สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 772-2 ตระกูลการละคร (2)
บทที่ 772 ตระกูลการละคร (2)
ไท่จื่อย่นคิ้วหลิ่วตาให้หัวหน้าทหาร
พอประตูเปิดออก รีบพุ่งตัวเข้าไปกำจัดเจ้าหลงอ้าวเทียนเสีย
หัวหน้าทหารสบตากลับ ฝ่าบาทโปรดวางใจเถิด กระหม่อมจะกลั่นลมปราณทั้งหมดที่มีทำลายชีพจรของมัน
เย่ชิงขอกุญแจประตูจากทหารหน่วยกล้าตาย ก่อนมาหยุดอยู่ที่หน้าบานประตูพร้อมกับอวี้เหอ
ขณะที่พวกเขากำลังจะไขกุญแจ ก็พบว่าตรงบริเวณแม่กุญแจมีรอยเลือดกึ่งแห้งติดอยู่
มีคนอยู่ข้างในจริงๆ !
เย่ชิงอยากจะหันไปถามทหารหน่วยกล้าตายสองคนนั้น
แต่พอเอาเข้าจริง เขากลับพูดไม่ออก
สุดท้าย เย่ชิงไม่ได้ถามอะไร ก้มหน้าก้มตาไขกุญแจช้าๆ อีกทั้งตอนยกแม้กุญแจออก เขาตั้งใจให้แม่กุญแจฟาดเข้าไปที่บานประตูหนึ่งที
“กับแค่เปิดประตู ไยถึงช้าขนาดนี้” ไท่จื่อบ่นอุบอิบ
เย่ชิงตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “ประตูบานนี้มีน้ำหนักเยอะ หรือไท่จื่อจะลองมาเปิดเองดูไหมพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่จื่อเบะปากพ่นลม
เย่ชิงและอวี้เหอร่วมแรงกันเพื่อพยายามดันประตูให้เปิดออก
ด้วยความที่อวี้เหอไม่ใช่คนแรงเยอะ ส่วนเย่ชิงก็กำลังออมแรงอยู่ ทำให้บานประตูถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้า
แต่ถึงอย่างนั้น สุดท้ายประตูต้องถูกเปิดออกจนสุดอยู่ดี
เมื่อห้องลับอันว่างเปล่าปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน เงาของกู้ฉังชิงก็มิอาจถูกซ่อนได้อีกต่อไป
“เจ้าเองรึ”
อวี้เหอเอ่ยออกมาโดยไม่รู้ตัว
คาดไม่ถึงว่าจะมีคนอยู่ในนี้จริงๆ ซ้ำยังเป็นคนที่รู้จักด้วย
หัวหน้าทหารผ้าแพรถูกไท่จื่อห้ามไว้ขณะที่เตรียมจะบุกเข้าไปฆ่าปิดปาก
ไท่จื่อเป็นคนรอบคอบ เขาจำได้ว่าหลงอ้าวเทียนกับอวี้เหอไม่น่าจะเคยเจอกันมาก่อน
แต่เหตุใดอาการของอวี้เหอนั้นราวกับเจอคนรู้จัก
จากนั้นเขาหันไปมองซ่างกวานเยี่ยนกับคนอื่นๆ ที่ดูจะตื่นเต้นและร้อนรนเป็นพิเศษ
เอาละ ชักจะสนุกแล้วสิ
แม้การกำจัดหลงอ้าวเทียนจะเป็นเรื่องหลัก แต่ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีที่สุดเสมอไป
หากเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่าซ่างกวานเยี่ยนเกี่ยวข้องกับหลงอ้าวเทียน เขาต้องได้ประโยชน์ก้อนใหญ่ไปอย่างแน่นอน!
“ท่านอาจารย์น้อยนามอวี้เหอ รู้จักคนคนนี้ด้วยหรือ” ไท่จื่อเอ่ยถามอวี้เหอด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
เย่ชิงหลับตาลงด้วยความหนักอก
นี่เขามองไม่ออกจริงๆ หรือว่าท่านอาจารย์กำลังช่วยเหลือเซียวลิ่วหลังอยู่
อวี้เหอเจ้าเด็กโง่ เจ้าทำให้ความพยายามของท่านอาจารย์สูญเปล่า!
“ขะ ข้า…” อวี้เหอรับรู้ได้ถึงแรงกดดันจากศิษย์พี่จนไม่กล้าเอ่ย
ฮ่องเต้ “เจ้าแค่ตอบคำถามมาก็พอ เจ้ารู้จักคนคนนี้หรือไม่”
อวี้เหอเบือนหน้าลง
“กั๋วซือ” ฮ่องเต้หันไปทางกั๋วซือ
“เจ้าพูดตามความจริงเถิด” กั๋วซือเอ่ยกับอวี้เหอ
อวี้เหอจึงยอมเปิดปาก “เขาเป็นสหายของพระราชนัดดาและท่ายชายเซียว และเคยมาเยือนที่ตำหนักกั๋วซือ”
ไท่จื่อซักถามต่อ “ครั้งแรกที่เขามาที่นี่นั้นเมื่อไหร่”
อวี้เหอจึงตอบตามความจริง
พอไท่จื่อได้ยินคำตอบก็แผดเสียงหัวเราะลั่น “แล้ววันต่อมาเจ้านี่ก็มาที่จวนของข้าเพื่อรับใช้ข้า ผังไห่เป็นพยานที่อยู่ให้ได้ พี่สามนะพี่สาม ที่แท้เขาเป็นสายลับของท่านนี่เอง!”
ทันใดนั้น กู้เจียวก็ออกโรงทันที “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับองค์หญิงและพระราชนัดดา ชายผู้นี้เป็นสหายที่มาจากแคว้นเดียวกันกับข้า ตอนที่ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ข้าเข้าเฝ้าจากเหตุการณ์ช่วยเหลือองค์หญิงน้อย ข้าถูกคนไล่ล่าระหว่างทาง โชคดีที่ข้าได้ท่ายชายกู้ผู้นี้คอยช่วยเหลือไว้ ภายหลังจึงได้รู้ว่าพวกเรามาจากแคว้นเดียวกันก็เลยผูกมิตรกับเขา ข้าไม่รู้เรื่องที่เขาทำงานรับใช้ที่จวนไท่จื่อ และเขาก็เคยมาเยือนที่ตำหนักกั๋วซือแห่งนี้จริงๆ ”
ไท่จื่อคิดในใจ เชื่อเจ้าก็บ้าแล้ว!
ตอนแรกเขากะจะพูดกล่าวหาเซียวลิ่วหลังเรื่องที่ร่วมมือกับหลงอ้าวเทียนและใช้วิธีสกปรกเพื่อได้ตำแหน่งผู้บัญชาการมาครอง
แต่ท้ายที่สุดเขากลับไม่พูดออกไป ต่อให้หลงอ้าวเทียนเป็นคนที่ซ่างกวานเยี่ยนส่งมา แต่ตัวเขาเองคือคนที่ตัดสินใจส่งหลงอ้าวเทียนลงแข่งแทนตระกูลหัน
เขาเองก็ทำผิดกฏเช่นกัน
ช่างปะไร เรื่องเล็กแค่นี้ ขอแค่มีข้อพิสูจน์ว่าซ่างกวานเยี่ยนกับหลงอ้าวเทียนมีความเกี่ยวข้องกัน เช่นนั้นย่อมหนีไม่พ้นความผิดฐานปองร้ายไท่จื่ออย่างแน่นอน!
“เจ้าอย่าคิดนะว่าตัวเองสนิทกับพระราชนัดดาแล้วคำพูดของเจ้าจะน่าเชื่อถือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนคนนี้กระทำผิดการใด คนคนนี้กระทำความผิดฐานวางแผนลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเยียน! นับเป็นความผิดร้ายแรง! และแน่นอนว่าคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องได้รับโทษเช่นกัน!”
กู้ฉังชิงจ้องไปทางไท่จื่อด้วยแววตาหนักแน่น “กระหม่อมมิได้ลอบสังหารพระองค์”
ไท่จื่อโต้กลับ “อย่ามาทำเป็นไขสือ เจ้ากล้าให้คนตรวจสอบรอยแผลบนตัวเจ้าไหมล่ะ”
กู้ฉังชิงถอยหลังหนึ่งก้าว “กระหม่อมมิได้บาดเจ็บ”
“ตรวจร่างกายดูก็รู้แล้ว!” ไท่จื่อหัวเราะอย่างเย็นชา
จากนั้นเขาหันมาประสานมือให้เสด็จพ่อ “ชายผู้นี้ถูกทหารองครักษ์แทงด้วยดาบ และมีบาดแผลที่หน้าอกด้านขวา!”
ฮ่องเต้จ้องเขม็งไปที่กู้ฉังชิง ก่อนจะให้สัญญาณอนุญาต
ไท่จื่อเห็นดังนั้นก็ดีใจจนเนื้อเต้นพร้อมกับออกคำสั่ง “ค้นตัวมัน!”
หัวหน้าทหารจึงเดินเข้าไป แม้กู้ฉังชิงพยายามที่จะต่อต้าน แต่กลับถูกอีกฝ่ายควบคุมไว้อย่างโหดเหี้ยม
ทหารผ้าแพรรีบเข้าไปคว้าแขนเสื้อของกู้ฉังชิง แต่ขณะที่เขากำลังดึงเสื้อนอกของอีกฝ่ายออก ก็เจอกับจดหมายลับฉบับหนึ่งที่ร่วงหล่นลงมา
กู้ฉังชิงรีบยกเท้าเตรียมจะเหยียบจดหมายนั้น
ทว่าช้าไปหนึ่งก้าว หัวหน้าทหารคว้ามันมาได้ก่อน!
พอเปิดผนึกออก ก็เจอกับแผ่นกระดาษ และสีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนทันที “นี่มัน แผนที่ของจวนไท่จื่อกับค่ายทหารตระกูลหันนี่นา…”
เจ้าหลงอ้าวเทียนตัวแสบ กล้าดีอย่างไรถึงขโมยเอกสารลับของข้า!
แต่ว่าก็ดีเหมือนกัน!
คงนึกไม่ถึงสินะว่าจะถูกเปิดโปงต่อหน้าผู้คนแบบนี้!
ไท่จื่อแทบอยากจะหัวเราะจนหงายหลัง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะพิสูจน์ว่าพวกเขาสมรู้ร่วมคิดกันในตอนแรก แต่บัดนี้เมื่อมีหลักฐานรัดตัวแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรต่ออีก เสด็จพ่อคงมองซ่างกวานเยี่ยนไม่เหมือนเดิมแล้วสินะ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว จะมีใครอยากทำลายจวนไท่จื่อมากไปกว่าซ่างกวานเยี่ยนอีกละ
“เสด็จพ่อ!” น้ำเสียงของไท่จื่อเปี่ยมไปด้วยอารมณ์
“เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม” ฮ่องเต้หันไปถามซ่างกวานเยี่ยน
“ไม่มีเพคะ เพราะถึงอย่างไร ฝ่าบาทก็ไม่เคยเชื่อใจข้า”
ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ทรงกริ้ว “เจ้าตอบมาแค่ประโยคเดียว ฝืมือเจ้าหรือไม่!”
กู้ฉังชิงรีบตะโกนทันที “ไม่ใช่! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับองค์หญิงขอรับ! ทั้งหมดเป็นความผิดของกระหม่อมเอง! หากฝ่าบาทต้องการลงโทษใคร ได้โปรดลงโทษกระหม่อมแต่เพียงผู้เดียว! กระหม่อมขอยอมรับผิดทุกอย่างขอรับ!”
ฮ่องเต้ไม่สนใจคำพูดของกู้ฉังชิง ยังคงจ้องเขม็งไปที่ซ่างกวานเยี่ยนด้วยสายตาดุดัน “ฝีมือของเจ้าใช่ไหม”
ซ่างกวานเยี่ยนเบือนหน้าหนี
“ซ่างกวานเยี่ยน ข้าผิดหวังในตัวเจ้าเหลือเกิน!”
กู้ฉังชิงพยายามแก้ต่างอย่างร้อนรน “ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับองค์หญิงเลยขอรับ! กระหม่อมทำเองผู้เดียว! องค์หญิงทรงไม่ทราบเรื่องนี้แม้แต่นิดขอรับ!”
ไท่จื่อแสยะยิ้มใส่ “กำลังจะตายแล้วยังมีหน้ามาปกป้องกันอีก เจ้านี่ช่างจงรักภักดีกับพี่สาวของข้าเสียจริง”
ฮ่องเต้เริ่มหมดความอดทน “จับตัวเขาไปเข้าคุก! รอประหารในวันรุ่งขึ้น!”
“ช้าก่อนขอรับ!” เซียวเหิงตะโกนขึ้น