สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 744 จับผู้ร้าย
บทที่ 744 จับผู้ร้าย
ณ เรือนตระกูลมู่
นายใหญ่มู่นั่งตัวตรงอยู่บนที่นั่ง คนที่ออกไปทำธุระกลับกันมาหมดแล้ว
คนที่มารายงานเขาในยามนี้เป็นบุตรชายคนรองของเขา มู่หง
“ท่านพ่อ” มู่หงยืนอยู่ตรงหน้านายใหญ่มู่ รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในป่าให้ฟังตามจริง “…แต่ละตระกูลต่อสู้กันอย่างรุนแรง ไม่รู้ว่าผู้ใดที่เป็นคนส่งองค์หญิงกลับไปขอรับ”
“เหอะ” นายใหญ่มู่แค่นเสียงเย็น “แต่ละคนทำเป็นไม่สนความเป็นใหญ่ แต่แก่งแย่งกันในที่ลับดุเดือดเสียยิ่งกว่าใคร”
มู่หงเอ่ย “ได้ยินว่ามีคนเสียชีวิตไม่น้อย รายละเอียดต้องดูว่าตระกูลใหญ่แต่ละตระกูลจะว่ากันอย่างไร”
นายใหญ่มู่ขมวดคิ้วสีดอกเลา “คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะใหญ่โตเพียงนี้”
มู่หงเอ่ยอย่างละอายใจ “เดิมทีไม่ได้ยุ่งยากมากเพียงนี้หรอกขอรับ หากมิใช่เพราะเจ้าเด็กนั่นพาองค์หญิงน้อยหนีไป พวกเราก็คงไม่ต้องเที่ยวตามหาพวกเขาไปทั่วหรอก สุดท้ายทำให้พวกตระกูลใหญ่ออกมาเสียได้”
หากพวกเขาอยู่แต่ในเรือนนั่นเสียแต่โดยดี ใครจะไปรู้ได้
แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พล่ามเรื่องน่าเสียดายพวกนี้ไปก็ไร้ประโยชน์
“เพราะเจ้าเด็กนั่นคนเดียว” มู่หงยังคงอดสบถออกมาไม่ได้
ใครจะไปคิดว่าเจ้าเด็กห้าขวบคนหนึ่งจะก่อความวุ่นวายทำลายแผนทั้งหมดของพวกเขาตระกูลมู่
นายใหญ่มู่พ่นไอขุ่นมัวออกมาอย่างหนัก “ที่ควรจัดการ จัดการเรียบร้อยหรือยัง”
มู่หงเอ่ย “ท่านพ่อวางใจได้ กำจัดหลักฐานทั้งหมดหมดแล้วขอรับ”
นายใหญ่มู่เอ่ยอีก “คนที่จับองค์หญิงน้อยเล่า องค์หญิงน้อยเห็นหน้าค่าตาพวกเขาหรือไม่”
มู่หงยิ้ม “พวกเขาตายหมดแล้ว ไม่รู้ว่าถูกยอดฝีมือตระกูลใดสังหาร เรียกว่าตายอย่างไร้หลักฐาน ไม่มีทางสืบมาถึงตระกูลมู่ได้ขอรับ”
นายใหญ่มู่คล้ายกับคิดอะไรบางอย่างอยู่พลสงเอ่ย “เหมือนว่าจิ้งจอกตระกูลต่งจะรู้เรื่องราวไปไม่น้อย”
มู่ฉงเอ่ยอย่างไม่แยแส “เขารู้ก็ไม่น่ากลัว เว้นเสียแต่ว่าเขาจะเอาหลักฐานออกมาได้ แต่พวกเขาตระกูลต่งเองยังไม่สะอาด เขาไม่มีความกล้ามากัดตระกูลมู่หรอกขอรับ”
ระหว่างตระกูลใหญ่ด้วยกันแม้ว่าจะมีคลื่นใต้น้ำ แต่แผนชั่วบางอย่างก็ไม่มีใครเอามาป่าวประกาศโจ่งแจ้งหรอก ระหว่างตระกูลหันกับตระกูลมู่ หากตระกูลหันไม่ลงมือจัดการหวั่นเฟยก่อน ตระกูลมู่ก็ไม่มีทางกล้าเสี่ยงที่จะใช้วิธีพรรค์นี้มาข่มตระกูลหันอยู่ดี
นายใหญ่มู่หลับตาลง ทอดถอนใจเอ่ย “เรื่องนี้พอแค่นี้แหละ ภายหน้าก็ไม่ต้องเอ่ยถึงอีก ให้พวกลูกน้องเจ้าปิดปากกันให้สนิทด้วย”
มู่หงประสานมือเป็นหมัด “ขอรับ ท่านพ่อ ลูกทราบแล้ว”
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่!”
จู่ๆ เสียงตวาดของมู่เทาก็ดังขึ้นตรงหน้าประตู
นายใหญ่มู่ขมวดคิ้วอย่างระแวดระวัง
มู่หงเบี่ยงฝีเท้า เร่งฝีเท้ามาหน้าประตู ลากประตูห้องเปิด เจอเข้ากับมู่ชวนที่ยืนตัวสั่นงันงกอยู่หน้าประตู
มู่ชวนสีหน้าหวาดผวามองมู่หง
มู่หงก็มองเขาด้วยแววตาตกใจเช่นกัน
ทั้งคู่ตกใจกันคนละเรื่อง มู่ชวนเจือความหวาดกลัวระคนแปลกหน้า ผสมกับความซับซ้อนนิดๆ
มู่หงได้สติอย่างรวดเร็ว มองมู่เทาที่สาวเท้าราวกับดาวตกขึ้นหน้า ทักทาย “พี่ใหญ่”
มู่เทาลากข้อมือของมู่ชวนเดินออกไปด้านนอก “เจ้าเด็กหน้าเหม็น ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามาในเรือนท่านปู่ เจ้าไปเรียนแล้วมิใช่หรือ กลับมาก็ไม่รู้จักบอกกล่าวสักคำ…”
ฝีเท้ามู่ชวนย่ำนิ่งอยู่ที่เดิม
“เรื่องจริงหรือ” เขาถาม
มู่เทาชะงัก สายตามองเลยมู่ชวนไปยังมู่หงที่อยู่ในประตู
มู่หงสูดหายใจลึก ถามอย่างช้าๆ “เสี่ยวชวน เจ้าได้ยินมากน้อยเท่าใด”
มู่ชวนขอบตาแดงก่ำ “…ทั้งหมด”
มู่หงมองมู่ชวนเอ่ย “เชื่อฟังท่านลุงรองนะ ลืมที่เจ้าได้ยินมาเสีย”
มู่ชวนสะบัดมือบิดาทิ้ง ยกมือขึ้นปาดน้ำตา ขอบตาแดงก่ำเร่งฝีเท้าเดินออกไปด้านนอก
มู่เทาขมวดคิ้ว “เจ้าจะไปไหน”
มู่ชวนสะอื้นเอ่ย “ข้าจะไปบอกพี่สี่!”
มู่เทาสีหน้าพลันอึมครึม “เจ้าเด็กเวร! กลับมาเดี๋ยวนี้!”
มู่หงหันมามองมู่เทา “พี่ใหญ่”
มู่เทาพยักหน้าอย่างรู้กัน “ข้าทราบดี สองวันนี้ข้าจะให้เสี่ยวชวนอยู่แต่ในบ้าน”
มู่เทาคว้าตัวมู่ชวนกลับมา ขังไว้ในเรือนตน ให้องครักษ์กับหน่วยกล้าตายตระกูลมู่ผลัดกันเฝ้าเขาไว้
ตระกูลมู่ที่เดิมนึกว่าไร้ข้อผิดพลาดใดกลับถูกคนของตำหนักกั๋วซือมาหาถึงที่ในช่วงใกล้ยามโหย่ว
นำหน้ามาด้วยศิษย์คนโตของกั๋วซืออย่างเย่ชิง
เย่ชิงสวมชุดคลุมยาวสีน้ำเงินเข้มของตำหนักกั๋วซือ ขอบแขนเสื้อกับเสื้อส่วนหน้าสีขาวปักลายใบไผ่สีเขียวอ่อน นี่เป็นสัญลักษณ์ของลูกศิษย์ภายใน
เย่ชิงถือกระบี่ยาว สีหน้าเคร่งขรึมยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ตระกูลมู่ “รับคำสั่งจากใต้เท้ากั๋วซือ ให้มาเชิญประมุขตระกูลมู่ไปยังตำหนักกั๋วซือขอรับ”
คนที่ออกไปต้อนรับคือมู่เทากับมู่หง
มู่เทาทั้งตระหนกทั้งร้อนตัวต่อการมาเยือนนี้ แต่ก็ยังเอ่ยอย่างสุภาพ “ท่านพ่อล้มป่วย ไม่ทราบว่าใต้เท้ากั๋วซือมีคำชี้แนะใดหรือ ไม่สู้ข้าติดตามไปกับพวกเจ้าด้วยดีกว่า”
เย่ชิงพาดกระบี่ยาว “ท่าน… คุณสมบัติไม่พอ”
มู่เทาขมวดคิ้ว
เย่ชิง “ข้าจะพูดอีกรอบ ด้วยคำสั่งของใต้เท้ากั๋วซือ ให้เชิญประมุขตระกูลมู่ไปยังตำหนักกั๋วซือ”
องครักษ์ตระกูลมู่เอ่ยอย่างไม่แยแส “เจ้ามาเชิญคนหรือมาจับคนกันแน่ รู้จักมารยาทบ้างหรือไม่ นายท่านของข้าพวกเจ้าคิดจะพาตัวไปก็พาไปได้รึ อ้ากกก!”
เขาถูกกำลังภายในของเย่ชิงสั่นสะเทือนจนสลบเหมือด
เย่ชิงไม่ได้ชักกระบี่ด้วยซ้ำ
เย่ชิงในตอนนี้หาใช่ศิษย์คนโตผู้นอบน้อมอ่อนโยนแห่งตำหนักกั๋วซืออีกต่อไป เขาเป็นกระบี่คมที่ออกจากฝัก คมกริบเลยทีเดียว
มู่เทาข่มเพลิงโทสะไว้ก่อนจะเอ่ยถาม “พวกเจ้าตำหนักกั๋วซือเริ่มสอดมือมายุ่งเรื่องของพวกเราตระกูลใหญ่ตั้งแต่เมื่อใด”
เย่ชิง “ไม่อาจบอกได้”
มู่เทามองเย่ชิงอย่างลุ่มลึกแวบหนึ่ง เอ่ยกับมู่หง “ไปแจ้งท่านพ่อ”
“ไม่ต้องแล้ว” นายใหญ่มู่เดินออกจากจวนตระกูลมู่อย่างสงบนิ่ง
มู่เทากับมู่หงหันไปคำนับให้นายใหญ่มู่ “ท่านพ่อ!”
นายใหญ่มู่ยืนอยู่บนบันไดสูง กดตามองต่ำไปยังเย่ชิง “ในเมื่อใต้เท้ากั๋วซือเชิญตัว ข้าก็จะติดตามพวกเจ้าไป มิได้กระทำเรื่องผิดมโนธรรมย่อมไม่ต้องกลัวเกรงสิ่งใด ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเจ้าตำหนักกั๋วซือจะใส่ความกล่าวหาข้าได้!”
เย่ชิงเอ่ยเสียงนิ่ง “ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี เหตุใดประมุขมู่จึงได้เอ่ยเช่นนี้ ประมุขมู่อย่าได้กินปูนร้อนท้องสิขอรับ”
นายใหญ่มู่แค่นเสียงเย็น “อย่ามาถกเถียงกับข้านะ ยามข้าสร้างประโยชน์ต่อราชสำนัก เจ้ายังไปอยู่ในท้องใครก็ไม่รู้อยู่เลย”
เย่ชิงยิ้มเย็น “อย่างนั้นหรือ เชิญขอรับ”
มู่เทากับมู่หงเอ่ยขึ้นพร้อมกัน “ท่านพ่อ!”
นายใหญ่มู่ส่งสายตาให้พวกเขาวางใจ
ที่ควรเก็บกวาดก็เก็บกวาดไปหมดแล้ว ต่อให้เป็นตำหนักกั๋วซือก็หาหลักฐานอะไรไม่เจอ!
…
ณ ตำหนักฉีหลิน
เสี่ยวจิ้งคงอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์อยู่ที่ห้องปีกข้าง เพื่อปลอบโยนหัวใจดวงน้อยที่ได้รับบาดเจ็บของเขา เขาไม่ต้องลงมืออาบน้ำเอง นั่งแช่อยู่เฉยๆ ในอ่างน้อยๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ
“อาเหิง~”
เขายกแขนน้อยๆ ขึ้น เผยรักแร้เล็กๆ ของตัวเองออกมา
“ตรงนี้ก็ต้องล้างน้า”
“อาเหิง~”
“ตรงนี้ด้วยน้า”
เขายกเท้าตัวเองขึ้น กระดิกนิ้วเท้าอย่างลำพอง
ความรู้สึกที่ได้เรียกใช้พี่เขยนิสัยไม่ดีมันช่างดียิ่งนัก รู้สึกว่าถึงจุดสูงสุดของชีวิตเด็กน้อยแล้วล่ะ
เซียวเหิงปากยิ้มตาไม่ยิ้มมองเขา
ได้ ลำพองใจไปเถิด
รอเจียวเจียวออกไปก่อนเถอะ ดูซิว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร