุบายเท่านั้น ปลายทวนหมุนกลับและพุ่งเข้าหาขาของเขา
ชายคนนั้นเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขารีบกระโดดขึ้นไปบนหลังคา
เขาตั้งหลักได้ก็มองไปที่เด็กน้อยผมดำในตรอก
เด็กน้อยกำทวนไว้ในมือ เงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเย็นชา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและความดื้อรั้น
“กระบวนท่ากระบองเมื่อครู่…” เขาขมวดคิ้วและพึมพำเบาๆ จากนั้นจึงเผยยิ้มบาง “หนานเซียง นี่หรือยอดฝีมือที่เจ้าเรียกมา ต้องบอกว่าเด็กคนนี้ทำให้ข้าประหลาดใจไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า! ดูท่ากันหน่อย!”
“ศิษย์พี่!”
อาจารย์แม่หนานรีบเดินไปข้างหน้า ยื่นแขนออก บังกู้เจียวไว้ด้านหลัง “อย่าทำร้ายนาง!”
ศิษย์พี่รึ
กู้เจียวมองขึ้นไปที่ชายบนหลังคาอีกครั้ง ท้องฟ้ามืดมิด ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืด กู้เจียวมองไม่เห็นสีผิวของเขา แต่โครงหน้าของเขายังพอมองเห็นได้รางๆ
ชายคนนี้มีดวงตาที่เต็มไปด้วยความอำมหิต
หน้าตาของเขาเดิมทีก็ดีใช้ได้ แต่พอมาคู่กับดวงตาคู่นี้ กลับดูชั่วร้ายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“อาจารย์แม่หนาน เจ้าถอยไปก่อน” กู้เจียวกดแขนของอาจารย์แม่หนานลง เดินไปข้างหน้าอย่างไร้ความกลัว ชี้ทวนไปที่ชายคนนั้น “ลงมาสู้กับข้า”
อีกฝ่ายชะงักเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึงว่าเด็กน้อยจะกล้าหาญขนาดนี้ แต่ไม่นาน เขาก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจ
“ศิษย์น้อง ข้าไม่ได้เห็นคนน่าสนใจขนาดนี้มานานแล้ว ถ้าเขาเรียกเจ้าว่า ‘อาจารย์’ ก็นับว่าเป็นเพื่อนร่วมสำนักของข้าครึ่งหนึ่ง ช่างเถอะ ข้าแค่ได้ยินว่าเจ้ามาเมืองเซิ่งตู จึงมาหาเจ้าเพื่อทักทายเท่านั้น ข้าไม่ได้คิดจะทำอะไรเจ้า เจ้าเองที่ตื่นตระหนกจึงเป็นคนเริ่มก่อน”
อาจารย์แม่หนานกัดฟันเอ่ย “ไร้ยางอาย!”
“เอาละ ทักทายเสร็จแล้ว ข้าควรไปแล้ว ลาก่อนศิษย์น้อง!”
เอ่ยจบ เขายิ้มเย็นแล้วใช้วิชาตัวเบาหายตัวไปในยามค่ำคืน
กู้เจียวหันตัวไป ยื่นมือไปจับแขนของนางอย่างแผ่วเบา “อาจารย์แม่หนาน ท่านบาดเจ็บแล้ว”
อาจารย์แม่หนานโบกมือ “แค่บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่กี่วันก็หายแล้ว เจ้ามาได้อย่างไร”
กู้เจียวตอบ “ท่านออกมานานแล้ว ข้าจึงออกมาหาท่าน อาจารย์หลู่ก็ออกตามหาท่านเช่นกัน แต่คิดว่าไปทางอื่นแล้ว”
อาจารย์แม่หนานถอนหายใจเบาๆ พลางเอ่ย “ไปกันเถอะ กลับกันเถอะ”
กู้เจียวถือทวนไว้ในมือข้างหนึ่ง จับแขนอาจารย์แม่หนานไว้อีกข้างหนึ่งแล้วเดินกลับบ้าน
ทั้งสองเดินออกจากตรอก อาจารย์แม่หนานยิ้มขื่นก่อนจะเอ่ย “ข้าไม่เคยเล่าเรื่องของตัวเองให้พวกเจ้าฟังอย่างละเอียด เจ้าโกรธข้าหรือไม่”
กู้เจียวส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่ได้เล่าเรื่องของตัวเองให้อาจารย์แม่หนานฟังเหมือนกัน”
อาจารย์แม่หนานยิ้มเอ่ย “คนคนนั้นชื่อ ฉีเซวียน เป็นศิษย์เอกของสำนักถัง สำนักถังเป็นสำนักใหญ่ที่อยู่นอกยุทธภพของแคว้นทั้งหก ข้าเคยเป็นศิษย์ของสำนักถังมาก่อน แต่ข้าไม่พอใจกับการแต่งงานที่สำนักถังกำหนดให้ข้า สละวรยุทธ์และออกจากสำนักถัง หากข้ายังมีวรยุทธ์อยู่ ฉีเซวียนคงไม่สามารถทำร้ายข้าได้ในวันนี้”
กู้เจียวอ๋อขึ้นมาทันที “เข้าใจแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดอาจารย์แม่หนานถึงเก่งเรื่องพิษกับอาวุธลับขนาดนี้”
อาจารย์แม่หนานส่ายหน้าอีกครั้ง “จริงๆ แล้ว สองอย่างนี้เป็นวิชาที่ข้าไม่ถนัดที่สุด ไม่อย่างนั้น ข้าคงไม่ได้แค่สละวรยุทธ์ อาจจะต้องเสียแขนทั้งสองข้างด้วยซ้ำ จริงๆ แล้ว เรื่องพิษกับอาวุธลับ ฉีเซวียนเก่งกว่าข้ามาก”
กู้เจียวขมวดคิ้วสงสัย “เช่นนั้นอาจารย์แม่หนาน…”
อาจารย์แม่หนานตอบ “ข้ามีวรยุทธ์ที่ค่อนข้างแก่กล้า สมัยก่อนสำนักถังมีวิชาต้องห้ามวิชาหนึ่ง เดิมทีไม่อนุญาตให้ศิษย์ในสำนักฝึกฝน แต่ต่อมาไม่รู้ว่าท่านประมุขคิดอะไรถึงตัดสินใจให้ศิษย์เอกลองฝึกดู ผลปรากฏว่ามีข้าคนเดียวที่ฝึกสำเร็จ อาจเป็นเพราะเหตุนี้เองที่ข้าจึงถูกบังคับให้แต่งงานกับลูกชายของท่านประมุข…”
เอ่ยมาถึงตรงนี้ อาจารย์แม่หนานก็หยุดเอ่ยไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะ “เรื่องพวกนี้มันผ่านมาแล้ว วรยุทธ์ไม่มีแล้ว แต่การได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระก็ดีเหมือนกัน”
“แล้วเหตุใดเมื่อครู่เขาถึงพยายามฆ่าท่านเล่า” กู้เจียวไม่เชื่อคำพูดของเขาที่บอกว่าแค่มาทักทายกันเท่านั้น นางสัมผัสได้ถึงพลังอาฆาตอันแสนรุนแรงจากเขา
อาจารย์แม่หนานตอบ “เขาบังคับให้ข้าถ่ายทอดวิธีฝึกวิชาต้องห้ามที่ข้าเรียนรู้มา น่าเสียดายที่ข้าไม่รู้อะไรเลย มันแค่ฝึกไปเรื่อยๆ เอง ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะโง่ขนาดไหน”
กู้เจียว“…”
นึกอะไรขึ้นมาได้ กู้เจียวเอ่ย “เมื่อครู่เขาพูดว่าได้ยินข่าวว่าอาจารย์แม่หนานมาถึงเมืองเซิ่งตู”
อาจารย์แม่หนานถอนหายใจ “เจ้ายังจำยังผู้ดูแลแซ่เหลียวจากจวนกั๋วซือได้หรือไม่ คนที่ข้าฝากให้เขาพาเจ้าเข้าไปจวนกั๋วซือทางประตูหลังน่ะ”
กู้เจียวนึกออกนิดหน่อย “คนที่โดนราชาม้าเตะใช่หรือไม่”
อาจารย์แม่หนานตอบ “ใช่ เขาเคยเป็นศิษย์นอกสำนักของสำนักถัง รู้จักกับข้าอยู่บ้าง ข้าคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนบอกที่อยู่ของข้าให้ฉีเซวียนรู้ แต่ข้าไม่คิดว่าฉีเซวียนจะมาเมืองเซิ่งตูน่ะสิ นี่มันผิดกฎของสำนักถังตั้งแต่ท่านประมุขคนก่อนเริ่มแล้วว่าจะไม่เข้ายุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกอีก”
ทันใดนั้น อาจารย์แม่หนานก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง