สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 739 เจียวเจียวมาแล้ว (1)
บทที่ 739 เจียวเจียวมาแล้ว (1)
แผ่นฟ้าเริ่มมืดลง
เด็กน้อยทั้งสองหลบอยู่ในถ้ำที่เย็นและมืดสนิทแห่งหนึ่ง
แม้ถ้ำจะไม่ลึกมาก แต่ก็เพียงพอเป็นที่หลบภัยให้เด็กสองคนได้
องค์หญิงน้อยจัดการกินผลไม้อบแห้งลูกสุดท้ายจนหมด เหลือแค่ลูกกวาดเม็ดสุดท้าย
เสื้อผ้าของพวกเขาขาดวิ่น ใบหน้าสกปรก ไม่มีภาพลักษณ์ของบัณฑิตหลงเหลืออยู่
หากเดินไปตามถนน อาจถูกมองว่าเป็นคนไร้บ้านจากที่ไหนสักแห่ง
พวกเขานั่งพิงผนังถ้ำอย่างหมดอาลัยตายอยาก
เสี่ยวจิ้งคงนั่งข้างนอก เพื่อที่เขาจะได้ปกป้ององค์หญิงน้อยได้
“หิวไหม” เสี่ยวจิ้งคงถาม
องค์หญิงน้อยพยักหน้า แต่ไม่นานก็รีบส่ายศีรษะ แล้วกลืนน้ำลาย “ไม่หิว”
เอ่ยจบ เสียงท้องร้องก็ดังขึ้นทันที
“ข้าไม่ได้สั่งนะ ท้องมันร้องของมันเอง” องค์หญิงน้อยยกมือมากุมหน้าท้อง
วันนี้ทั้งวันองค์หญิงน้อยผ่านทั้งถูกลักพาตัว กักขังในห้องมืดๆ หนีตายกับสหาย รวมถึงหลบอยู่ในถ้ำที่ทั้งมืดทั้งเย็น แทบไม่เหลือความเป็นองค์หญิงแล้ว
นางเป็นองค์หญิงตัวน้อยที่ทนความหิวโหยได้!
เสี่ยวจิ้งคงหยิบลูกกวาดชิ้นสุดท้ายออกมา หักครึ่งหนึ่งแล้วยื่นให้นาง และเก็บอีกครึ่งที่เหลือกลับเข้าไปในกระเป๋าของเขาอย่างระมัดระวัง
“ข้างบนต้นไม้มีผลไม้ ข้าว่าจะออกไปเก็บสักหน่อย” เสี่ยวจิ้งคงพูดพร้อมกับมองดูลูกกวาดในมือขององค์หญิงน้อย “กว่าเจ้ากินลูกกวาดชิ้นนี้เสร็จ ข้าก็กลับมาพอดี”
“อื้อ” องค์หญิงน้อยพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและจับมือเล็กๆ ของเขา “เจ้าต้องกลับมานะ”
“ข้ากลับมาแน่นอน”
แล้วเสี่ยวจิ้งคงก็เดินออกำไปจากถ้ำ
เขาอาศัยทักษะการปีนต้นไม้อันยอดเยี่ยมจนมาถึงบริเวณยอดต้น พอได้มาเห็นผลไม้ในระยะใกล้แล้ว มันดูอวบอิ่มและเปล่งปลั่งกว่าตอนที่เขาเห็นมันจากระยะไกล
เพื่อความรวดเร็ว เสี่ยวจิ้งคงจึงใช้วิธีเขย่ากิ่งเพื่อให้ผลไม้ตกลงไปที่พื้น
พอเขาปีนลงถึงพื้น ก็โกยผลไม้มาไว้บนชายเสื้อของเขาจนเกือบล้น
แล้วรีบวิ่งกลับไปที่ถ้ำ
พอกลับมาอีกที ก็พบว่าองค์หญิงน้อยหายไปแล้ว
เสี่ยวจิ้งคงขมวดคิ้ว
ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนจากระยะไกล “พวกเจ้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
“ตรงนั้นไง!”
เสี่ยวจิ้งคงตัดสินใจเทผลไม้ทิ้ง แล้วรีบวิ่งไปทางต้นเสียง!
ทหารสองคนประสานมือกันอย่างดุเดือดตรงบริเวณพื้นที่โล่งใต้ร่มเงาของต้นไม้
คนแรกที่ค้นพบองค์หญิงตัวน้อยและพาออกจากถ้ำคือทหารของตระกูลเฉิน
แต่ไม่นาน ก็เจอเข้ากับทหารของตระกูลต่ง
ทหารตระกูลต่งจงใจแย่งตัวองค์หญิงมาจากอีกฝ่าย แน่นอนว่าทหารตระกูลเฉินไม่ยอมง่ายๆ
การที่ถูกโจมตีขณะที่กำลังอุ้มองค์หญิงน้อยไปด้วยทำให้แรงของทหารตระกูลเฉินหมดลงอย่างรวดเร็ว
แต่กระนั้น เขาไม่อาจปล่อยองค์หญิงให้หลุดมือไปง่ายๆ
ทันใดนั้น ทหารตระกูลต่งใช้กระบวนท่ากวาดขา อีกฝ่ายหลบไม่ทันจึงเสียหลักล้มลงกับพื้น!
เขาเผลอคลายมือที่คว้าองค์หญิง
“กรี๊ดดด”
องค์หญิงน้อยกรีดร้อง!
ทหารตระกูลต่งรีบเข้าไปคว้าตัวนางไว้
ทว่าเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ขณะที่มือของเขาใกล้จะคว้าตัวองค์หญิงได้ จู่ๆ ทหารตระกูลตู้ก็พุ่งตัวเข้ามาพอดี!
เขาได้ยินเสียงกรีดร้องขององค์หญิงจึงรีบใช้วิชาตัวเบาเหาะไปตามเสียงอย่างรวดเร็ว แล้วก็คาดไม่ถึงว่าจะได้จังหวะทองในการชุบมือเปิบระหว่างที่ทหารทั้งสองตระกูลกำลังสู้กันพอดี
เขาซุ่มดูอยู่สักพักแล้ว พอได้โอกาส ก็รีบเข้าไปคว้าตัวองค์หญิงก่อนที่ทหารตระกูลต่งจะได้ตัวไป
ทหารตระกูลต่งคว้าน้ำเหลว เขารีบเอามือยันพื้นแล้วพยุงตัวขึ้นมา
“ไม่หน้าด้านไปหน่อยรึ!” เขาตะโกนด่าอีกฝ่ายด้วยความขุ่นเคือง
ทหารตระกูลตู้แสยะยิ้ม “อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่งนักสิ ก็แย่งเขามาเหมือนกันนั่นแหละ!”
องค์หญิงน้อยถูกพวกเขาโยนไปรอบๆ จนหวาดกลัว ดวงตาโตของนางเต็มไปด้วยน้ำตา แต่พยายามข่มมันไว้
นางเป็นผู้อาวุโส
นางจะไม่ร้องไห้เด็ดขาด
ทหารตระกูลตู้เอ่ยปลอบใจองค์หญิง “อย่าได้กลัวเลยขอรับ กระหม่อมจะพาองค์หญิงกลับไปที่วังอย่างปลอดภัยเอง”
“องค์หญิงน้อย อย่าไปฟังเจ้านั่นขอรับ มันเป็นคนร้าย!” ทหารตระกูลต่งตะโกนแย้งทันควัน
ทหารตระกูลตู้มองเขาด้วยความดูถูกแล้วเอ่ย “เจ้าก็ไม่ใช่คนดีอะไรหรอก!”
ทหารตระกูลเฉินที่ล้มในตอนแรกเริ่มลุกขึ้น
พอทหารตระกูลต่งเห็นว่าเขาพุ่งตรงไปยังทหารตระกูลตู้ ก็รีบตามไปด้วย
จากทหารสองคนกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างทหารสามคน
ในความเป็นจริง หากเป็นเพียงการต่อสู้แค่สามคนคงไม่ยากขนาดนี้ ปัญหาคือเสียงขององค์หญิงน้อยดังมากจนเรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี
และไม่นาน ทหารตระกูลเฟิ่งก็ปรากฏกายขึ้นแล้วเข้ามาร่วมวงด้วย
องค์หญิงน้อยถูกคนหลายคนแย่งชิงไปมา ในที่สุด เหตุการณ์ก็วุ่นวายเกินไป ไม่รู้ว่าใครจับมือนางไว้ และองค์หญิงน้อยก็ถูกเหวี่ยงออกไปอย่างแรง
“องค์หญิงน้อย!”
ทหารตระกูลต่งพยายามคว้าร่างองค์หญิงน้อย
ทว่ากลับถูกทหารตระกูลตู้และตระกูลหยางคว้าขาของเขาไว้
“ข้าจะตกแล้ว ข้ากำลังจะตาย!”
องค์หญิงน้อยหลับตาปี๋และกรีดร้อง ก่อนจะกลิ้งล้มลงบนพื้น
เอ๊ะ
ไม่เจ็บเลยแฮะ
ออกจะนุ่มนิ่มด้วยซ้ำ
พอลืมตาขึ้น ก็เจอกับเสี่ยวจิ้งคงที่นอนแลบลิ้นบนพื้นเพราะถูกร่างตัวเองล้มทับใส่
องค์หญิงน้อย แง แง แง~
ผ่านไปสามวิ เสี่ยวจิ้งคงก็ค่อยๆ ลุกขึ้น จากนั้นก็จูงมือองค์หญิงน้อยแล้วรีบสับเท้าหนีออกจากตรงนั้น!
ระหว่างที่ทหารทั้งห้าคนกำลังตะลุมบอนกัน ทหารของตระกูลเฉินตะโกนร้องขึ้น “หยุดสู้กันก่อน! องค์หญิงหายไปแล้ว!”
อีกสี่คนหันหน้าไปทิศเดียวกัน แล้วก็เป็นอย่างว่าจริงๆ !
พวกเขาหมกมุ่นอยู่กับการต่อสู้มากจนพวกเขาไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าองค์หญิงน้อยหนีไปทางไหน
“องค์หญิงน้อยหนีไปคนเดียวรึ ทรงใจกล้าขนาดนั้นเชียว” ทหารตระกูลเฉินทักขึ้นด้วยความสงสัย
ที่เขาคิดเช่นนั้นเพราะตอนที่เขาเจอองค์หญิงน้อยครั้ง ทรงมีท่าทางหวาดกลัวราวกระต่ายตื่นตูมไม่ปาน
“ไม่ใช่ว่าพระองค์ถูกคนของตระกูลอื่นพาตัวไปใช่ไหม” ทหารตระกูลต่งเอ่ย
“พูดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ลงทุนสู้กันแทบตายสุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว” ทหารตระกูลตู้ถอนหายใจ
เสี่ยวจิ้งคงพาองค์หญิงน้อยหนีมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง และป่าก็เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ชวนขนหัวลุก
ไม่อาจเข้าไปลึกกว่านี้แล้ว ต้องหาทางออกให้เจอ!
ขณะที่เสี่ยวจิ้งคงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีร่างของใครบางคนโผล่มาจากข้างบนแล้วเข้ามาขวางทางพวกเขา
“เจ้านี่เอง!”
เสี่ยวจิ้งคงเจ้าใบหน้าของคนๆ นี้ได้ดี เขาคือพ่อค้าปลอมที่ลักพาตัวองค์หญิงไปในตอนแรก
“เจ้าเปี๊ยกนี่ความจำไม่เลวเลย ไอ้หยา แบบนี้เรียกว่าอะไรดีนะ หากใช้ภาษาแบบบัณฑิตอย่างพวกเจ้า ต้องเรียกว่า ‘เอากุ้งฝอยไปตกปลากะพง’ ใช่ไหม”
เสี่ยวจิ้งคงมองอีกฝ่ายด้วยความระแวง
“เจ้า อย่าเข้ามานะ” องค์หญิงน้อยตะโกนด้วยน้ำเสียดุดัน
“โปรดองค์หญิงวางใจเถิด พวกกระหม่อมไม่ทำร้ายท่านหรอก ขอแค่ท่านยอมเชื่อฟังแต่โดยดี แล้วกระหม่อมสัญญาว่าจะพาท่านไปส่งที่วังอย่างปลอดภัย”
องค์หญิงน้อยคว้ามือของเสี่ยวจิ้งคง “เจ้าเป็นคนไม่ดี เจ้าเป็นเดนคน! ข้าจะไม่ไปไหนกับเจ้า!”
คำว่าเดนคนเป็นศัพท์ใหม่ที่เสี่ยวจิ้งคงสอนองค์หญิงน้อยตอนอยู่ในถ้ำ
จากนั้นพ่อค้าปลอมก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลง “ฟ้ามืดแล้วขอรับ ประเดี๋ยวเสือสิงกระทิงแรดก็จะออกมาหากินแล้ว หากองค์หญิงไม่ออกจากที่นี่ เกรงว่าจะกลายเป็นอาหารอันโอชะของพวกมันเอานะขอรับ”
“ขะ…ข้า…” องค์หญิงเริ่มตัวสั่น
ข้าไม่อยากถูกกินนะ
เสี่ยวจิ้งคงจูงมือองค์หญิงน้อยเตรียมจะหนีไปอีกทาง แล้วก็เจอกับชายชุดดำยืนรออยู่
นี่สินะที่เรียกว่าหนีเสือปะจระเข้
“เจ้าหยุดพูดพร่ำได้แล้ว เดี๋ยวคนพวกนั้นก็ตามมาหรอก ข้ารู้ว่าเจ้าเก่ง แต่ข้าได้ยินมาว่าทั้งนักพรตชิงเฟิง ทั้งฉีเซวียนก็กำลังออกตามหาองค์หญิงอยู่”
พ่อค้าปลอมย่นคิ้ว “ก็ได้ พาองค์หญิงไปเร็ว!”
“แล้วเจ้าเด็กนี่ล่ะ”
“ไม่ต้องสนใจ ทิ้งไว้ให้หมาป่ากินแล้วกัน”
องค์หญิงน้อยได้ยินดังนั้นก็รีบกางมือเอาตัวเข้าขวางเสี่ยวจิ้งคงทั้งๆ ที่ตัวเองกลัวจนน้ำตาเล็ด “ห้ามให้หมาป่ากินเสี่ยวจิ้งคงเด็ดขาด!”
พ่อค้าปลอมหัวเราะกับคำพูดขององค์หญิง แล้วเดินเข้าไปหาพวกเขา
เสี่ยวจิ้งคงรีบหยิบของที่อยู่ในกระเป๋าแล้วเขวี้ยงใส่เขาทันที
พอเขาหยิบมันขึ้นมา ก็พบว่ามันคือผลไม้ลูกหนึ่งเท่านั้น
เสี่ยวจิ้งคงเก็บผลไม้มาได้เยอะพอสมควร ขนาดทิ้งไปบางส่วนแล้วก็ยังมือเหลืออยู่ในกระเป๋า
เสี่ยวจิ้งคงเขวี้ยงผลไม้ใส่เขาไปอีกเจ็ดแปดชิ้น
พ่อค้าปลอมเบื่อจะหลบลูกกระสุนผลไม้แล้ว
เมื่อเขาคิดว่าอันสุดท้ายก็เป็นผลไม้เหมือนกัน แต่กลับเกิดเสียงระเบิดดังปัง!
ยังดีทีเขาหลบทัน ไม่อย่างนั้นคงโดยลูกหลงไปแล้ว!
เขาวิ่งเข้าไปหลบที่หลังต้นไม้ และจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความเกลียดชัง
เจ้าเปี๊ยกนั่นนิ่งมากและไม่แสดงอาการตื่นตระหนกเลย
แววตานั้น เปี่ยมไปด้วยความมุมานะ
ราวกับคนไม่กลัวอะไรเลย!
พ่อค้าปลอมกำหมัดแน่น
เขารู้สึกได้ถึงแรงต้านบางอย่างจากสายตาของเจ้าเปี๊ยกนั่น
อีกทั้ง
เขายังสัมผัสได้ถึงรังสีอันตรายบางอย่างทีแผ่ออกมา
นี่มันแปลกไม่ใช่รึ!