สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 703 ติดพี่สาว
บทที่ 703 ติดพี่สาว
แม้การผ่าตัดของกู้เหยี่ยนจะสิ้นสุดลงและไม่ต้องใช้ท่อช่วยหายใจแล้วก็ตาม ทว่ากั๋วซือยังคงให้เขานอนพักฟื้นต่อที่ตำหนักฉีหลิน
กู้เจียวไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด
อวี้เหอได้เตรียมห้องพักโอ่อ่ากว้างขวางไว้ให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว ข้างในนั้นมีเตียงสองเตียงเพื่ออำนวยให้กู้เจียวยามเข้าไปดูแล ทั้งยังมีสาวใช้สองคนไว้คอยเฝ้าอยู่หน้าประตู พร้อมให้เรียกใช้อยู่ตลอดเวลา
ผลของความดื้อของกู้เหยี่ยนทำให้กู้เจียวต้องเรียกผู้อาวุโสเมิ่งมาช่วยดูแลเขาแทน
กู้เหยี่ยนทำหน้าง้ำงออย่างรู้สึกผิด เขาไม่ต้องการท่านผู้อาวุโส เขาต้องการพี่สาว
กู้เจียวออกไปต้มข้าวต้มให้เขา
หลังจากล่วงเลยมาหกชั่วยามหลังการผ่าตัดเสร็จสิ้น ฤทธิ์ยาชาก็เริ่มอ่อนลง จึงไม่ต้องกังวลว่ากะเพราะจะรับอาหารไม่ได้ เวลานี้กู้เหยี่ยนสามารถรับประทานอาหารอ่อนๆ ได้แล้ว
ที่ตำหนักฉีหลินมีห้องครัวพิเศษ คนนอกไม่สามารถเข้ามาใช้งานได้ยกเว้นแค่กู้เจียว
เดิมต้องเป็นหน้าที่ของบ่าวสองคน แต่กู้เจียวขอไว้
พออวี้เหอเดินมาเห็นกู้เจียวที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตา ก็เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาในใจ
ไม่แปลกใจที่เขาจะยังไม่คุ้นเคยกับคนผู้นี้ แม้จะเคยพบเจอกันบ้าง แต่อวี้เหอกลับรู้สึกได้ถึงความนิ่งเฉยและเย็นชาของอีกฝ่าย
ดูเผินๆ เหมือนจะเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ทว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นเข้าถึงยาก
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด พอเขาได้เห็นภาพตรงหน้านี้เขากลับรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของความอ่อนโยนอันแสนจะเบาบางของอีกฝ่าย
“ท่าน…ท่านชายเซียว” อวี้เหอเรียกชื่อของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงลังเล
ความอ่อนโยนที่เผยให้เห็นตรงหว่างคิ้วของกู้เจียวหายไปในทันที ก่อนจะรีบวางมาดเป็นเซียวลิ่วหลังที่อวี้เหอรู้จักตามเดิม
อวี้เหอชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มให้ “ท่านชายเซียว ท่านกั๋วซือขอให้ข้ามาช่วยตรวจดูว่าท่านชายเซียวยังขาดเหลืออะไรหรือไม่”
“ไม่เป็นไร ตรงนี้ไม่มีอะไรขาดเหลือ” กู้เจียวเอ่ย “พวกท่านยังไม่พักผ่อนอีกรึ”
นี่ก็ดึกมากแล้ว
แต่ก็อย่างว่า ต้องยกความดีความชอบให้ผู้อาวุโสเมิ่ง ดึกป่านนี้แล้วท่านกั๋วซือยังมีกะใจมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบอีก
“ท่านกั๋วซือนอนดึกเป็นอาจิณ” อวี้เหอตอบ
“อ๋อ” จากนั้นกู้เจียวก็ก้มหน้าต้มโจ๊กต่อ
อวี้เหอเอ่ยต่อ “ท่านชายเซียว เรื่องพวกนี้ให้ข้าทำก็ได้ขอรับ หรือไม่อย่างนั้นก็วานให้พวกเขาออกไปซื้อก็ได้นี่”
“ไม่เป็นไร” กู้เจียวปฏิเสธอย่างเกรงใจ
มีเด็กแถวนี้เพิ่งผ่าตัดเสร็จหมาดๆ กำลังงอแงได้ที่เลยล่ะ ให้คนอื่นทำอาหารให้คงไม่ถูกปากหรอก
“ไปพักผ่อนเถอะ ข้าใกล้เสร็จแล้ว” กู้เจียวเอ่ย
“หากมีอะไรให้ช่วยเหลือบอกข้าได้เสมอ” อวี้เหอบอกกับนาง
กู้เจียวพยักหน้าตอบรับ
จากนั้นอวี้เหอก็เดินออกไป
ขณะที่เขากำลังก้าวขาข้ามธรณีประตู เขาก็หยุดโดยไม่รู้ตัวและหันกลับไปมองที่กู้เจียวอีกครั้ง
เขารู้จากมู่หรูซินว่าอีกฝ่ายมาจากแคว้นเจา ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง อวี้เหอรู้สึกว่าเขานั้นช่างโชคดีและมีความสุขที่ได้รับการปฏิบัติอย่างอ่อนโยนจากอีกฝ่าย
หลังจากที่กู้เจียวปรุงข้าวต้มเสร็จแล้วก็เดินไปที่ปีกตำหนักตรงห้องที่กู้เหยี่ยนพักอยู่ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องพักของผู้อาวุโสเมิ่ง
แม้ว่ากู้เหยี่ยนจะนอนหลับทั้งวันในระหว่างวัน แต่ด้วยความที่ร่างกายของเขาได้เข้ารับการผ่าตัดใหญ่ จึงไม่แปลกที่จะยังรู้สึกอ่อนเพลีย ทว่าเขายังคงตั้งหน้าตั้งตารอกู้เจียว ไม่อย่างนั้นเขาจะนอนไม่หลับ
กู้เจียวเดินถือชามโจ๊กเข้ามาในห้อง และบอกให้ผู้อาวุโสกลับไปพักผ่อน
“เป็นไงบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” กู้เจียวเดินมาที่ข้างเตียงของกู้เหยี่ยน
“ข้ารู้สึเจ็บนิดหน่อย” กู้เหยี่ยนตอบ
“ตรงไหนรึ” กู้เจียวถาม
“ตรงรอยแผลน่ะ” กู้เหยี่ยนเอ่ยพร้อมกับเอามือกุมไปที่หน้าอก ก่อนจะทำหน้าตะลึง
เอ๊ะ
รอยแผลหายไปไหนแล้วล่ะ
กู้เจียวยกมุมปากหนึ่งทีพร้อมกับมองคนตรงหน้าที่กำลังก้มหารอยแผล
“รอยแผลล่ะ รอยแผลผ่าตัดของข้าหายไปไหนแล้ว” กู้เหยี่ยนเอ่ยด้วยสีหน้างุนงง
กู้เจียวหัวเราะพร้อมกับชี้ไปที่หน้าอกด้านขวาของเขา “อยู่ตรงนี้ต่างหากเล่า”
“ก็ว่าเหตุใดข้าถึงได้รู้สึกเจ็บฝั่งขวาด้วย” กู้เหยี่ยนร้องอ๋อ
แต่ว่า ผ่าตัดหัวใจไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าอกของเขาเหรอ เหตุใดถึงเปิดฝั่งขวาล่ะ หัวใจไม่ได้อยู่ทางด้านขวานี่นา
ร่างกายของเขายังอยู่ในสภาพอ่อนเพลีย จึงพูดได้ไม่เยอะ
ทว่าด้วยความเป็นพี่น้องฝาแฝด พวกเขาสามารถรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
จากนั้นกู้เจียวจึงอธิบายให้เขาฟังถึงโครงสร้างของโพรงหัวใจโดยละเอียด การผ่าตัดหน้าอกฝั่งซ้ายจะส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ ขณะที่ฝั่งขวาทำหน้าที่เทียบเท่ากับถุงเก็บเลือด ไม่มีการหดขยายตัวมากนัก ดังนั้นจึงปลอดภัยกว่าที่จะทำการผ่าตัด
ยิ่งไปกว่านั้น หัวใจของกู้เหยี่ยนจะหยุดเต้นระหว่างการผ่าตัดได้ เขาจะต้องใส่ท่อช่วยหายใจเพื่อการไหลเวียนภายนอกร่างกาย บริเวณที่ใส่ท่อช่วยหายใจมีสองส่วนคือหลอดเลือดแดงใหญ่และหลอดเลือดดำ
ซึ่งบริเวณเหล่านี้ การผ่าตัดจากช่องอกด้านขวาจะทำได้ดีกว่า
“อ้อ”
กู้เหยี่ยนฟังจนผล็อยหลับ
กู้เจียว “…”
กู้เหยี่ยนหลับขณะที่มือของเขายังคงกุมที่มือของกู้เจียว ขนาดผู้อาวุโสมาอาสาเฝ้าให้เกือบครึ่งคืน กู้เหยี่ยนก็ยังไม่ยอมนอน ต้องเห็นหน้ากู้เจียวก่อนเขาถึงจะยอมหลับ
เขารู้สึกปลอดภัยเวลามีพี่สาวอยู่ข้างๆ
กู้เจียวเสียดายข้าวต้มที่เขากินเหลือจึงจัดการเองเรียบร้อย
พวกเขายังคงกุมมือกันไม่ยอมปล่อย
สักพัก กู้เจียวก็ฟุบหน้าลงบนเตียง
แสงจันทร์ส่องลงมาบนพื้น
กั๋วซือเดินเข้ามาที่หน้าประตูและมองเข้าไปข้างในผ่านช่องประตูที่เปิดแง้มไว้ เป็นภาพเด็กคนนึงนอนอยู่บนเตียงโดยมีเด็กอีกคนนั่งฟุบหลับอยู่ข้างๆ
ทั้งสองกุมมือของกันและกันพร้อมกับหน้าผากที่ประสานเข้าหากัน
ราวกับเทวดาตัวน้อยที่ซ่อนปีกอยู่ภายใต้แสงจันทร์
…
กู้เหยี่ยนพักฟื้นอยู่ที่ตำหนักของกั๋วซือเป็นเวลาสามวัน ในสองวันแรกเขามีไข้เล็กน้อย กู้เจียวคอยระวังภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดเป็นอย่างดี พอวันที่สาม ไข้ของเขาก็ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์
อีกทั้งสามารถลุกจากเตียงได้แล้ว
โดยมีกู้เจียวคอยช่วยพยุงและพาเขาเดินไปรอบๆ อย่างใกล้ชิด
เขาเป็นเหมือนเด็กใจร้อนที่แทบรอไม่ไหวที่จะออกไปเผชิญโลกข้างนอก
กู้เจียวจึงพาเขามาที่โถงทางเดิน
“ขะ ข้า ข้า…ข้าเดินได้แล้ว”
เขาทำได้
หลังจากกู้เจียวค่อยๆ ปล่อยเขาให้เดินเอง กู้เหยี่ยนเดินทีละก้าวอย่างช้าๆ และมั่นคงจากฝั่งตะวันออกของทางเดินไปยังฝั่งตะวันตกของทางเดิน
แม้ว่าจะยังมีอาการเจ็บหน้าอกอยู่ แต่ก็เป็นความเจ็บปวดที่มีความหวัง
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน” กู้เจียวเอ่ย
“แต่ข้ายังอยากเดินต่อนี่นา” กู้เหยี่ยนตอบ
เขาป่วยเป็นโรคหัวใจมาสิบหกปีแล้วปีแล้ว ไม่มีวันไหนที่เขารู้สึกสบายดีเลยตั้งแต่จำความได้ แม้ว่าเขาจะดีขึ้นเพราะยาของกู้เจียว แต่เขาก็ยังใช้ชีวิตเฉกเช่นคนปกติไม่ได้
เขาไม่เคยได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าการหายใจและการเต้นของหัวใจแบบคนปกตินั้นมันเป็นอย่างไรจนกระทั่งวันนี้
“เป็นคนปกตินี่ดีจัง” กู้เหยี่ยนมองมือทั้งสองของตัวเองพร้อมกับเอ่ยด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
“แต่ตอนนี้เจ้ายังไม่หายปกติดี ต้องรอให้แผลและอาการต่างๆ ดีขึ้นก่อน แล้วเจ้าจะรู้สึกดียิ่งกว่านี้อีก” กู้เจียวเอ่ย
ดวงตาของกู้เหยี่ยนเริ่มเปล่งประกายวิบวับ
เขาเฝ้ารอวันนั้นที่จะมาถึง
พวกเขาพำนักอยู่ที่ตำหนักกั๋วซือเป็นเวลาห้าวัน เมื่อมั่นใจว่ากู้เหยี่ยนสามารถขึ้นรถม้าได้แล้ว จึงบอกลากับกั๋วซือ
กั๋วซือปรากฏตัวเฉพาะในวันผ่าตัดของกู้เหยี่ยนเท่านั้น วันที่เหลือก็จะมีอวี้เหอและเยี่ยชิงผู้ซึ่งเป็นศิษย์ของกั๋วซือคอยมาดูแลพวกเขา
กู้เจียวมองว่าควรบอกลากับกั๋วซือด้วยตัวเอง
ซึ่งเวลานี้ กั๋วซือกำลังเล่นหมากอยู่กับผู้อาวุโสเมิ่งในป่าไผ่
นอกจากกั๋วซือจะเป็นผู้รอบรู้ในทุกศาสตร์แล้ว ยังมีทักษะการเล่นหมากรุกที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว แต่ก็ยังสรุปไม่ได้อยู่ดีว่าใครแพ้ชนะ
“วันนั้นท่านอันกั๋วกงมาหาท่านด้วยเหตุใดรึ”
ผู้อาวุโสเมิ่งเปิดประเด็น
“ท่านไม่เคยถามข้าเกี่ยวกับเขามาก่อน แม่สาวคนนั้นฝากท่านมาถามรึ” กั๋วซือถามกลับพร้อมกับลงหมากสีดำลงบนกระดาน
“ไม่ใช่แบบนั้น” ผู้อาวุโสเมิ่งเอ่ย
กั๋วซือยังคงลงหมากอย่างตั้งใจ “ถ้าอย่างนั้น แปลว่าแม่สาวคนนั้นเคยถามท่านถึงเรื่องนี้ละสิ”
ผู้อาวุโสเมิ่งชะงักเล็กน้อย “ข้าถามแล้วท่านก็ตอบมาสิ จะตอบหรือไม่”
กั๋วซือยังไม่ทันจะตอบ เสียงรายงานของลูกศิษย์ก็ดังขึ้นจากด้านนอก “ท่านชายเซียวขอเข้าพบขอรับ”
“เฮ้อ ไม่ใช่ว่าข้าไม่ตอบท่านนะ” กั๋วซือเอ่ยพร้อมกับวางหมาก
ผู้อาวุโสเมิ่ง “…”
กู้เจียวปรากฏกายเพื่อมาอำลากับกั๋วซือ
“ข้าออกไปหากู้เหยี่ยนก่อนนะ” ผู้อาวุสางหมากสีขาวลง ก่อนจะเดินออกไป
ตอนนี้เหลือแค่กู้เจียวกับกั๋วซือสองคน
กู้เจียวรู้จากอวี้เหอว่ากั๋วซือมีอายุแค่ห้าสิบปีกว่าเท่านั้น ทว่ากลับดูชรากว่าผู้อาวุโสเมิ่งเสียอีก เห็นได้ชัดว่าเขาทำงานหนักและเต็มไปด้วยความเครียด
“ครั้งนี้ ต้องขอขอบพระคุณท่านกั๋วซือเป็นอย่างยิ่ง” กู้เจียวเอ่ย “ส่วนเรื่องค่ารักษา…”
กู้เจียวยังไม่ทันพูดจบ กั๋วซือก็ยกมือห้ามพร้อมเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องจ่ายหรอก ข้าไม่ได้เดือดร้อนอะไร วันหลังถ้าจะมาใช้ห้องผ่าตัดอีกก็มาได้เลย”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้น ข้าลาละนะ” กู้เจียวเอ่ย
ทว่ากั๋วซือเรียกให้นางอยู่ต่อ พร้อมกับมองลึกเข้าไปในดวงตาของนางแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทีขึงขัน “แม่สาวน้อย เจ้าไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการผ่าตัดครั้งนี้เลยรึ”
“ความคิดเห็นรึ” กู้เจียวเอามือลูบคางแล้วครุ่นคิดอย่างตั้งใจ “ข้าว่า ข้าก็เก่งใช่ย่อยเลย”
กั๋วซือ “…”