สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 764-2 สิ้นสุด (2)
บทที่ 764 สิ้นสุด (2)
นายท่านห้าหัน “ตอนนี้รู้แล้วว่าทหารม้าทั้งสามคือข้า หันเจ๋ออวี่ มู่ชิงเฉิน แล้วสายลับทั้งสามคือเจ้า เซียวลิ่วหลัง จวินซิวหัน!”
นักบวชชิงเฟิง “อืม”
นายท่านห้าหันขมวดคิ้ว “เซียวลิ่วหลังต้องรู้เรื่องนี้แล้วจึงมาแย่งจดหมายลับของเจ้า แต่เขารู้ได้อย่างไรกัน”
ใครจะไปสงสัยตั้งแต่แรกว่าจะมีภารกิจลับ
เขาและนักบวชชิงเฟิงก็เพิ่งจะรู้ความจริงหลังจากเปรียบเทียบจดหมายในกระบอกไม้ไผ่ของทั้งสี่คนไม่ใช่หรือ
นักบวชชิงเฟิงมองท้องฟ้าสีครามพลางเอ่ยอย่างเสียงจริงจัง “เขาอาจจะเป็นอัจฉริยะก็ได้”
นายท่านห้าหัน “…”
“ข้าจะไปตามหาเซียวลิ่วหลัง ไว้พบกันใหม่!”
นายท่านห้าหันขี่ม้าปีศาจดำ ใช้ประโยชน์จากนักบวชชิงเฟิงที่ยืนงงงวยอยู่ตรงนั้น หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
นักบวชชิงเฟิงก็ตั้งใจจะตามไป
แม้ว่าจดหมายลับของเขาอาจจะถูกเซียวลิ่วหลังทำลายไปแล้วก็ตาม แต่ไม่เป็นไร การเลือกสรรครั้งนี้ยังมีกลไกที่ซ่อนอยู่อีกอย่างหนึ่ง
นั่นก็คือบทบาทองพวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ตลอดเวลา
ตอนที่พวกเขาจับฉลากไม่ได้มีการบันทึกบทบาทและจุดหมายปลายทางของแต่ละคน นี่แสดงให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือใครจะสามารถทำภารกิจจากกระบอกไม้ไผ่ได้สำเร็จต่างหาก
หากเขาจดหมายลับของเซียวลิ่วหลัง ส่งถึงค่ายเฟิงฮั่วที่หนึ่งก็ยังสามารถบรรลุภารกิจได้เช่นกัน
นักบวชชิงเฟิงเข้าใจความสำคัญของสิ่งนั้นแล้ว จึงรีบขึ้นขี่ม้าทันที
แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ได้ออกเดินทาง ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากต้นไม้ใหญ่ข้างหน้า
เหลี่ยวเฉินนอนเมาค้างอยู่บนกิ่งไม้ที่เขียวชอุ่ม เขาใช้มือข้างหนึ่งยันหัวไว้ อีกมือหนึ่งถือขวดเหล้า ยกเหล้ารสเลิศขึ้นดื่ม
กระเดือกอันงดงามของเขาขยับขึ้นลง
ชุดนักบวชดูเคร่งขรึม แต่ดวงตาทรงเสน่ห์นั้นกลับเปล่งประกายชวนหลงไหล ไฝร่องน้ำตาเม็ดเล็กใต้ดวงตาของเขายิ่งแฝงไปด้วยเสน่ห์ดึงดูด
ราวกับว่าสามารถเป็นได้ทั้งเทพเซียนที่ลงมาโปรดสัตว์ หรือเป็นปีศาจที่สร้างความวุ่นวายในบนโลกก็ได้
เขายิ้มพลางเอ่ย “นักบวชผู้นี้เหงานัก ถ้าท่านเจ้าสำนักจะร่วมดื่มกับข้าสักจอกคงดีไม่น้อย”
…
กู้เจียวขี่เฮยเฟิง ควบอย่างบ้าคลั่ง
จริงๆ แล้วนางก็เพิ่งจะเดาออกถึงกลไกที่ซ่อนอยู่เมื่อครู่นี้เอง พวกเขาทั้งหกคนสามารถสลับตัวกันได้ ดังนั้นต่อให้นางทำลายจดหมายลับอีกสองฉบับก็มิได้หมายความว่าจะวางใจได้
นางต้องรีบทำภารกิจให้สำเร็จ
ก่อนอื่นต้องรีบออกจากป่านี้ เมื่อถึงถนนหลวงก็จะปลอดภัยมากขึ้นอย่างน้อยก็ไม่มีใครจะมาลอบสังหารอย่างโจ่งแจ้ง
แต่เมื่อกู้เจียวกำลังจะเดินออกจากป่า นายท่านห้าหันก็วิ่งมาจากด้านข้างพร้อมกับม้าเฮยเฟิง
กู้เจียวสัมผัสได้ถึงไอสังหารอันรุนแรง นางหรี่ตาล ดึงทวนพู่แดงออกมาอย่างรวดเร็ว ปัดป้องศีรษะของเฮยเฟิง
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงดังก้อง ประกายไฟพุ่งออกมา
นั่นคือมีดสั้น
ถ้าหากกู้เจียวตอบสนองช้ากว่านี้ หัวของราชาม้าเฮยเฟิงคงถูกมีดสั้นแทงทะลุไปแล้ว
จับโจรต้องจับหัวหน้าก่อน ยิงคนต้องยิงม้าก่อน
สมแล้วที่เป็นแม่ทัพของตระกูลหัน!
กู้เจียวเก็บทวนพู่แดงลงในช่องพิเศษบนอานม้า คว้าคันธนูขนาดใหญ่จากด้านหลัง ดึงศรธนูออกจากกระบอกสามดอก ก่อนจะยิงใส่นายท่านห้าหันโดยไม่ปรานี
นายท่านห้าหันฟันธนูทั้งหมดหักเป็นท่อนด้วยกระบี่เดียว!
ในเวลาเดียวกัน ม้าของเขาก็ขวางอยู่ตรงหน้ากู้เจียวและเฮยเฟิง
“เซียวลิ่วหลัง ส่งจดหมายลับของเจ้ามาให้ข้า!”
คำตอบที่นายท่านห้าหันได้รับคืออีกชุดหนึ่งของลูกธนูของกู้เจียว!
นายท่านห้าหันคาดไม่ถึงว่ากู้เจียวจะโหดเหี้ยมเด็ดขาดเช่นนี้ ไม่พูดพร่ำทำเพลง มาถึงก็ลงมือเลย!
นายท่านห้าหันรู้สึกตกใจกับสายตาอันเต็มไปด้วยแรงอาฆาตของเด็กหนุ่ม
เขาหรี่ตาลง วาดกระบี่ออกมาเป็นคมแสงอันคมกริบ ฟันลูกธนูของกู้เจียวเป็นเสี่ยงๆ ในชั่วพริบตา
กู้เจียวยกมือขึ้น ดึงเสื้อคลุมออกจากตัว
เด็กวัยเยาว์สวมเสื้อคลุมสีแดงชาด ชุดเกราะเหล็กกล้าสีดำ กระโดดลงจากหลังม้า
นายท่านห้าหันรู้สึกถึงรังสีอันแรงกล้าของเด็กหนุ่มผู้นี้ แต่ในวินาทีถัดมา เขาก็ต้องตกใจเพราะทวนพู่แดงที่มีคล้องเชือกถักและติดดอกไม้สีแดงในมือของเด็กคนนั้น
อาวุธอะไรของเส้า ช่างแสลงลูกตานัก!
แม้จะแสลงตาอยู่บ้าง แต่พลังของทวนนั้นก็ทำให้นายท่านห้าหันตกตะลึงอีกครั้ง
ม้าเฮยเฟิงของนายท่านห้าหันตัวสั่น
นายท่านห้าหันขมวดคิ้ว ฟันกระบี่ปัดป้องทวนพู่แดงของกู้เจียว ปลายเท้าเหยียบลงแล้วกระโดดลงจากหลังม้า ชักกระบี่ฟันกู้เจียวเต็มแรง!
กู้เจียวต้านแรงกระบี่ สองแขนก็รู้สึกชาเล็กน้อย
ไม่แปลกใจที่จะสามารถดวลกับนักบวชชิงเฟิงได้นานขนาดนี้ ไม่ใช่ว่านักบวชชิงเฟิงอ่อนข้อให้ แต่เพราะคนผู้นี้แข็งแกร่งจริงๆ
นายท่านห้าหันเอ่ยเสียงเย็นชา “เซียวลิ่วหลัง เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า! ตามกฎของวันนี้ ข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ แต่ข้ามีร้อยวิธีในการทรมานเจ้า ดังนั้นส่งจดหมายลับมาให้ข้าเสียดีๆ มิฉะนั้น เจ้าจะได้ไม่ต้องทรมาน!”
นายท่านห้าหันก็ยากที่จะรับมือแล้ว หากนักบวชชิงเฟิงมาด้วย นางก็ไม่มีทางชนะอย่างแน่นอน
ต้องรีบตัดสินใจ!
กู้เจียวไม่ลังเลอีกต่อไป
นางมองไปทางด้านหลังนายท่านห้าหันอย่างเย็นชา ขณะที่นายท่านห้าหันจับจ้องอยู่นั้น นางก็ถอดเครื่องรางที่คล้องคอออก
“ลูกพี่ รับไว้”
นางโยนเครื่องรางให้ราชาม้าเฮยเฟิง
เฮยเฟิงคาบไว้ด้วยปาก
“เจ้าเด็กนี่คิดจะทำอะไร” นายท่านห้าหันมองกู้เจียวอย่างแปลกประหลาด
ปลายนิ้วของกู้เจียวลูบเบาๆ บนปลายคมของทวนพู่แดง เลือดสดหยดหนึ่งไหลออกมา
นางป้ายเลือดบนริมฝีปากของนาง
ในวินาทีถัดไป ลมหายใจของนางก็ถี่รัวขึ้นในทันใด!
นายท่านห้าหันหน้าถอดสีด้วยความตกใจ “นี่มัน…!”
กู้เจียวชักทวนพู่แดงขึ้นมา ก้าวเท้าหนึ่งไปข้างหน้า กระโดดขึ้นสู่อากาศ ตีลังกาหนึ่งรอบ ทวนยาวในมือพุ่งทะยานราวกับมังกร เล็งมาที่นายท่านห้าหันอย่างรุนแรง
กระบี่เหล็กทมิฬของนายท่านห้าหันถูกฟันขาดเป็นสองท่อนในทันที
นางคุกเข่าลงข้างหนึ่ง มือหนึ่งยันพื้น อีกมือหนึ่งจับทวนพู่แดงไว้ด้านหลัง
ดวงตาของนางกลายเป็นสีแดงฉาน
นางไม่ใช่เด็กหนุ่มที่สดใสและร่าเริงอีกต่อไป นางคือเทพเจ้าแห่งความตาย นางคือปีศาจ นางคืออสูร!
นายท่านห้าหันโยนกระบี่ทิ้งไป เปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นหมัด เข้าโจมตีจุดตายของกู้เจียว!
กู้เจียวใช้ประโยชน์จากทวนพู่แดงแดงกระโดดขึ้นสูงอีกครั้งแล้วดันเข่าขวาเข้าที่คางของนายท่านห้าหัน!
นายท่านห้าหันถูกเหวี่ยงจนลอยขึ้นกลางอากาศ!
เขาล้มลงกับพื้นอย่างหนักและกระอักเลือดออกมา
แค่สามกระบวนท่า
เด็กหนุ่มเอาชนะเขา…ด้วยสามกระบวนท่า!
เขาดูถูกเด็กหนุ่มผู้นี้เกินไป ไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่หลังจากที่เด็กหนุ่มเปลี่ยนมาให้กำลังภายในทั้งหมด
เกิดอะไรขึ้นกับเซียวลิ่วหลัง เหตุใดถึงแข็งแกร่งขึ้นมากขนาดนี้
นายท่านห้าหันกัดฟัน เล็งเป้าไปที่ราชาม้าเฮยเฟิงแล้วยิงอาวุธลับที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ
ในเวลาเดียวกัน นายท่านห้าหันก็ยิงอาวุธลับชิ้นที่สองออกมาใส่กู้เจียว
ระหว่างตัวเองกับราชาม้าเฮยเฟิงนั้น นางปกป้องได้เพียงแค้คนเดียว
กู้เจียวปกป้องราชาม้าเฮยเฟิงโดยไม่ลังเล
อาวุธลับพุ่งผ่านข้างแก้มของกู้เจียว
อาวุธลับไม่ได้ทำร้ายกู้เจียว แต่ผงพิษบนนั้นทั้งหมดเข้าไปในดวงตาของกู้เจียว
กู้เจียวมองไม่เห็นแล้ว
“ฮ่าๆๆ … ฮ่าๆๆ … ” นายท่านห้าหันพ่นเลือดออกมา ขณะนอนลงบนพื้นและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เซียวลิ่วหลัง เจ้าเอาชนะข้าได้ แล้วอย่างไรเล่า เจ้ายังโดนพิษของสำนักถังอยู่ดี! ตาของเจามองไม่เห็นแล้ว เจ้าจะเดินออกจากป่าแห่งนี้ได้อย่างไร! แล้วเจ้าจะไปค่ายเฟิงฮั่วได้อย่างไร!”
ราชาม้าเฮยเฟิงโกรธจัด ยืนขวางกู้เจียวไว้ด้านหน้า
กู้เจียวอยู่ในภาวะที่ควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว แต่ด้วยความเจ็บปวดที่ดวงตาทำให้นางฟื้นสติกลับมาเล็กน้อย
“ลูกพี่ ส่งเครื่องรางมาให้ข้า” เธอเอ่ยพร้อมกับยื่นมือออกไป
ราชาม้าเฮยเฟิงคายเครื่องรางลงบนฝ่ามือของกู้เจียว
กู้เจียวสวมเครื่องรางกลับที่คอ
ดวงตาของเธอเจ็บปวดมาก
ทั้งยังไม่สู้แสง
นางไม่สามารถลืมตาได้
พิษชนิดนี้ อาจารย์แม่น่าจะแก้ได้
นางสัมผัสได้ถึงพลังอาฆาตของราชาม้าเฮยเฟิง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาแก้แค้น
ราชาม้าเฮยเฟิงต้องรักษากำลังไว้
“ลูกพี่” นางเรียกราชาม้าเฮยเฟิง หลับตาลงและปลอบประโลมอารมณ์ของราชาม้าเฮยเฟิงให้เบาลง ส่วนนางเองก็พยายามสงบอารมณ์ตัวเองที่ควบคุมไม่ได้เช่นกัน
ราชาม้าเฮยเฟิงคุกเข่าลงอย่างเป็นกังวล เพื่อให้กู้เจียวสามารถขี่ได้อย่างง่ายดาย
กู้เจียวลูบเบาๆ ที่อานม้าแล้วนั่งลง
ราชาม้าเฮยเฟิงลุกขึ้นมา
กู้เจียวคลายผ้าคาดผมที่ศีรษะออก จับผ้าคาดผมด้วยสองมือปิดตาตัวเอง
นายท่านห้าหันบาดเจ็บจนขยับไม่ได้ แต่เห็นท่าทางของกู้เจียว เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยประชดประชัน “แล้วอย่างไร เจ้าเป็นถึงขนาดนี้แล้วยังจะส่งจดหมายลับอีกหรือ เจ้ามองเห็นทางรึ”
กู้เจียวจับบังเหียน ยืดอกตรงขึ้น “ข้ามองไม่เห็น แต่ลูกพี่มองเห็น”
นายท่านห้าหันหัวเราะอย่างเย็นชา “ลูกพี่รึ เจ้าหมายถึงราชาม้าม้าเฮยเฟิงแก่หงำตัวนี้หรือ ข้ายอมรับว่ามันเป็นม้าศึกที่ยอดเยี่ยม แต่น่าเสียดายที่มันอยู่กับตระกูลหันมาสิบห้าปีแล้ว แต่ไม่เคยไปค่ายเฟิงฮั่วหัวเลย”
“มันไม่ต้องไปหรอก” กู้เจียวเอ่ย “มันเกิดที่ค่ายเฟิงฮั่ว”
ในค่ายเฟิงฮั่วที่หนึ่ง ม้าศึกของเซวียนหยวนลี่อาศัยอยู่ในศาลาชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งปีกว่าจึงถูกรับกลับไปอยู่ที่จวนของตระกูลเซวียนหยวน
กู้เจียวก้มลงลูบขนของราชาม้าเฮยเฟิงเบาๆ พลางเอ่ย “จำได้หรือไม่ ลูกพี่”
ต้องจำให้ได้ เหมือนกับจำเจ้าของของเจ้าได้
ราชาม้าเฮยเฟิงไม่ได้เป็นของตระกูลหัน
เส้นทางสามร้อยลี้อันอันตรายนี้ไม่ใช่เส้นทางผ่านด่านเพื่อเลื่อนขั้น แต่เป็นเส้นทางพาราชาม้าม้าเฮยเฟิงกลับบ้าน
ม้าเฮยเฟิงรอวันนี้มานานแล้ว
พาม้าเฮยเฟิงกลับบ้าน ลูกพี่
“ชิ…” นายท่านห้าหันหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “เซียวลิ่วหลง เจ้าอย่าพยายามอีกเลย เจ้าจะไม่สามารถออกจากป่าแห่งนี้ได้ เจ้า…”
เขาเอ่ยไม่จบก็เห็นม้าเฮยเฟิงร้องโหยหวนลั่นฟ้า เงยเท้าหน้าขึ้นอย่างแรง เหมือนกับลูกศรที่หลุดจากสายธนู พากู้เจียววิ่งไปทางตะวันออกเฉียงเหนืออย่างรวดเร็ว
ทิศทางนั้นคือ……
ค่ายเฟิงฮั่วที่หนึ่ง!
นายท่านห้าหันโกรธจนกระอักเลือด “เซียวลิ่วหลัง! ไร้ประโยชน์หรอก! ม้าของเจ้าแก่แล้ว! วิ่งสามร้อยลี้ไม่ไหวแล้ว! มันต้องหยุดพักทุกๆ สามสิบลี้! นักบวชชิงเฟิงจะตามทันเจ้า! ตระกูลหันก็จะตามทันเจ้า!”
…
ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฝนตกลงมาอย่างหนัก
ราชาม้าเฮยเฟิงวิ่งอย่างว่องไวท่ามกลางพายุฝน มันวิ่งมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะทางกว่าร้อยลี้ โดยไม่หยุดพักแม้แต่ชั่วครู่
มันต้องพาเหล่าม้าเฮยเฟิงกลับบ้าน และพากู้เจียวกลับบ้านด้วย