สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 747 จิ้งคงพบอาจารย์ (2)
บทที่ 747 จิ้งคงพบอาจารย์ (2)
เซียวเหิงคว้าตัวเด็กน้อยมาแบกไว้บนบ่าอย่างเด็ดขาด
เสี่ยวจิ้งคงดิ้นพล่านพลางตะโกน “ปล่อยข้าลง! ปล่อยข้าลง!”
เซียวเหิง “ไม่ปล่อย”
เสี่ยวจิ้งคงหน้าแดงก่ำก่อนจะเอ่ย “ข้าอยากฉี่! ข้าอั้นฉี่ไม่ได้แล้ว!”
เซียวเหิง “…”
ปัสสาวะของเด็กน้อยเล็ดออกมาอย่างกะทันหันจริงๆ
เซียวเหิงตัวสั่นด้วยความโกรธก่อนจะเอ่ย “ห้ามฉี่ใส่ข้า!” จากนั้นเอ่ยกับกู้เจียว “ข้าจะพาเขาไปห้องน้ำ”
“เช่นนั้นข้าจะไปต่อแถว ขนมอยู่ในตรอกข้างหน้า” กู้เจียวชี้ทางให้เซียวเหิง
เซียวเหิงพยักหน้าหนึ่งครั้งก่อนจะเอ่ย “ข้ารู้ เดี๋ยวข้าจะไปหาเจ้าอีกที”
กู้เจียวไปต่อแถวในตรอกข้างหน้า
ร้านขนมนี้ขายดีมาก มีคนต่อแถวยาวมาก กู้เจียวยืนอยู่ท้ายแถว เกือบจะถึงตรอกอีกฝั่งของถนนแล้ว
นางกำลังรออยู่ จู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงพลังอันทรงพลังพุ่งผ่านศีรษะของนาง
เร็วมาก ผู้คนรอบๆ ไม่มีใครสังเกตเห็น
กู้เจียวตอนแรกไม่ได้ใส่ใจ แต่ในวินาทีถัดมา พลังอันทรงพลังอีกสายหนึ่งพุ่งผ่านศีรษะของนาง
พลังของทั้งสองคนเทียบเท่ากับของฉีเซวียนหรือดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่า
ทั้งสองคนต่อสู้กันอยู่ในตรอกอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กู้เจียวสามารถสัมผัสได้ถึงพลังภายในที่ปะทะกันระหว่างทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน
นางตัดสินใจไปดู
นั่นเป็นตรอกที่ขายโลงศพและเสื้อผ้าสำหรับศพ ร้านรวงต่างปิดหมดแล้ว เหลือเพียงป้ายผ้าของร้านขายเสื้อผ้าสำหรับศพและร้านขายโลงศพที่โบกสะบัดอยู่ท่ามกลางสายลมยามค่ำคืน แสงจันทร์สาดส่องลงมา ทำให้บรรยากาศดูวังเวงพิกล
กู้เจียวยืนอยู่นอกตรอก ซ่อนตัวไว้แล้วชะโงกหน้าออกมาแอบดู
ศิษย์สำนักพุทธและสำนักเต๋ากำลังประมือกัน
ศิษย์สำนักพุทธเขย่งปลายเท้า ทะยานตัวขึ้นกลางอากาศแล้วพลิกตัวขึ้นบนหลังคาอีกฝั่งพอดี หันหน้าไปทางที่กู้เจียวอยู่
กู้เจียวจ้องมองเห็นอย่างชัดเจนพลางเอ่ย “อ้าว นักบวชรูปงามนี่”
ทันใดนั้น ศิษย์สำนักเต๋าก็กระโดดขึ้นกลางอากาศ แล้วใช้ฝ่ามือฟาดเข้าใส่เขา
เขาเบี่ยงตัวหลบ แล้วค่อยๆ ถอยห่างจากกู้เจียวไปครึ่งก้าว
คราวนี้ใบหน้าของศิษย์สำนักเต๋าก็เผยออกมา
กู้เจียวยิ่งประหลาดใจ “เจ้าสำนักชิงเฟิง”
เหตุใดทั้งสองคนถึงทะเลาะกัน
เจ้าสำนักชิงเฟิงน่าจะเป็นคนที่เคยไล่ตามนักบวชรูปงามสินะ
นักบวชรูปงามกับเซียนเจ้าสำนัก นี่แหละที่เรียกว่าการต่อสู้ของเทพเซียน
“บุญตาเสียจริง…” กู้เจียวดูจนตาค้าง
“เจ้าจมูกวัว! ถ้าข้าไม่พาเจ้าออกมาจากป่า เจ้าก็คงติดอยู่ข้างในนั่นอีกเป็นปีหรือครึ่งปี ความแค้นเคืองที่มีต่อกันก็หักล้างกันไปเสียไม่ดีหรือ”
“เจ้าฝันไปเถอะ!”
เจ้าสำนักชิงเฟิงชกฝ่ามือออกกลางอากาศ ตรงไปยังหน้าอกของนักบวช
เสื้อคลุมของเขาถูกลมยามค่ำคืนพัดสะบัดอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาสง่างามราวกับเทพบุตร ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยความอาฆาต
นักบวชเคลื่อนตัวหลบการโจมตีของเขาได้อย่างรวดเร็ว
บนปฐพีนี้ มีคนที่สามารถหลบการโจมตีของเจ้าสำนักชิงเฟิงได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
นักบวชในแสงจันทร์ยามค่ำคืนดูงดงามราวกับเทพเจ้าอสูร
เขายิ้มมุมปาก จับใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาไว้ที่นิ้วชี้ ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ย “โอ้ เพียงแค่แอบดูเจ้าอาบน้ำครั้งเดียว เหตุใดถึงจำแค้นข้ามาหลายปีขนาดนี้”
ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าสำนักชิงเฟิงฉายแววโกรธเกรี้ยว ปล่อยกระบวนท่าไม้ตายออกมา “ตายเสียเถอะ!”
นักบวชยิ้มเย็นชา โบกแขนกวัดแกว่ง ใบไม้ที่คีบไว้ที่ปลายนิ้วชี้กลายเป็นมีด ฟาดเข้าหาหน้าผากของเจ้าสำนักชิงเฟิง!
ท่านี้ก็เป็นท่าไม้ตายเช่นกัน!
…
“ฉี่เสร็จแล้วหรือ” เสี่ยวเหิงมองดูเสี่ยวจิ้งคงที่เดินออกมาจากห้องน้ำ “ไปล้างมือเสีย”
เสี่ยวจิ้งคงทำหน้าบึ้งตึงเดินมาที่ปากบ่อเพื่อล้างมือ
เสี่ยวเหิงมองดูเขาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าทำหน้าบึ้งตึงให้ใส่ใคร”
เสี่ยวจิ้งคงฮึดฮัด “พี่เขยที่ไม่ยอมให้กินลูกอม!”
เซียวเหิงเลิกคิ้วพลางเอ่ย “เจียวเจียวที่ไม่อนุญาตให้เจ้ากินต่างหาก”
เสี่ยวจิ้งคงเอามือกอดอกแล้วกระทืบเท้า “ก็ไม่ใช่เพราะเจ้าบอกเจียวเจียวว่าข้าฟันโยก!”
เซียวเหิงเอ่ยอย่างไร้เดียงสา “ก็เจ้าฟันโยกจริงๆ นี่”
เสี่ยวจิ้งคงกอดอกแล้วหันหน้าหนี “เหอะ!”
นี่เป็นร้านขายเนื้อแดดเดียว เสี่ยวเหิงซื้อเนื้อให้กู้แดดเดียวเจียวไปด้วย
ต่อจากนั้น เซียวเหิงพาเสี่ยวจิ้งคงไปที่ร้านขายขนมเปี๊ยะพันชั้น
มีคนต่อแถวซื้อยาวเหยียว เซียวเหิงมองหากู้เจียวตั้งแต่ต้นแถวจนถึงท้ายแถว แต่ก็ยังไม่เห็นนาง
เสี่ยวจิ้งคงเอ่ยอย่างจริงจัง “เจ้าจำผิดหรือเปล่า เจียวเจียวไม่ได้มาซื้อขนมเปี๊ยะพันชั้นที่นี่เสียหน่อย”
เซียวเหิงถือถุงเนื้อแดดเดียวหนึ่งถุงไว้ในมือข้างหนึ่งและจับเสี่ยวจิ้งคงไว้ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง เขาเอ่ย “ที่นี่แหละ ข้าจำไม่ผิด”
เสี่ยวจิ้งคงคิดดูพลางเอ่ย “เจียวเจียวอาจจะไปห้องน้ำก็ได้ ข้าจะไปหาเจียวเจียว”
เซียวเหิงเอ่ย “อย่าวิ่งไปไหนมาไหน รออยู่ตรงนี้”
เสี่ยวจิ้งคงปฏิเสธที่จะร่วมมือ “ไม่เอา ข้าจะไปหาเอง ถ้าเจ้าไม่ให้ข้าไปหา ข้าจะร้องไห้ก่อน แล้วจะร้องตะโกนว่าเจ้าเป็นโจรลักพาตัวข้า!”
อย่ากลัวเด็กที่เถียงเจ้า จงกลัวเด็กฉลาด
นี่คือความดื้อรั้นของเจ้าเด็กน้อย ผู้ใดทำให้เขาอดกินลูกอมกันเล่า
เซียวเหิงทั้งโกรธทั้งขำ เขาเอ่ย “ก็ได้ พาเจ้าไปหาด้วย”
เดินวนไปหนึ่งรอบก่อนจะกลับมาที่เดิม
เซียวเหิงจับมือเสี่ยวจิ้งคงเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดหมาย
กู้เจียวเดินออกมาจากท้ายซอย ในขณะที่เจ้าสำนักชิงเฟิงและนักบวชเดินออกมาจากหัวซอย
ในตรอกเล็กอันมืดมิด เจ้าสำนักชิงเฟิงและนักบวชได้ต่อสู้กันมาแล้วหลายสิบกระบวนท่า
กู้เจียวรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้พกห่อเนื้อแดดเดียวมาด้วย รู้สึกผิดต่อการประลองฝืมืออันร้อนแรงนี้เสียจริง
แม้ทั้งสองจะต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่กระบวนท่าของพวกเขาก็มุ่งเป้าไปที่กันและกัน โดยไม่ทำลายบ้านเรือนหรือทรัพย์สินใดๆ
นี่เป็นการแสดงออกถึงมารยาทและความเหนือชั้นของยอดฝีมือ
คนที่มักจะทำลายบ้านเรือนของคนอื่นโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง เคยคิดไหมว่าพวกเขาจะต้องเสียเงินซ่อมบ้าน
“ข้ายังธุระอื่น ไม่อยากสู้กับเจ้าแล้ว หยุดเถอะ!”
นักบวชยืนอยู่บนหลังคา กำลังภายในของเขาแผ่ซ่นออกมาอย่างรุนแรงโดยฉับพลัน จีวรสีเทาของเขาพลิ้วไหวโดยไม่มีลม ราวกับทะเลกำลังพลุ่งพล่าน
เจ้าสำนักชิงเฟิงขมวดคิ้ว ไอสังหารที่แผ่ออกมาจากนักบวชนั้นรุนแรงมาก
นักบวชกระโดดขึ้นกลางอากาศ รังสีสังหารที่แผ่ออกมารุนแรงราวกับมหาเทพแห่งเมืองมาร เขาพุ่งเข้าโจมตีจุดตายของเจ้าสำนักชิงเฟิงอย่างรุนแรง
“อาจารย์!”
เสียงสดใสนั้นทำลายไอสังหารใจตรอกจนหมดสิ้น