สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 764 สิ้นสุด (1)
บทที่ 764 สิ้นสุด (1)
จวินซิวหันมีจุดหมายปลายทางคือค่ายเฟิงฮั่วหัวที่สอง
กู้เจียวกางแผนที่ออก สัญลักษณ์ที่เซียวเหิงทำไว้ชัดเจนมาก มองออกในพริบตา
กู้เจียวชี้ไปที่เส้นทางสีแสดพลางเอ่ย “ตามปกติแล้วจวินซิวหันจะเดินเส้นทางนี้ เพราะค่อนข้างราบและกว้าง เขาน่าจะมาถึงป่าฮว่าซู่แห่งนี้แล้ว ความจริงมีทางลัดที่สามารถเลี่ยงเส้นทางนี้ได้ แต่ต้องข้ามแม่น้ำ”
กู้ฉังชิงมองดูท้องฟ้าพลางเอ่ย “ไม่กี่วันมานี้ฝนไม่ตก แม่น้ำน่าจะไม่ไหลเชี่ยวนัก ข้ามได้”
ทั้งสองคนเดินอ้อมมาเข้าป่าฮว่าซู่ และขวางจวินซิวหันที่กำลังเดินหน้ามาได้สำเร็จ
ยังคงเป็นกู้ฉังชิงที่ออกหน้า
กู้ฉังชิงขวางทางจวินซิวหัน พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ส่งกระบอกไม้ไผ่ของเจ้ามา”
จวินซิวหันเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง เขามีกลิ่นอายเหมือนตำราของบัณฑิต หากไม่ได้เห็นเขาต่อสู้ เกรงว่าไม่มีใครจะมองออกเขาว่าเป็นยอดฝีมือได้ตั้งแต่แรกเห็น
แต่กู้ฉังชิงและกู้เจียวต่างรู้ดีว่าคนที่สามารถผ่านมาถึงด่านนี้ได้ย่อมไม่ใช่แค่อาศัยโชคเพียงอย่างเดียว
จวินซิวหันมองไปที่กู้ฉังชิงที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าดูเหมือนไม่ประหลาดใจสักเท่าไร เขาเหลือบมองต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลพลางเอ่ย “เจ้าอยากได้ หรือว่าคนผู้นั้นอยากได้”
กู้เจียวเลิกคิ้ว
เอ่อ นี่โดนจับได้หรือนี่
จวินซิวหันเก่งไม่เบานี่
กู้ฉังชิงเอ่ยเสียงเรียบ “คนผู้นั้นอะไรของเจ้า พูดอะไรเขาเจ้า พูดจามาไร้สาระ ส่งมาเดี๋ยวนี้!”
“ข้าจะไม่ให้กระบอกไม้ไผ่กับเจ้า” จวินซิวหันมองกู้เจียวด้วยสายตาเย็นชา “ถ้าอยากได้ ก็มาเอาเอง!”
นี่เป็นการท้าทายนางหรือ
กู้เจียวมองจวินซิวหันจากด้านหลังต้นไม้ จวินซิวหันผู้นี้ให้ความรู้สึกประหลาด ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่นางวางแผนไว้ถูกเขารู้ทันทั้งหมด
กู้เจียวขี่ราชาม้าเฮยเฟิงออกมาจากหลังต้นไม้อย่างสง่างาม หยุดลงข้างกู้ฉังชิง
นางมองไปที่ใบหน้าที่หล่อเหลาอ่อนเยาว์ของจวินซิวหัน “ข้ามาเอาแล้ว”
นางเคยสังเกตจวินซิวหันในค่ายทหาร นางเชื่อว่าจวินซิวหันเองก็สังเกตเห็นนางเช่นกัน แต่การพบกันครั้งนี้เป็นการเจอกันซึ่งหน้าครั้งแรกจริงๆ
จวินซิวหันเห็นนางยืนอยู่กับเพื่อนบ้าน ‘ตระกูลหัน’ ดวงตาของเขาไม่มีแม้แต่ความประหลาดใจ
ดังนั้นจวินซิวหันจึงรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านางร่วมมือกับ ‘หันเจ๋ออวี่’ ใช่หรือไม่
เขารู้ได้อย่างไร
“ข้าจะสู้กับเจ้า” กู้เจียวเอ่ย
“ข้าจะไม่สู้กับเจ้า” จวินซิวหันเอ่ย
“หืม” กู้เจียวหันศีรษะมองจวินซิวหัน
จวินซิวหันปลดกระบอกไม้ไผ่ที่เอวของเขา แล้วโยนมันให้กู้เจียว
กู้เจียว “…”
กู้เจียวรับกระบอกไม้ไผ่มา แล้วตรวดูกระดาษข้างใน เป็นจดหมายลับไม่มีผิด จวินซิวหันไม่ได้เอาจดหมายปลอมมาหลอกนาง
กู้เจียวมึนงงไปหมด
กู้ฉังชิงก็สงสัยเช่นกัน พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับจวินซิวหันจนถึงที่สุด แต่สุดท้าย…แค่นี้เองหรือ
เห็นท่าทางกู้เจียวสงสัย จวินซิวหันจึงเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าติดหนี้บุญคุณใครคนหนึ่ง ตอนนี้จะชดใช้ให้เจ้า”
“เจ้าติดหนี้บุญคุณคนอื่นเขา แล้วจะชดใช้ให้ข้าเหตุใด” กู้เจียวถาม
แต่จวินซิวหันไม่ตอบคำถาม
เขาดึงสายบังเหียนแล้วกลับม้าเปลี่ยนทิศทาง มุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่เพิ่งจากมา
ทว่ายังไม่ทันได้ออกไปไกล จวินซิวหันก็กระตุกสายบังเหียนแน่น “มีอันตราย!”
ในวินาทีถัดมา เสียงลมพัดที่ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของป่า
จวินซิวหันหลบหลีกได้ทัน
กู้ฉังชิงชักกระบี่ออกมาปัดป้องอาวุธลับที่พุ่งมาหากู้เจียวและตัวเอง
กู้เจียวมองดูลูกดอกที่ฝังอยู่ในต้นไม้พลางเอ่ยเสียงเรียบ “สำนักถัง ฉีเซวียน”
“ฮ่าๆๆๆ ! ถูกต้องแล้ว ข้าเอง!”
พร้อมกับเสียงหัวเราะอันโอหัง ฉีเซวียนนำกลุ่มคนชุดดำกว่าสิบคนทะยานตัวลงมาจากฟากฟ้า
กลุ่มคนชุดดำล้อมสามคนไว้ทั้งสี่ด้าน
เพื่อหลบเลี่ยงไม่ใช่กรรมการสังเกตความเคลื่อนไหวได้ พวกเขาจึงไม่ได้ขี่ม้า แต่ใช้วิชาตัวเบาย่องเข้ามาในป่า
ม้าของจวินซิวหันถูกบังคับให้ถอยหลังไปหลายก้าว จนกระทั่งมายืนอยู่ข้างกู้ฉังชิงและกู้เจียว
“พวกเราเจอกันอีกแล้ว” ฉีเซวียนหัวเราะพลางเอ่ยกับกู้เจียว จากนั้นสายตาของเขาก็มองไปที่ใบหน้าของกู้ฉังชิง “เป็นเจ้าเองหรือ”
กู้ฉังชิงขี่ม้าเฮยเฟิง ในวันนี้มีเพียงม้าสามตัวของสามคนที่เป็นม้าเฮยเฟิง ได้แก่ เฮยเฟิงตัวใหม่ของนายท่านห้าหัน ม้าเฮยเฟิงเก่าของกู้เจียว และม้าของ ‘หันเจ๋ออวี่’
ฉีเซวียนหัวเราะเยาะ “ดูเหมือนว่าไท่จื่อจะดูคนผิดแล้วนะ ดันปล่อยให้สายลับเข้ามาอยู่ในวังของตัวเองได้ น่าเสียดายที่โชคชะตาไม่เข้าข้างเจ้า ดันมาเจอกับข้าพอดี วันนี้ข้าจะเอาคืนเจ้าที่ตัดเส้นเอ็นขาของหันเย่ด้วย!”
กู้เจียวเลิกคิ้วขึ้น “โอ้ ขาเจ้าหายดีแล้วหรือ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉีเซวียนก็หน้าดำถมึงทึง เมื่อครั้งก่อนในป่า เด็กหนุ่มคนนี้บอกว่าจะนับหนึ่งถึงสามก่อนจึงจะต่อสู้ แต่พอนับหนึ่งเสร็จ ก็แทงเขาเข้าที่ขาทันที!
ยังไม่พอ เขายังหันมาแทงซ้ำอีก เล่นเขาเอาเจ็บเจียนตาย!
ฉีเซวียนเอ่ยเสียงเย็นข่มขู่ “เซียวลิ่วหลง เจ้าอย่าเพิ่งได้ใจไป ข้าจะเอาคืนเจ้าที่ทำกับข้าทั้งหมด ครั้งนี้ข้าจะเอาคืนเจ้าสิบเท่า!”
จวินซิวหันเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “นี่เป็นเรื่องของพวกเจ้า ข้าไปก่อนล่ะ”
ฉีเซวียนฮึดฮัด “โชคร้ายของเจ้าเสียแล้ว เรื่องวันนี้ไม่ควรมีผู้ใดรับรู้”
ความหมายโดยนัยก็คือจะฆ่าปิดปากจวินซิวหัน
ตัวตนของจวินซิวหันก็เดาได้ไม่ยาก ในบรรดาหกคน จวินซิวหันเป็นคนไม่คุ้นหน้าที่สุด แม้จะไม่ต้องเดาก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นบุตรชายตระกูลยากจนจากสำนักบัณฑิตเจียหนาน
ฉีเซวียนไม่ใส่ใจพวกปลาตัวเล็กตัวน้อยแบบนี้
กู้ฉังชิงควบม้ามาข้างหน้ากู้เจียว บังสายตาของฉีเซวียน พลางเอ่ยกับกู้เจียว “เจ้าไปก่อน ข้าจะจัดการกับเขาเอง”
กู้เจียวไม่ลังเล พาเฮยเฟิงฝ่าวงล้อมออกไป
ฉีเซวียนเอ่ยอย่างดูถูก “คิดหนีอย่างนั้นรึ ตามไป!”
สองชายชุดดำกระโดดขึ้นกลางอากาศ ชักกระบี่ฟันเข้าด้านหลังของกู้เจียว
กู้ฉังชิงหันหลังฟันออกด้วยกระบี่คมกริบ สอยชายชุดดำทั้งสองร่วงลงมากองกับพื้น
…
อีกด้านหนึ่ง นักบวชชิงเฟิงและนายท่านห้าหันกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
นายท่านห้าหันชักรู้สึกว่างานนี้ไม่ง่ายเสียแล้ว เขาแม้จะยังไม่เสียเปรียบ แต่พลังภายในของเขาใกล้จะหมดแล้ว
แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่ฝีมือของนักบวชชิงเฟิงก็เหนือกว่าเขาจริงๆ นักบวชชิงเฟิงใช้แค่กำลังห้าส่วนต่อหนึ่งกระบวนท่า แต่นายท่านห้าหันต้องใช้กำลังเจ็ดส่วนต่อหนึ่งกระบวนท่าจึงจะสู้ได้เท่ากัน
แบบนี้เขาจึงเสียกำลังเร็วกว่า
หลังจากแลกหมัดกันอีกที ทั้งสองก็ถอยห่างกัน
เส้นผมสีเงินที่เคยนุ่มสลวยนายท่านห้าหันยุ่งเหยิงเป็นไม้ถูพื้นไปแล้ว เขาเอ่ยเสียงหอบเหนื่อย “เจ้าเป็นถึงนักบวชเชียวนะ! แข่งกับข้าอย่างสมศักดิ์ศรีมิไม่หรือไร เหตุใดถึงต้องใช้วิธีสกปรกอย่างขโมยจดหมายลับของข้าด้วย!”
นักบวชชิงเฟิงเอ่ยอย่างงุนงง “ขโมยจดหมายลับของเจ้าหรือ ข้าไม่ได้ทำ”
นายท่านห้าหันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยังจะกล้าเล่นลิ้นอีก! มีคนเห็นเจ้ากับตา!”
นักบวชชิงเฟิงเอ่ยอย่างงุนงงไปครู่หนึ่ง “มู่ชิงเฉินหรือ ข้าเพิ่งเจอเขาก่อนเจ้า”
นายท่านห้าหันอึ้งไป
หากเป็นคนอื่นเอ่ยแบบนี้ เขาคงคิดว่าอีกฝ่ายกำลังโกหก แต่นักบวชชิงเฟิง…
เขาขมวดคิ้ว “เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ไปเขาหวงซู่หรือ”
“ไม่ได้ไป” นักบวชชิงเฟิงตอบ
นายท่านห้าหัน “แล้วเจ้าไม่ได้ขโมยจดหมายลับของข้าด้วย”
นักบวชชิงเฟิง “จดหมายลับนี้เป็นของข้าเอง”
นายท่านห้าหัน “ของเจ้าอย่างนั้นรึ”
“อืม” นักบวชชิงเฟิงพยักหน้า ก่อนจะปลดกระบอกไม้ไผ่ที่เอว
เมื่อหยิบขึ้นมา เขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างผิดปกติไป
กระตอบไม้ของเขามีเครื่องหมายที่เขาทำไว้ แต่กระตอบไม้นี้ไม่มีเครื่องหมาย
“เกิดอะไรขึ้น”
“กระบอกไม้ไผ่ของข้าโดนเปลี่ยนแล้ว”
นายท่านห้าหันเดินมาหาเขาด้วยความสงสัย
นักบวชชิงเฟิงเปิดกระบอกไม้ไผ่ออก ข้างในไม่มีกระดาษที่กู้เจียวเอาไป เหลือแต่กระบอกไม้ไผ่เปล่า
นายท่านห้าหันคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นมือไปหานักบวชชิงเฟิง “เอากระบอกไม้ไผ่มาให้ข้า ข้ามีวิธี”
นักบวชชิงเฟิงยื่นให้เขาโดยไม่ลังเล
นายท่านห้าหันขมวดคิ้ว “เจ้าไม่กลัวข้าเอากระบอกไม้ไผ่เจ้าวิ่งหนีไปหรือ”
นักบวชชิงเฟิงเหลือบตามองเขา “ข้าแย่งคืนได้”
นายท่านห้าหันไม่สามารถโต้แย้งได้ “…”
“นี่เป็นกระบอกไม้ไผ่ส่งสารของกองทัพ เพื่อป้องกันการถูกแทรกแซงจากภายนอก ข้างในกระบอกไม้ไผ่ก็มีข้อมูลอยู่ด้วย”
เขาเอ่ยพลางหักท่อนไม้ไผ่ออก จุดไฟมาลนที่ด้านนอกท่อนไม้ไผ่
ไม่นานนัก ข้อความเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นด้านในผนังของท่อนไม้ไผ่… เข้าไปในเทือกเขาซ่งซาน โจมตีค่ายทหารข้าศึกใกล้สระหญ้าสีม่วง ชิงเอาจดหมายลับ นำไปส่งที่ค่ายเฟิงฮั่วที่สาม มอบให้นายพลรองฝ่ายป้องกันค่าย
นายท่านหันห้าไม่ได้ประหลาดใจ เขาเดาว่าพวกเขาจะต้องนำจดหมายลับไปส่งยังค่ายเฟิงฮั่วที่แตกต่างกัน
“นี่น่าจะเป็นของมู่ชิงเฉิน” หันอู่เย่เอ่ย
มีเพียงมู่ชิงเฉินและนักบวชชิงเฟิงเท่านั้นที่ไปค่ายเฟิงฮั่วที่สาม หากไม่ใช่ของนักบวชชิงเฟิง ก็ต้องเป็นของมู่ชิงเฉิน
นักบวชชิงเฟิงเอ่ยขึ้นทันใด “เอ๊ะ ภารกิจของเขากับข้าไม่เหมือนกัน”
นายท่านห้าหันมองมาที่นักบวชชิงเฟิงอย่างสงสัย “เจ้ามาทำอะไร”
นักบวชชิงเฟิงท่องเนื้อหาจดหมายที่จำได้ออกมา “ข้าเป็นสายลับ ข้าต้องนำจดหมายลับไปส่งยังค่ายเฟิงฮั่วที่สาม”
นายท่านห้าหันครุ่นคิด “เมื่อครู่นี้เซียวลิ่วหลังเข้าใกล้เจ้ามากที่สุด ถ้าหากกระบอกไม้ไผ่ของเจ้าถูกใครบางคนสลับไป เซียวลิ่วหลังเป็นคนทำแน่นอน แปลกนัก เหตุใดเขาต้องแย่งกระบอกไม้ไผ่ของเจ้า เราทุกคนต่างก็มีภารกิจของตัวเองไม่ใช่หรือ”
นักบวชชิงเฟิงคิดดูพลางเอ่ย “อาจเป็นเพราะ…จดหมายลับของข้าเป็นจดหมายลับจริงฉบับเดียว”
“จดหมายลับจริงอย่างนั้นรึ” นายท่านห้าหันยิ่งงงเข้าไปใหญ่
นักบวชชิงเฟิงไม่เกรงที่จะอ่านภารกิจของตัวเองออกมาดังๆ “เจ้าคือสายลับทูเจวี๋ย นี่เป็นจดหมายลับที่แท้จริงของทหารทูเจวี๋ย รีบนำจดหมายลับเพียงฉบับเดียวนี้ไปที่ค่ายเฟิงฮั่ว มอบให้รองแม่ทัพกบฏฝ่ายซ้ายประจำค่ายด้วยตนเอง”
เมื่ออ่านจบ นักบวชชิงเฟิงและนายท่านห้าหันก็เงียบไป
เพราะในที่สุดทั้งสองคนก็สังเกตเห็นความผิดปกติ
“ข้า หันเจ๋ออวี่ และมู่ชิงเฉินมีภารกิจที่คล้ายกัน เพียงแต่สถานที่ปล้นสะดมต่างกัน จุดหมายปลายทางก็ต่างกัน เราทั้งสามคนเป็นทหารม้า หากจดหมายลับในมือของเจ้าเป็นฉบับจริง แสดงว่าจดหมายลับที่เราปล้นมาได้จากค่ายศัตรูก็เป็นของปลอม ไม่น่าแปลกใจที่เซียวลิ่วหลังจะพยายามขโมยจดหมายลับของเจ้า เพราะมีเพียงจดหมายลับของเจ้าเท่านั้นที่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้”
“ไม่ใช่” นักบวชชิงเฟิงเอ่ย “ถ้าทหารม้ามีสามคน สายลับก็น่าจะมีสามคนเช่นกัน ภารกิจของทหารม้าอย่างพวกเจ้าก็เหมือนกับภารกิจของสายลับของข้า จดหมายลับที่อยู่ในมือของข้าไม่ใช่จดหมายลับฉบับจริงเพียงหนึ่งเดียว จดหมายลับที่อยู่ในมือของสายลับทั้งสามคนล้วนเป็นของจริง ภารกิจของทหารม้าพวกเจ้าคือการยึดจดหมายลับทั้งสามฉบับ ส่วนภารกิจของสายลับคือการทำลายจดหมายลับอีกสองฉบับที่เหลือและทำให้จดหมายลับฉบับของตนกลายเป็นจดหมายลับฉบับเดียวที่แท้จริง”