สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 777 พบพานท่านย่า (1)
บทที่ 777 พบพานท่านย่า (1)
ฮ่องเต้หันกลับมา
เซียวเหิงยิ้มจาง
ยิ้มมากเกินไปแล้ว
เขาเปลี่ยนท่าทางทันควัน อ่อนแอซีดขาวราวกับใกล้ลาโลก แย้มริมฝีปากเอ่ย “ท่านก็รักษาพระวรกายด้วย”
“อืม” ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ด้วยสีหน้าซับซ้อน สองหัตถ์ไพล่หลัง พาจางเต๋อเฉวียนกับแม่นมที่อุ้มองค์หญิงน้อยออกจากตำหนักฉีหลิน
…
กู้เจียวอยู่ในห้องผู้ป่วยหนักจนฟ้าสางถึงออกมา
ค่อนคืนหลังนางนั่งอยู่บนเก้าอี้ หมอบข้างเตียงหลับ ครั้นตื่นมาใต้เท้ากั๋วซือก็ไม่อยู่แล้ว
หน้าประตูเหล็กมีหน่วยกล้าตายสองนายกลับมาเฝ้าอีกครั้ง ทั้งสองเห็นกู้เจียวออกมาก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากมายนัก
“กั๋วซือบอกพวกเจ้าว่าอย่างไร” กู้เจียวถามทั้งคู่
หนึ่งในนั้นเอ่ย “ใต้เท้ากั๋วซือแจ้งว่า นอกจากเขากับท่านชายเซียวแล้ว ก็ไม่มีบุคคลอื่นเข้าไปได้อีก”
กู้เจียวส่งเสียงอ๋อ แอบพึมพำ “ใช้ได้นี่นา”
เซียวเหิงดึงประตูเปิด เดินมาหากู้เจียว “เหนื่อยแล้วกระมัง ข้าให้คนต้มข้าวต้มแล้ว ไปกินสักหน่อยสิ”
“ได้” กู้เจียวเดินไปที่ห้องเขาด้วยกันกับเขา “จิ้งคงเล่า”
หน่วยกล้าตายสองนายอยู่ด้านหลัง เซียวเหิงจึงใคร่ครวญคำพูดก่อนเอ่ย “เขาไปเรียนแล้ว พี่สาวเขามารับเขาไป”
นี่กำลังบอกกู้เจียวว่า เสี่ยวจิ้งคงมีกู้เฉิงเฟิงอยู่ด้วย ทุกอย่างจะต้องปลอดภัย
กู้เจียวจึงวางใจลง ไปกินข้าวต้มที่ห้องเซียวเหิง
แม้ฤดูร้อนจะร้อนมาก แต่นางหมดเรี่ยวหมดแรงไปมาก จึงอยากอาหารไม่น้อย นางกินซาลาเปาเนื้อลูกใหญ่เพิ่มอีกลูก
“องค์หญิงน้อยเล่า” นางถาม
แม้เซียวเหิงยังไม่ได้ไปเข้าประชุมเช้า แต่เมื่อเช้านี้ฮ่องเต้ทรงเป็นฝ่ายเรียกซ่างกวานเยี่ยนว่าองค์หญิงสามเอง คงจะไม่มีอะไรผิดพลาดจากนี้แล้วละ
กู้เจียวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ดีจริงๆ ”
สูญเสียอะไรไปตั้งมากตั้งมายเพียงนี้ สิ่งที่แลกมาต้องไม่ใช่แค่การปลดไท่จื่อเพียงอย่างเดียว
คืนฐานันดรองค์หญิงก่อน ขั้นต่อไปค่อยวางแผนตำแหน่งรัชทายาทไท่หนี่ว์
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ จู่ๆ กู้เจียวก็นึกถึงบทสนทนาของนางกับกั๋วซือในกลางดึกที่ห้องพักผู้ป่วยหนักขึ้นมา
นางหยิบผ้ามาเช็ดปาก แล้วเอ่ยกับเซียวเหิง “เจ้าไม่ต้องหาข้ออ้างไปที่จวนไท่จื่อแล้วนะ ข้ารู้แล้วว่าคนที่ทำร้ายกู้ฉังชิงเป็นผู้ใด เป็นที่ปรึกษาของหันกุ้ยเฟย เป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจมาก ชาวยุทธภพขนานนามให้ว่า วิญญาณทมิฬ”
“วิญญาณทมิฬ” เซียวเหิงพึมพำ
ฉายานามนี้ฟังดูแล้วเข้าท่าแฮะ
“กั๋วซือเป็นคนบอกเจ้ารึ” เขาถาม
“อืม” กู้เจียวพยักหน้า “เขายังบอกความลับของนายท่านห้าหันให้ข้าฟังด้วย นายท่านห้าหันผมหงอกขาวทั้งที่ยังหนุ่มล้วนเป็นเพราะโดนพิษจึงชราไว แต่ก็เพราะเหตุนี้วรยุทธ์จึงได้ก้าวหน้า”
เซียวเหิงฉงน “ชราไว วรยุทธ์ก้าวหน้า ผิดแผกเช่นนี้ มันพิษอะไรกันแน่”
กู้เจียวส่ายหน้า “ไม่รู้สิ กลับไปจะหาโอกาสถามอาจารย์แม่หนานเซียงดู แต่ข้าว่าฉีเซวียนมาอยู่ที่ตระกูลหันตั้งนานเพียงนี้ยังถอนพิษในตัวหันฉือไม่ได้เสียที เกรงว่าที่มาที่ไปของพิษนี้จะไม่ธรรมดา นอกจากนี้กั๋วซือยังพูดถึงคนผู้หนึ่งด้วย ไม่รู้ว่าจะใช่หลงอีหรือไม่”
ตอนนั้นฮ่องเต้พระองค์ก่อนทิ้งองครักษ์หลงอิ่งไว้ทั้งหมดแปดนาย ที่อายุน้อยที่สุดในนั้นยกให้ฮ่องเต้แคว้นเจา ที่อายุมากหน่อยยกให้องค์หญิงซิ่นหยาง
หน่วยกล้าตายเหล่านี้เหล่าเหลียงอ๋องเป็นคนซื้อตัวมาจากโรงบู๊ใต้ดินทั้งสิ้น ทั้งสองฝ่ายได้ทำสัญญาสิบปี ณ เวลาที่ซื้อ โดยมีผู้เชี่ยวชาญฝึกฝนตามพระประสงค์ของฮ่องเต้พระองค์ก่อน
ส่วนองครักษ์หลงอิ่งกลุ่มแรกที่ประทานให้องค์หญิงซิ่นหยางเป็นหน่วยกล้าตายกลุ่มแรก ฝึกฝนได้พอสมควรแล้ว หากพวกเขาต้องการไปฝึกในค่ายต่อ บางทีหลงอีคงความแตกแต่แรกแล้ว
บางครั้งชีวิตก็ช่างบังเอิญนัก
กู้เจียวกับเซียวเหิงพูดถึงเรื่องพิฆาตเวหากับวิญญาณทมิฬ
เซียวเหิงถาม “เจ้าคิดว่าหลงอีก็คือพิฆาตเวหาอย่างนั้นรึ”
กู้เจียวครุ่นคิดพลางเอ่ย “หากอิงจากที่กั๋วซือเล่ามาอย่างเดียว ข้าอาจจะไม่ได้นึกไปถึงหลงอีง่ายดายเช่นนี้ แต่คราก่อนข้าเห็นภาพเหมือนใบหนึ่งที่มาจากชั้นสามในหอตำรา เด็กหนุ่มในภาพละม้ายคล้ายคลึงกับหลงอีมาก”
เซียวเหิงเงียบไป
ชั้นสามอย่างนั้นรึ
ความลับทั่วทั้งตำหนักกั๋วซือ ไม่สิ หากจากจะว่าให้ถูกก็คือความลับทั่วทั้งแคว้นเยี่ยนล้วนอยู่ที่นั่นหมด
หากคนในภาพเหมือนเป็นหลงอีจริง เช่นนั้นหลงอีก็มีที่มาที่ไปไม่น้อยจริง ๆ
…
หนึ่งเค่อต่อมา กู้เจียวถูกเย่ชิงพามายังชั้นสามของหอตำรา
นางได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากกั๋วซือ สามารถอ่านในบางบริเวณได้ บริเวณที่เหลือยังคงเข้าไปเพ่นพ่านไม่ได้
นางทอดมองชั้นหนังสือใหญ่ตรงหน้าที่สูงถึงสามเมตร ก่อนเอ่ยอย่างงงๆ “ข้าแค่อยากหาภาพเหมือนของพิฆาตเวหาเท่านั้น ไม่ต้องเอิกเกริกเพียงนี้ก็ได้กระมัง…”
ชั้นหนังสือนี้แทบจะกินพื้นที่ทั้งผนังนี้นางสามารถอ่านได้หมดเลยหรือ
เย่ชิงชี้ที่ชั้นหนังสือ พลางเอ่ย “บนนี้มีภาพเหมือนของพิฆาตเวหา และมีของวิญญาณทมิฬด้วย”
กู้เจียวนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร”
เย่ชิงอธิบาย “พิฆาตเวหากับวิญญาณทมิฬไม่เคยเผยโฉมหน้าที่แท้จริงให้ผู้คนเห็น ภาพเหมือนเหล่านี้ล้วนวาดขึ้นจากคนที่บอกว่าเคยเห็นพิฆาตเวหากับวิญญาณทมิฬในยุทธภพทั้งสิ้น แล้วถูกอาจารย์ข้านำมาเก็บรวบรวมไว้ที่นี่”
กู้เจียวเค้นเสียงลอดไรฟัน “มะ… มากมายเพียงนี้… ข้าต้องไล่ดูจนถึงปีไหน”
ข้าวาดให้เจ้าเอาไปถามแทนข้าทีได้หรือไม่
เย่ชิงเอ่ยอีก “พวกเราไม่เคยเจอพิฆาตเวหากันเลย ท่านคงต้องแยกหน้าตาเอาเองแล้วล่ะ”
ข้าแยกกับมะเหงกน่ะสิ
ดังนั้นต่อให้ข้าเห็นภาพเหมือนหลงอีแล้ว พวกเจ้าก็ไม่อาจยืนยันให้ได้ว่าเขาคือพิฆาตเวหาหรือไม่ ใช่หรือไม่
…
การที่พ่อลูกเข่นฆ่ากันเองเป็นข่าวฉาวโฉ่
หากเรื่องพรรค์นี้เกิดกับฮ่องเต้แคว้นเจา ฮ่องเต้แคว้นเจาคงยึดถือแนวคิดที่ว่าเรื่องฉาวโฉ่ในบ้านไม่ควรเอาไปโพนทะนาข้างนอก สั่งให้ปิดข่าวนี้ไว้ให้สนิท แล้วหาเหตุผลอื่นลงโทษไท่จื่อแน่ๆ
แต่ฮ่องเต้ต้าเยี่ยนกลับต่างออกไป พระองค์ไม่แยแส พอเข้าประชุมเช้าก็ป่าวประกาศเลยว่าซ่างกวานฉีมีเจตนาแอบแฝง ใส่ร้ายซ่างกวานเยี่ยนรวมถึงปลงพระชนม์บิดา แล้วให้จางเต๋อเฉวียนป่าวประกาศราชโองการต่อหน้าธารกำนัลให้ปลดเขาออกจากตำแหน่งรัชทายาท
นอกจากราชโองการปลดรัชทายาทแล้ว ยังมีราชโองการคืนสถานะราชวงศ์ให้แก่ซ่างกวานเยี่ยนด้วย
ตั้งแต่นี้ไป ซ่างกวานเยี่ยนจะเป็นองค์หญิงสามแห่งเป่ยเยี่ยน
ทั่วทั้งราชสำนักต่างตกตะลึงพรึงเพริด
ถึงแม้เมื่อคืนจะทราบข่าวแล้ว แต่เมื่อข่าวแพร่จากตำหนักจินหลวนมาจริงๆ ก็ยังทำให้หันกุ้ยเฟยเดือดดาลขึ้นมาอยู่ดี!
นางโมโหอกแทบระเบิด “ลอบปลงพระชนม์อะไรกัน! ใส่ร้ายป้ายสีอะไรกัน! นั่นมันเพราะการจัดฉากของหลงอ้าวเทียนที่ซ่างกวานเยี่ยนส่งมาแฝงตัวเป็นสายลับในจวนไท่จื่อต่างหาก! ฝ่าบาทเลอะเลือนไปแล้วหรือ แม้แต่ช่องโหว่ใหญ่เพียงนี้ก็ยังมองไม่ออก!”
เมื่อคืนนี้นางส่งคนไปที่จวนไท่จื่อแล้ว ทราบทุกการกระทำของหลงอ้าวเทียนในจวนไท่จื่อ
หลุมพราง ล้วนเป็นหลุมพรางทั้งสิ้น!
“ไอ้หยา กุ้ยเฟย อย่าได้ตรัสสุ่มสี่สุ่มห้าพ่ะย่ะค่ะ!” ขันทีใหญ่สวี่เกาตกใจเดินมาหา “ระวังมีคนได้ยินนะพ่ะย่ะค่ะ”
หันกุ้ยเฟยแค่นเสียงตรัส “ที่นี่เป็นตำหนักของข้า ใครมันจะกล้าปากบอน”
สวี่เกายิ้มเจื่อน “ถึงกระนั้นก็เถอะ แต่ระวังไว้เป็นยอดดีนะพ่ะย่ะค่ะ”
เรื่องที่เกี่ยวกับหลงอ้าวเทียน สวี่เกาเป็นคนไปสืบมาจากจวนไท่จื่อเอง กล่าวตามตรงว่า ลูกไม้นี้ขององค์หญิงสามยอดเยี่ยมจริงๆ รู้ความคิดของฮ่องเต้ทุกซอกทุกมุม
เขาเข้าวังมานานหลายปี น้อยนักจะได้เห็นคนคาดเดาพระทัยของฮ่องเต้แม่นยำเพียงนี้
ฮ่องเต้ลงโทษผู้ใด ไม่ลงโทษผู้ใด โดยปกติแล้วล้วนเป็นพระประสงค์ของตัวพระองค์เองทั้งสิ้น พวกที่ทำตามกระแสให้โอกาสผู้ถูกกระทำได้ลอบกัด อันที่จริงก็เป็นเพราะฮ่องเต้ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ใช่ว่าพวกเขาฉลาดหลักแหลมมากมายอะไร