สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 755 ราชาหน้าใหม่ (1)
บทที่ 755 ราชาหน้าใหม่ (1)
ชัยชนะของกู้เจียวเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคน แทบไม่มีใครรู้จักชื่อของเซียวลิ่วหลังด้วยซ้ำในตอนแรก
แม้ว่า ‘เซียวลิ่วหลัง’ จะมีชื่อเสียงในวงการแข่งขันตีคลี แต่วงการต่างผู้คนก็ต่างออกไป ชื่อของเขาไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงการค่ายทหารแต่อย่างใด
ผู้ร่วมแข่งขันครั้งนี้มีด้วยกันทั้งหมดสองร้อยคน แบ่งเป็นสิบสี่กลุ่ม กลุ่มละหกคน ไม่ใช่ผู้เข้ารอบทุกคนที่จะได้รับความสนใจจากผู้ชม
เห็นได้ชัดว่าทั้งหันเช่อผู้ซึ่งแบกตำแหน่งน้องชายของท่านชายใหญ่หัน และตัวแทนจากตระกูลเฟิง รวมถึงเจ้าเฮยเฟิง มีส่วนช่วยให้กู้เจียวได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากคนดู
หลายคนต้องการจะเข้ามาเอ่ยคุยกับนาง แต่กลับถูกเจ้าเฮยเฟิงที่อยู่ข้างๆ ขู่เสียจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
รังสีของเจ้าเฮยเฟิงนั้นรุนแรงมากจนไม่มีใครกล้าห้อมล้อมกู้เจียวในระยะประชิด
กู้เจียวพอใจมาก นางไม่ชอบเบียดเสียดกับคน
กู้เจียวยืนดูการแข่งขันรอบอื่นอย่างเงียบๆ
กู้ฉังชิงเดินเข้ามาหากู้เจียว
พอเห็นดังนั้น เจ้าเฮยเฟิงก็เริ่มขยับตัวเล็กน้อย
กู้เจียวจึงหันไปลูบที่คอของมันเบาๆ
ทำให้มันไม่ระแวงกู้ฉังชิง
คนนอกมองมาคงไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน ได้แต่คิดว่ากู้ฉังชิงใจกล้าไม่กลัวถูกเจ้าเฮยเฟิงดีดขาใส่
เพราะว่าทั้งหันเช่อและตัวแทนตระกูลเฟิ่งล้วนถูกเฮยเฟิงถีบจนร่างกระเด็นมาแล้ว
ถัดไปไม่ไกล บุตรหลานของตระกูลหันกำลังส่งสายตามาทางกู้ฉังชิง
พวกเขาส่งทั้งสัญญาณตาและมือ กู้ฉังชิงพยักหน้าน้อมรับ
จากนั้น เขาก็เดินมาใกล้ๆ กู้เจียว
พวกเขามั่นใจว่าจะไม่มีใครได้ยินบทสนทนาของพวกเขาเนื่องจากการแข่งขันที่ร้อนแรงในสนาม
แต่หากสังเกตสีหน้าของกู้ฉังชิง ราวกับว่าเขากำลังพยายามทำความรู้จักผู้เล่นหน้าใหม่คนนี้อยู่
“ขมวดคิ้วหน่อยสิ อื้อ แบบนี้ล่ะ” กู้ฉังชิงเอ่ย
กู้เจียวทำตามที่เขาบอกอย่างตั้งใจ
กู้ฉังชิง “…”
ข้าให้เจ้าขมวดคิ้ว ไม่ใช่ทำหน้ายู่
“เมื่อครู่นี้เจ้าทำได้ไม่เลวเลย เจ้าม้าดูผอมไปนะ” กู้ฉังชิงเอ่ย
กู้เจียวขานตอบ แล้วเอามือลูบแผงขนยาวสลวยดำขลับของเจ้าเฮยเฟิง “เจ้านี่ไม่ได้กินข้าวมาหลายวันจนผอมโซ ต่อไปจะพยายามให้มันกินเยอะกว่านี้”
กู้ฉังชิงรู้เรื่องที่เฮยเฟิงหนีออกไปจากตระกูลหันแล้ว
แม้หันเย่จะไปตามมันกลับมาได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ
เขาไม่คิดถึงมันเลยด้วยซ้ำ
เขาไม่เคยเห็นมันเป็นคู่หู คิดแต่เพียงว่ามันเป็นเครื่องประดับของเขา
พอหมดค่า ก็โยนทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
“โชคดีที่มันเจอกับเจ้า” กู้ฉังชิงเอ่ยจากใจจริง
หากเฮยเฟิงไปอยู่ในมือคนอื่น คงไม่มีทางฟื้นตัวได้ขนาดนี้
“มันไม่ได้เจอข้าหรอก” ไม่ใช่นาง แต่เป็นเจ้าราชาม้าต่างหาก
เพราะต้องออกตามหาเจ้าราชาม้า ก็เลยได้พาเจ้าเฮยเฟิงกลับมาด้วย
หลังจากที่กู้ฉังชิงได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เขาก็ได้ข้อสรุปว่า
น้องสาวของเขาชอบเก็บคนมาเลี้ยง ส่วนม้าของนางก็ชอบเก็บม้ามาเลี้ยงด้วยเช่นกัน…
“เจ้ากำลังถูกเพ่งเล็งอยู่นะ” กู้ฉังชิงไม่ลืมที่จะบอกเรื่องสำคัญกับกู้เจียว เขาปลีกตัวออกมาโดยใช้ข้ออ้างว่า ‘ขอไปสืบเรื่องของเจ้าเด็กคนนั้นก่อน’
“อ๋อ” กู้เจียวไม่ประหลาดใจอย่างใด “ตระกูลเฟิ่งรึ”
เพราะก่อนหน้านี้นางคือคนที่ปลิดชีพเฟิ่งเหล่าซาน
“ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีตระกูลต่ง ตระกูลตู้ ตระกูลเฉินและตระกูลหยาง”
“อ๋อ” ไม่แปลกที่จะเป็นแบบนั้น เพราะนางเคยเล่นงานพวกเขาตอนออกตามหาองค์หญิงน้อยในป่า คนที่เจ็บหนักสุดคือใต้เท้าตู้และใต้เท้าเฉิน ส่วนใต้เท้าต่งและใต้เท้าหยางเจ็บน้อยกว่าเพื่อน
ตอนแรกกู้เจียวก็นึกว่าพวกเขาจะรายงานเรื่องนี้ต่อฝ่าบาท แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ทำเช่นนั้น
หลังจากกู้เจียวและเซียวเหิงวิเคราะห์ถึงปัญหานี้ ก็ได้ข้อสรุปว่าพวกเขาไม่กล้ารายงานกับฝ่าบาท
องค์หญิงน้อยจำทุกเหตุการณ์ที่พวกเขาทะเลาะแย่งชิงองค์หญิงจนเป็นเหตุให้องค์หญิงหกล้มจนบาดเจ็บ
ฝ่าบาทกริ้วเป็นอย่างมากและกำลังหาตัวต้นเหตุมาลงโทษ จึงไม่มีใครกล้าเสนอหน้าไปรายงานเหตุการณ์วันนั้น
แล้วก็ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้พวกเขาแค้นกู้เจียวเป็นอย่างมาก
“เจ้าระวังตัวด้วย ส่วนข้าจะรับมือกับทางฝั่งตระกูลหันเอง บอกว่าข้าพยายามดึงเจ้าเข้ามาเป็นพวก” กู้ฉังชิงเอ่ย
“อื้อ” กู้เจียวตอบรับ
กู้ฉังชิงอยู่ตรงนี้นานไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะมีคนสงสัย
“พวกเขาเอาแต่จับตาดูพวกเรา ข้าต้องขอตัวก่อน” กู้ฉังชิงเอ่ย “ช่วงนี้ข้าคงไม่ได้ไปตำหนักกั๋วซือ ไว้เราค่อยติดต่อกันอีกที”
กู้เจียวพยักหน้า
แต่จู่ๆ กู้ฉังชิงก็นึกอะไรขึ้นได้ “จริงสิ เจ้าเป็นตัวแทนจากที่ไหน”
“ข้าเองก็ยังไม่รู้เลย” กู้เจียวเอ่ยพลางหยิบกระเป๋าขึ้นมาเพื่อจะดูป้ายอาญาสิทธิ์ ทันใดนั้นเสียงเรียกของกรรมการก็ดังขึ้น
“เซียวลิ่วหลัง! มารับลำดับของท่านไป!”
กู้ฉังชิงเหลือบมองกรรมการหนึ่งที แล้วหันมาบอกกู้เจียว “เลือกลำดับผู้เล่นในด่านถัดไปน่ะ ข้าได้ลำดับที่เจี่ยของอักษรภาคสวรรค์ เจ้าเองก็รีบไปสิ”
การนับจะใช้วิธีแบบอักษรภาคสวรรค์และอักษรภาคปฐพี ลำดับที่เจี่ยก็เท่ากับลำดับที่หนึ่งนั่นเอง
การเลือกลำดับจะต้องเก็บเป็นความลับ ดังนั้นกู้ฉังชิงจึงยังไม่รู้ว่าผู้เข้าแข่งขันคนใดจะได้แข่งกับเขา
กู้ฉังชิงเอ่ย “ขอแค่เจ้าไม่จับโดนเลขเดียวกับข้าก็เป็นพอ”
พวกเขาไม่ควรปะทะกันเร็วเกิน เขายังอยากช่วยนางกำจัดคู่แข่งให้ได้มากกว่านี้
กู้เจียว “ถ้าไม่ตั้งธงไว้ก็ไม่เกิดขึ้นหรอก”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ” กู้ฉังชิงทำหน้างุนงง
“ไม่มีอะไร ไว้ข้าค่อยอธิบายทีหลัง ไปก่อนนะ” กู้เจียวเอ่ย
“เจ้าไปเถอะ” กู้ฉังชิงเอ่ย
กู้เจียวจูงเฉยเฟิงไปทางทิศตะวันออกของค่าย
มีการคัดเลือกรอบอื่นในสนาม แล้วกู้เจียวก็เห็นว่านักบวชชิงเฟิงก็มาร่วมด้วย
นางแปลกใจเล็กน้อย
แม้แต่คนอย่างเขาก็มาด้วยรึ
แต่ก็ไม่แปลก เพราะเขาเป็นพี่ชายของใต้เท้าเฟิง
ตระกูลเฟิงได้สิทธิ์ลงแข่งสองชื่อ ถ้าไม่ใช่เขามาแข่ง ตระกูลเฟิงคงหมดโอกาสชนะแน่นอน
นักบวชชิงเฟิงกำลังควบม้าสีขาวที่ดูสวยสง่า
งามทั้งคนทั้งม้า
เขาควบม้าวิ่งออกจากไฟพร้อมด้วยดวงตาที่เย็นชาและมุ่งมั่น แม้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยขี้เถ้าแต่ก็ยังคงความงดงามไว้อยู่
เขาทิ้งระยะห่างจากผู้เข้าแข่งขันอีกห้าคน ก่อนจะกระโดดขึ้นแท่นสูงเป็นคนแรกไปได้ในที่สุด
กู้เจียวมองออกว่าเขาพยายามออมมือ
กู้เจียวเบือนสายตาจากการแข่งและหันมาลูบเจ้าเฮยเฟิงแทน