สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 765 ตำนานบทใหม่
บทที่ 765 ตำนานบทใหม่
“นายท่านห้า! นายท่านห้า!”
หน่วยกล้าตายของตระกูลหันพบนายท่านหันห้าที่เกือบจะหมดสติเพราะตากฝน
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นฤดูร้อน แต่เนื่องจากภูเขาซงซานนั้นสูงมาก อุณหภูมิจึงต่ำกว่าที่อื่นอยู่แล้ว บวกกับพายุฝนที่น่ากลัว นายท่านหันห้าที่บาดเจ็บจึงเกือบจะหมดสติ
ถ้าไม่ใช้ม้าปีศาจดำที่ใช้ร่างกายของเขาบังลมฝนบางส่วนให้เขา เขาคงจะไม่อยู่รอจนคนของตระกูลหันมาพบเข้า
หัวหน้าของหน่วยกล้าตายประคองนายท่านหันห้าให้ลุกขึ้นนั่ง ถอดเสื้อคลุมออกแล้วเรียนนายท่านหันห้า “นายท่านห้า!”
นายท่านหันห้าสั่นไม่หยุด มือและเท้าสูญเสียความรู้สึกไปแล้ว แม้แต่กล้ามเนื้อบนใบหน้าก็ชาไปหมด
เดิมทีด้วยฝีมือของเขาไม่น่าพ่ายแพ้เร็วขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ อีกสาเหตุที่สำคัญคือ วินาทีที่เซียวลิ่วหลังพุ่งเข้าโจมตีนั้น เขาเหมือนเห็นภาพที่คุ้นเคย
นั่นคือภาพที่เขาไม่สามารถลบออกจากหัวได้ในชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหน
สติเขาพร่าเลือนไปชั่วขณะ ร่างกายของเขาแข็งทื่อไปหมด ไม่อาจดึงพลังภายในออกมาต้านกระบวนท่าของเซียวลิ่วหลังได้ ผลก็คือเขาตกเป็นเหยื่อของเซียวลิ่วหลัง
เขาไม่ได้พ่ายแพ้เพราะฝีมือ แต่พ่ายแพ้ให้กับจิตใจและอารมณ์ของตัวเอง
หน่วยกล้าตายพูดด้วยความกังวล “ข้าจะพาเจ้ากลับไปเดี๋ยวนี้!”
“ยัง… ยังไม่ต้องสนใจข้า…” นายท่านหันห้าใช้แรงที่เหลืออยู่น้อยนิด พยายามอ้าริมฝีปากที่ชาของตัวเองออก แล้วพูด “ไป… ตาม… เซียวลิ่วหลัง… ที่ค่ายเฟิงหัว… หยิง… ที่แรก…”
บรรดาทหารหน่วยกล้าตายเหล่านี้มิได้อยู่ใต้บัญชาของฉีเซวียน ฉีเซวียนคุมคนของหันเย่ เขาได้รับคำสั่งจากประชุมตระกูลให้ช่วยเหลือนายท่านห้าอย่างลับๆ พวกเขาไม่รู้เลยว่าฉีเซวียนก็เข้ามาด้วย
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ พวกเขาไม่ได้ขี่ม้า
“ขี่…ม้า… ของข้า…ไป…”
เซียวลิ่วหลังต้องการจะยุติการต่อสู้ให้เร็วที่สุด สามกระบวนท่าที่เขาใช้โจมตีอีกฝ่ายเมื่อครู่ได้ใช้พลังทั้งหมดแล้ว ร่างกายของเขาถูกใช้จนหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมองไม่เห็นด้วย หากหน่วยกล้าตายของตระกูลหันสามารถตามทันได้ ก็สามารถโจมตีเขาอย่างหนักและแย่งชิงจดหมายลับกลับมาได้!
หัวหน้าหน่วยกล้าตายสั่งทหารของเขา “พวกเจ้าไปพร้อมกับนายท่านห้า ข้าจะไปตามเซียวลิ่วหลัง!”
หากเขาตามทันแล้ว ก็จะชิงจดหมายลับมาให้นายท่านห้า แล้วคุ้มกันนายท่านห้าไปยังค่ายเฟิงฮั่วที่หนึ่ง!
“ขอรับ!” ทุกคนขานรับ
“เดี๋ยวก่อน…” นายท่านหันห้าเรียกเขาไว้
หน่วยกล้าตายถาม “นายท่านห้า มีอะไรรับสั่งหรือขอรับ”
นายท่านหันห้าเอ่ย “ในเสื้อข้ามีขวดยาสำหรับม้าปีศาจดำ หากม้าปีศาจดำวิ่งไม่ไหว ให้กินยาเม็ดหนึ่ง จะสามารถฟื้นฟูพลังของมันได้”
“ขอรับ!”
หน่วยกล้าตายหยิบขวดยาออกมาหันหลังกลับขึ้นขี่ม้าปีศาจดำ ตอนแรกม้าปีศาจดำไม่ยอมให้ขี่ หน่วยกล้าตายล้มลงหลายครั้งถึงจะขึ้นขี่ได้ เป็นเพราะนายท่านหันห้าใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งหลอกล่อ
แต่หลังจากที่มันยอมรับหน่วยกล้าตายแล้ว ความเร็วของม้าปีศาจดำก็เปรียบดั่งสายฟ้าแลบ
หน่วยกล้าตายควบม้าอย่างไม่หยุดหย่อนมุ่งหน้าไปยังค่ายเฟิงฮั่วที่หนึ่ง
อีกด้านหนึ่ง การต่อสู้ระหว่างนักบวชชิงเฟิงและเหลี่ยวเฉินก็ใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
เหลี่ยวเฉินไม่ต้องการฆ่าใครในวันนี้ ยามออกกระบวนท่าจึงจงใจออมแรง แต่นักบวชชิงเฟิงกลับเอาแต่ใช้ท่าไม้ตาย
เหลี่ยวเฉินถูกต้อนให้ถอยแล้วถอยอีก ด้านหลังของเขาพิงต้นไม้ใหญ่ เมื่อถอยไม่ได้ นักบวชชิงเฟิงจึงใช้นิ้วชี้ทั้งสองข้างสะกดเข้าที่จุดฝังเข็ม
เหลี่ยวเฉินไม่สามารถขยับได้ เขาถอนหายใจยิ้มพลางมองไปที่นักบวชชิงเฟิง เอ่ยอย่างเจ็บปวด “เจ้าสำนัก ท่านช่างไร้หัวใจจริงๆ ”
นักบวชชิงเฟิงสะกดไปที่จุดตายของเขาด้วยฝ่ามือเดียว!
คิดจะเอาชีวิตของเขาจริงๆ นี่!
เหลี่ยวเฉินฮึดฮัดเหมือนจะโกรธขึ้นมาจริงๆ กำลังภายในทั้งแปดทวารของเขาได้ถูกปลดปล่อย เขาเขย่งเท้าทะยานตัวขึ้นบนกิ่งไม้ มองนักบวชชิงเฟิงที่ยืนอยู่ข้างล่างด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ “เหล้าฉลองไม่ดื่ม ดันอย่างดื่มเหล้าทัณฑ์ ถ้ายังทำแบบนี้ต่อไป ข้าจะลงเอาจริงแล้วนะ”
มีเพียงเหลี่ยวเฉินเท่านั้นที่สามารถทำให้นักบวชชิงเฟิงโกรธจนอยากจะฆ่าคน!
แต่วันนี้นักบวชชิงเฟิงได้กดข่มความโกรธที่มีต่อเหลี่ยวเฉินเอาไว้แล้ว เพราะยังมีเรื่องสำคัญกว่านั้นต้องทำ
เขาเงยหน้าขึ้น มองเหลี่ยวเฉินด้วยดวงตาอันงดงามพลางเอง “เจ้าก็ลงมาสิ ข้าจะดื่มเหล้ากับเจ้า”
เหลี่ยวเฉินยิ้มมุมปากแล้วกระโดดลงมาอย่างสง่างาม
นักบวชชิงเฟิงดึงเชือกออกมาจากแขนเสื้อแล้วมัดเหลี่ยวเฉินไว้!
เหลี่ยวเฉิน “…”
นักบวชชิงเฟิงจับเหลี่ยวเฉินแขวนไว้ใต้ต้นไม้ จากนั้นหันหลังและกระโดดขึ้นม้า
เหลี่ยวเฉินเหมือนหนอนไหมตัวเล็กแกว่งไกวอยู่บนต้นไม้
เขามองดูแผ่นหลังของนักบวชชิงเฟิงที่กำลังควบม้าออกไป ริมฝีปากสีแดงของเขาหยักยกขึ้น แค่นหัวเราะพลางเอ่ย “ถ้าเจ้ากล้าไป นักบวชผู้ยากจนคนนี้ก็จะบอกให้ทั้งโลกรู้ว่าเจ้าคือโจรขโมยนกที่ลูกศิษย์นับพันจับได้วัดไป๋อวิ๋นเหมือนหลายปีก่อน!”
นักบวชชิงเฟิงเดือดดาลจนแทบจะระเบิด…
……
ฝนตกกระหน่ำ
ม้าปีศาจดำไล่ตามไม่หยุดหย่อนท่ามกลางสายฝน
มันยังเด็กมาก พละกำลังเหลือล้าน ทั้งยังอึดกว่าม้าศึกธรรมดา
มันวิ่งอย่างบ้าคลั่งโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ค่อยๆ ทิ้งภูเขาซงซานไว้ด้านหลังให้ไกลออกไป
ฟ้าร้องไม่เคยหยุดยั้งเช่นเดียวกันกับก้าวย่างของมัน เหมือนดั่งนักรบที่ห้าวหาญที่สุด ไล่ล่าตามศัตรูของตนโดยไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ยังไม่พอ…” หน่วยกล้าตายกำเชือกบังเหียนแน่น เช็ดใบหน้าที่เปียกฝน
พวกเขาได้วิ่งมาเกือบร้อยลี้แล้ว ม้าปีศาจดำยังไม่มีอท่าทีว่าจะเหนื่อยล้า เขาไม่เคยเห็นม้าศึกที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อน แต่ความเร็วของมันยังต้องเร็วกว่านี้อีก
หน่วยกล้าตายหยิบยาเม็ดที่นายท่านหันห้าให้มาให้ม้าปีศาจดำกิน
พลังที่สูญเสียไปของม้าปีศาจดำฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ความเร็วก็เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
ในที่สุด หลังจากผ่านอีกป่าเล็กๆ อีกแห่งหนึ่ง หน่วยกล้าตายก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าที่มาจากด้านหน้า
หน่วยกล้าตายพลันตื่นเต้นดีใจ นั่นคือเซียวลิ่วหลังนี่ต้องเป็นเซียวลิ่วหลังอย่างแน่นอน!
ยามนี้ท้องฟ้าได้มืดสนิทไปแล้ว ทั่วทั้งฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยพายุฝนขนาดใหญ่
ออกศึกกลางดึกท่ามกลางสายฝนเป็นเรื่องเสี่ยงและอันตรายอย่างยิ่ง สายตาของทหารถูกบดบังโดยสายฝน ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาการรับรู้ของม้าเป็นส่วนใหญ่
โดยปกติแล้วม้าศึกจะลดความเร็วลง เหตุหนึ่งเพราะนักรบสั่งให้ทำเช่นนั้น อีกเหตุหนึ่งเป็นเพราะม้ามีสัญชาตญาณหลีกเลี่ยงอันตราย
แต่ถึงกระนั้นเจ้าราชาม้าเฮยเฟิงกลับไม่ได้ลดความเร็วลง
มันแล่นเร็วราวสายฟ้าในยามราตรี
หน่วยกล้าตายได้ยินเสียงฝีเท้าม้าที่ห่างออกไปเรื่อยๆ จึงกัดฟันพูด “โธ่เว้ย! ข้ากำลังจะตามทันแล้วแท้ๆ เหตุใดถึงเหมือนทิ้งห่างไปอีกแล้ว!”
“ไป!”
“ไป!”
หน่วยกล้าตายเร่งความเร็วอย่างเต็มที่ ในที่สุดก็ตามทันราชาม้าเฮยเฟิงอีกครั้ง แต่คราวนี้ระยะห่างระหว่างพวกเขาใกล้จนเหลือเชื่อ
หน่วยกล้าตาย ดึงดาบยาวออกจากเอวของเขา เขาแค่ฟันดาบลงมาเพียงครั้งเดียว เซียวลิ่วหลังก็จะต้องบาดเจ็บสาหัส!
ราชาม้าเฮยเฟิง วิ่งอย่างเร่งรีบ กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเขาเกร็งแน่น เส้นสายไหลลื่น
ทันใดนั้น ขณะหน่วยกล้าตายฟันดาบลงมา ราชาม้าเฮยเฟิงก็พุ่งไปด้านขวาอย่างกะทันหัน วิ่งเข้าไปในทางแยกที่อยู่ด้านหน้าทางขวา
“ข้า!”
หน่วยกล้าตาย ฟันดาบออกไปในอากาศเปล่า
เพราะว่าเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าราชาม้าเฮยเฟิงจะเปลี่ยนเส้นทางกะทันหัน เขาไม่สามารถรั้งสายบังเหียนให้หยุดได้ทัน เขาจึงพุ่งไปข้างหน้าอย่างนั้น
ก็ต้องโทษม้าปีศาจดำที่วิ่งเร็วเกินไป
ภายในเวลาชั่วอึดใจ ม้าก็วิ่งออกไปไกลกว่าร้อยฉื่อ
ถ้าจะวกกลับไปตามราชาม้าเฮยเฟิงที่ทางแยกก็เกรงว่ายิ่งตามไม่ทัน
“ช่างเถอะ เจ้าออกมาจากทางแยกแล้ว อย่างไรก็ต้องกลับมาที่ถนนหลวง ข้าจะไปรอข้างหน้าเอง”
แต่ราชาม้าเฮยเฟิงกลับไม่ยอมให้เขาขัดขวาง เมื่อกลับมาที่ถนนหลวง แม้จะเหลือระยะห่างเพียงหนึ่งช่วงตัวม้าเท่านั้น ราชาม้าเฮยเฟิงก็วิ่งนำหน้าไปอีก
“ตามไม่ทันอีกแล้ว!” หน่วยกล้าตายโกรธจนตัวสั่น
ไม่ใช่ว่าม้าแก่หรอกหรือ
เหตุใดมันวิ่งได้เร็วขนาดนั้น!
แต่ข้างหน้าก็ไม่ใช่ทางราบเรียบ ตระกูลหันยังมีองครักษ์คนอื่นเฝ้าอยู่ที่ปากทาง
พวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้าม้าที่เร่งรีบดังมาจากสายฝน ต่างก็ชักกระบี่ออกมา ตั้งแถวปิดถนนหลวงทั้งสาย
พวกเขาเตรียมพร้อมมาอย่างรอบคอบ
ราชาม้าเฮยเฟิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย ราวกับกำลังทะลุทะลวงภูเขาและแม่น้ำ บุกฝ่าแนวกั้นขององครักษ์ตระกูลหันอย่างราบคาบ!
องครักษ์สองคนของตระกูลหันถูกชนจนลอยขึ้นไป!
เร็วเกินไป!
แรงมหาศาล!
นี่ไม่ใช่ราชาม้าเฮยเฟิงที่พวกเขารู้จัก!
ราชาม้าเฮยเฟิงไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้!
หัวหน้าองครักษ์คนหนึ่งมองดูชายคนหนึ่งกับม้าที่ไกลออกไป ตะโกนเสียงดัง “ตัดเชือก!”
ข้างหน้าคือสะพานเชือก!
ยามที่รักษาสะพานเชือกอยู่ฝั่งตรงข้าม ชักกระบี่ออกมาฟันเชือกที่หัวสะพานอย่างแรง!
ระหว่างหน้าผาทั้งสองมีระยะห่างถึงสามจั้ง ม้าศึกใดก็ข้ามไปไม่ได้!
ทว่าองครักษ์เหล่านั้นก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าราชาม้าเฮยเฟิงไม่ได้ชะลอความเร็ว!
“มันจะทำอะไรน่ะ”
“มันคงไม่ได้คิดจะข้ามไปหรอกใช่ไหม! รนหาที่ตายชัดๆ ”
“ทหารม้านั่นโง่หรือไร เหตุใดไม่หยุดมันเล่า!”
“เฮ้ย!” องครักษ์คนหนึ่งตะโกนเรียกกู้เจียวจากด้านหลัง “ม้าเจ้ากำลังจะกระโดดหน้าผาแล้ว! รีบหยุดมันเดี๋ยวนี้!”
พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้กู้เจียวกระโดดได้
พวกเขายังไม่ได้ชิงจดหมายลับที่ซ่อนอยู่ในตัวของกู้เจียว
ถ้ากู้เจียวตกลงไปในเหว นายท่านหันห้าก็ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จได้
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
“ถึงตายเชียวนะ!”
พวกเขาอยากจะหยุดกู้เจียวไม่ให้ตกหน้าผาตายจากใจจริง
ตาของกู้เจียวมองไม่เห็น แต่การรับรู้ของนางยังคงอยู่
นางได้ยินเสียงสะพานไม้แตกหัก และรู้สึกถึงลมเย็นที่พัดมาจากเหวลึก
แต่นางไม่ได้หยุดราชาม้าเฮยเฟิง
ราชาม้าเฮยเฟิงกำลังเร่งความเร็ว
นางใช้มือเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก กำบังเหียนแน่น หนีบท้องม้าแน่น ยืนบนอานม้าและยกร่างกายขึ้นเล็กน้อย
ราชาม้าเฮยเฟิงเกร็งกล้ามเนื้อทั้งตัวและกระโดดขึ้น!
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ม้าปีศาจดำและหน่วยกล้าตายก็มาถึง
“สะพานขาดแล้ว! สะพานขาดแล้ว! อย่าไป!” องครักษ์ตระกูลหันตะโกนเสียงดัง
หน่วยกล้าตายดึงบังเหียนอย่างแรง และม้าปีศาจดำก็หักเลี้ยวอย่างกะทันหันที่ขอบหน้าผาและหยุดได้ทัน
สาเหตุที่สามารถหยุดได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการห้ามของหน่วยกล้าตาย อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะสัญชาตญาณหลีกเลี่ยงอันตรายของม้าปีศาจดำ
ม้าปีศาจดำถอยหลังไปสองสามก้าว
นี่คือระยะทางที่แม้แต่ม้าปีศาจดำก็ไม่สามารถข้ามได้
ทุกคนไม่กล้ามองลงไปข้างล่าง
ราชาม้าเฮยเฟิงกับทหารม้าผู้นั้นกำลังจะตกลงไปในเหว
“เฮ้ย…” องครักษ์คนหนึ่งร้องออกมาด้วยความตกใจ “ดูสิ! มัน มัน มัน…”
มันข้ามไปได้แล้ว!
มันเอาชนะสัญชาตญาณของตัวเอง เอาชัยหุบเหวอันน่าสะพรึงกลัว และข้ามไปได้ไกลกว่าที่ม้าศึกตัวใดเคยทำได้มาก่อน
มันคือราชาแห่งราชาม้าเฮยเฟิงที่แท้จริง!
ทหารทั้งสองฝั่งสะพานต่างก็ตกตะลึงถึงกับลืมตัวไปชั่วขณะ ราชาม้าเฮยเฟิงจึงพากู้เจียววิ่งผ่านทหารของตระกูลหันไปได้อย่างราบรื่น
“อ้าว! พวกเขาหนีไปแล้ว!” องครักษ์คนหนึ่งที่ถูกราชาม้าเฮยเฟิงชนกระเด็นไปร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
แต่ไม่มีใครลุกขึ้นไปไล่ตาม
เด็กน้อยที่มีความเชื่อใจอย่างหมดจดและความมุ่งมั่นอย่างไม่ย่อท้อของราชาม้าเฮยเฟิง แสดงให้พวกเขาเห็นสิ่งล้ำค่าที่สุดบนสนามรบ
พวกเขาไม่รู้ว่าความรู้สึกในตอนนี้เรียกว่าอะไร แต่รู้สึกเหมือนหัวใจของพวกเขาถูกสาดไปด้วยเลือด
พวกเขาไม่ต้องการไล่ตามอีกต่อไป
อย่างน้อยก็ในตอนนี้
…
นายท่านหันห้าคาดการณ์ไม่ผิด ท่าโจมตีสามกระบวนท่าที่กู้เจียวใช้เพื่อเอาชนะเขานั้นแทบจะใช้พลังทั้งหมดของนาง นางไม่เคยใช้วิธีต่อสู้ที่เสียพลังขนาดนี้ในการต่อสู้ครั้งใดเลย
ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถฆ่าหันฉือได้
หันฉือแข็งแกร่งเกินไป
เลือดคลุ้งอยู่ในลำคอของนางไม่จางหาย ไหลออกมาจากมุมปากของนาง
ตอนแรกนางยังกลืนมันลงได้ แต่ต่อมาแม้แต่แรงที่จะกลืนเลือดคาวนี้ก็ไม่มีแล้ว เลือดสดอาบไปทั่งแผ่นหลังของราชาม้าเฮยเฟิง
นางยังคงยืนหยัดด้วยจิตวิญญาณอันแน่วแน่
สภาพของราชาม้าเฮยเฟิงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ม้าปกติต้องหยุดพักหลังจากวิ่งเต็มที่ยี่สิบสามสิบลี้ ความเร็วในการเคลื่อนที่ของทหารม้าอย่างรวดเร็วอยู่ที่ประมาณเจ็ดสิบแปดสิบลี้ต่อวัน
ถ้าหากเดินทางอย่างเร่งด่วน สามารถเดินทางได้เกินร้อยลี้ แต่ก็ต้องหยุดพักบ้าง
เฉพาะในกรณีม้าที่วิ่งตายเท่านั้น จึงจะเดินทางทั้งวันทั้งคืนเป็นระยะทางหลายร้อยลี้
สองร้อยลี้
สองร้อยห้าสิบลี้
สองร้อยหกสิบลี้
……
ราชาม้าเฮยเฟิงเข้าใกล้ขีดจำกัดของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า เหนื่อยจนอยากจะล้มลงไป แต่ก็ยังกัดฟันฝืนทนต่อไป
เมื่อยามฟ้าสาง สายฝนหยุดลง
แสงแรกของรุ่งอรุณลอดผ่านเมฆบาง เคลื่อนผ่านยอดเขา สาดส่องลงบนค่ายทหารอันเงียบสงัด
ในทุกวัน เหล่าทหารจะตื่นจากเสียงกลองศึกในค่ายทหาร
ทว่าในวันนี้พวกเขากลับถูกเสียงฝีเท้าม้าที่เร่งรีบปลุกให้ตื่น
พวกเขายังนึกว่าจะมีศัตรูบุกโจมตี เมื่อมาถึงหน้าค่าย มองไปก็เห็นแต่ม้าศึกตัวดำสนิทและเด็กน้อยคนหนึ่งที่ปิดตาอยู่
เด็กหนุ่มกับม้าคู่ใจควบม้าเข้ามาอย่างสง่างาม ราวกับมีกองทัพทหารนับพันกำลังติดตามมาด้วย แผ่นดินทั้งผืนก็สั่นสะเทือนไปหมด
กู้เจียวส่งมอบกระบอกไม้ไผ่ให้กับของรองแม่ทัพฝ่ายขวาได้สำเร็จ
รองแม่ทัพฝ่ายขวามองดูเด็กหนุ่มที่ปิดตา ยื่นมือโบกไปมาตรงหน้าเขาอย่างอดไม่ได้
เด็กหนุ่มไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ
รองแม่ทัพฝ่ายขวาถึงกับตกตะลึง
เขาตาบอดตั้งแต่เกิดอย่างนั้นหรือ
แล้วเขาวิ่งมาที่นี่เป็นระยะทางสามร้อยลี้ได้อย่างไร
รองแม่ทัพฝ่ายขวากำลังจะถามกู้เจียวว่าตาของเขาเป็นอะไรอยู่นั้น ก็เห็นเด็กหนุ่มกับม้าคู่ใจล้มฟุบลงกับพื้นพร้อมกัน
รองแม่ทัพฝ่ายขวาพลันตกใจ ตะโกนสั่ง “ใครก็ได้! เรียกหมอมาที!”