สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 784 -2(2) จุดจบ
บทที่ 784 (2) จุดจบ
เหล่าตุ๊กตาส่วนใหญ่ล้วนเป็นผลงานของเสี่ยวจิ่ว
เสี่ยวจิ่วไม่สามารถขุดหลุมฝังตุ๊กตาเหมือนพวกนางได้ มันจึงแขวนตัวหุ่นไว้บนต้นไม้ โยนเข้าไปในรังนก หรือไม่ก็โยนทิ้งไว้บนหลังคา
คนทั่วไปไม่เก็บของแบบนี้ การที่เหล่าองครักษ์ของจวนแม่ทัพสามารถค้นหาตุ๊กตาเหล่านี้เจอได้ แสดงว่าพวกเขามีความสามารถมากจริงๆ
ตุ๊กตาเหล่านี้ถูกลมพัด ตากฝนจนมอมแมมไปพอสมควร แต่ก็ยังพอจะดูออกว่าเป็นของใหม่ที่เพิ่งทำมาไม่กี่วัน
หันกุ้ยเฟยพยายามอธิบาย “ฝ่าบาท! โปรดทรงเชื่อหม่อมฉันเถอะเพคะ!”
แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ฮ่องเต้เชื่อเพียงแต่ตัวเอง
ฮ่องเต้ไม่ทำให้เซียวเหิงผิดหวัง เขาเริ่มจินตนาการไปไกลอีกครั้ง
ตุ๊กตาเหล่านี้ถูกทำขึ้นมาไม่นาน ตั้งแต่เขาจนถึงซ่างกวานเยี่ยน ไปจนถึงซ่างกวานชิ่ง ล้วนถูกหันกุ้ยเฟยแทงด้วยเข็ม แสดงให้เห็นว่าความโกรธของหันกุ้ยเฟยนั้นพุ่งเป้าไปที่สามคนนี้
และเมื่อเพียงไม่กี่วันก่อน เขาก็เพิ่งปลดตำแหน่งรัชทายาทของซ่างกวานฉี และคืนสถานะองค์หญิงให้กับซ่างกวานเยี่ยน
เหตุการณ์สองเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกันโดยตรง จะกล่าวตำแหน่งรัชทายาทของซ่างกวานฉีถูกถอดออกเพราะซ่างกวานเยี่ยนก็ไม่ผิด
เมื่อลูกชายของตัวเองถูกถอดออกจากตำแหน่ง นางจึงโกรธแค้น ผูกใจเจ็บกับซ่างกวานเยี่ยนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ และยังโกรธเขา ฮ่องเต้ที่ลำเอียง นางโกรธจนถึงขนาดที่ต้องการทำร้ายซ่างกวานชิ่งที่สุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว
เห็นได้ว่านางช่างโหดเหี้ยมจริงๆ !
เซียวเหิงเห็นสีหน้าของฮ่องเต้ค่อยๆ ถมึงทึงขึ้นเรื่อยๆ เขารู้ดีว่าฮ่องเต้เชื่อคำเอ่ยของเขาไปกว่าครึ่ง ใครให้ฮ่องเต้เป็นคนขี้ระแวง แม้แต่ตระกูลเซวียนหยวนที่จงรักภักดีต่อเขายังกลายเป็นเหยื่อของความขี้ระแวงของเขา หันกุ้ยเฟยที่ไม่เคยอยู่นิ่งเฉย ย่อมยิ่งถูกเขาระแวง
แต่การใช้ตุ๊กตาคุณไสย์นั้น ยังมีช่องโหว่
เขาไม่รู้ว่าหันกุ้ยเฟยจะจับได้หรือไม่
“ฝ่าบาท! ฝ่าบาท!”
ท่ามกลางความตื่นตระหนก หันกุ้ยเฟยก็พลันเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา “ฝ่าบาท! หม่อมฉันจะทำตุ๊กตาครึ่งตัวไปทำไมหรือเพคะ!”
เซียวเหิงเอ่ย “ตุ๊กตาครึ่งตัวนั้นคือฝ่าบาท ท่านหมายจะฉีกฝ่าบาทเป็นชิ้นๆ สินะ”
หันกุ้ยเฟย “…!!”
หันกุ้ยเฟย “ฝ่าบาท! หม่อมฉันถูกใส่ร้าย! หม่อมฉันไม่มีเหตุผลใดที่จะทำเช่นนั้น! หม่อมฉันเข้าใจว่าฝ่าบาททรงคิดว่าหม่อมฉันกำลังโกรธแค้นแทนองค์ชายรอง จึงรู้สึกขุ่นเคือง! แต่ฝ่าบาท โปรดทรงฟังหม่อมฉันให้จบก่อน หม่อมฉันเกลียดชังซ่างกวานเยี่ยน เพราะตั้งแต่นางกลับมาเมืองหลวง นางก็ขัดขวางขัดขวางองค์ชายทุกวิถีทาง! หม่อมฉันมีเหตุผลที่จะเกลียดชังนาง จัดการกับนาง แต่หม่อมฉันมีเหตุผลอะไรที่จะทำร้ายฝ่าบาท องค์ชายไม่ใช่รัชทายาทแล้ว ถึงแม้ฝ่าบาทจะสิ้นพระชนม์ องค์ชายก็ไม่มีสิทธิ์ขึ้นครองราชย์!”
ยิ่งไปกว่านั้น รัชทายาทถูกกำจัดด้วยข้อหาลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ เขายังไม่ได้รับการล้างมลทิน หากเกิดอะไรขึ้นกับฮ่องเต้ เขาก็ถูกสงสัยมากที่สุด
โอกาสที่เขาจะขึ้นครองราชย์นั้นน้อยที่สุด
หันกุ้ยเฟยคงไม่โง่พอที่จะทำเรื่องที่มีผลประโยชน์แบบนี้หรอก
ฮ่องเต้เชื่อว่าในใจนางมีความไม่พอใจต่อตน แต่ฮ่องเต้คงไม่เชื่อว่านางจะยอมเป็นเบี้ยให้รัชทายาทคนอื่น
เซียวเหิงมองดูหันกุ้ยเฟยที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างชาญฉลาด สะทกสะท้อนใจอีกครั้งว่าสตรีวังหลังนั้นไม่มีใครโง่
ทุกอย่างเป็นไปตามที่ท่านย่าคาดการณ์ไว้
ฮ่องเต้มองหันกุ้ยเฟยอย่างลึกซึ้ง ดวงตาของเขาแหลมคมถาม “ใช่ เหตุใดเจ้าถึงอยากให้เราตายด้วย”
หันกุ้ยเฟยถึงกับงง
งงยิ่งกว่าตอนที่เห็นตุ๊กตาเจ็ดแปดตัว
นางไม่ได้หมายความเช่นนั้นเสียหน่อย!
นางหมายจะสื่ออะไรนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือฮ่องเต้คิดว่าเจ้าหมายความว่าอย่างไรต่างหาก
ฮ่องเต้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หาต่อ! ดูว่าในวังนี้ยังมีสิ่งของที่น่าสงสัยอีกหรือไม่!”
ดีแล้ว ถึงเวลาใส่ร้ายป้ายสีแบบคาหนังคาเขาแล้ว
เซียวเหิงกระแอมสามครั้ง
นี่คือสัญญาณลับ
เสี่ยวจิ่ว ราชาแห่งท้องเวหา บินโฉบเข้าไปในตำหนักบรรทมของหันกุ้ยเฟย…
เมื่อเหล่าข้าหลวงถูกเรียกออกไป ภายในห้องจึงว่างเปล่า
เสี่ยวจิ่วเดินอย่างเฉิดฉายราวกับไก่ตัวโตบนพื้นหินขัดเงา มันคาบอะไรบางอย่างไว้ในปาก
มันมาหยุดตรงหน้ากระจกทองเหลืองบานใหญ่ กระพือปีกเชยชมกล้ามเนื้อที่ไม่มีอยู่จริง ชื่นชมเงาสะท้อนอันแสนสง่างามของตน ชูคอขึ้นสูงอย่างองอาจ
“พวกเจ้าไปทางนั้น! พวกเจ้ามาทางนี้กับข้า!”
ขนของเสี่ยวจิ่วลุกชัน บินขึ้นพร้อมกับกระพือปีก วางเก็บสิ่งของที่คาบไว้ในปากลงบนชั้นหนังสือ
จวนแม่ทัพเป็นคนสนิทของฮ่องเต้
คดีความทั่วไปจะส่งไปที่ศาลต้าหลี่ กรมยุติธรรม ศาลาว่าการ แต่คดีลับๆ ทั้งหมดจะส่งตรงถึงจวนแม่ทัพ
พวกเขาชำนาญในการค้นหาสิ่งสกปรก
เมื่อพวกเขาถูกสั่งให้ค้นหาตุ๊กตา พวกเขาก็มุ่งมั่นค้นหาตุ๊กตา แต่ตอนนี้พวกเขาได้รับคำสั่งให้ค้นหาทุกอย่าง ชั้นวางหนังสือและหนังสือจึงกลายเป็นเป้าหมายหลักของพวกเขา
“ท่านหัวหน้า! ดูตรงนี้!”
ทหารองครักษ์ของจวนแม่ทัพคนหนึ่งพบหนังสือที่น่าสงสัยบนชั้นวางหนังสือ
ทหารองครักษ์ทั้งสองคนไปที่สวนและส่งหนังสือให้ฮ่องเต้
หลังจากฮ่องเต้อ่านจบ ก็โกรธจนแทบระเบิด!
แท้จริงแล้วหนังสือเล่มนั้นมีราชโองการที่เขียนบนกระดาษขาวและจดหมายที่เขียนถึงตระกูลหันแทรกอยู่ข้างใน
ลายมือเป็นของหันกุ้ยเฟย
ฮ่องเต้กำจัดไท่จื่อทำให้หันกุ้ยเฟยรู้สึกเสียใจและผิดหวัง ฮ่องเต้เข้าข้างซ่างกวานเยี่ยน ดูท่าว่าจะไม่ส่งมอบตำแหน่งรัชทายาทให้กับซ่างกวานฉีอีกต่อไป
ความพยายามของพวกเขามาสูญเปล่าไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจลงมือด้วยตัวเอง
นางเขียนคำสั่งการสืบราชบัลลังก์ตามพระราชโองการ มอบหมายให้ตระกูลหันหาวิธีติดต่อกรมพิธีการ ติดสินบนผู้ประทับตราและผู้ร่างพระราชโองการ เพื่อปลอมแปลงพระราชโองการตามเนื้อหาดังกล่าว
แน่นอนว่าการปลอมแปลงพระราชโองการนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย กรมพิธีการก็ไม่ใช่คนที่สามารถติดสินบนได้ง่ายๆ
แต่บางคนก็คิดเรื่องนี้ง่ายเกินไป หรือคิดว่าอำนาจของตระกูลฝ่ายแม่นั้นยิ่งใหญ่เกินจริง
“จดหมายฉบับนี้ยังไม่ได้ส่งออกไปใช่หรือไม่” เซียวเหิงถามอย่างเฉียบคม
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นแค่คนใกล้ตายคนหนึ่ง ทั้งยังไร้สิทธิ์ในราชบัลลังก์ การแย่งชิงบัลลังก์ไม่เกี่ยวข้องกับเขา คำเอ่ยของเขาไร้เจตนาร้าย ฮ่องเต้จึงทรงเชื่ออย่างสนิทใจ
เมื่อฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปที่หันกุ้ยเฟยครั้ง ใบหน้าของพระองค์ก็เผยให้เห็นถึงความเข้าใจ
หันกุ้ยเฟยรีบร้อนสาปแช่งเขาให้ตาย เพราะหันกุ้ยเฟยกลั่นแกล้งวางแผนให้ซ่างกวานฉีชิงบัลลังก์!
แท้จริงแล้วหากจดหมายนี้ถูกค้นเจอที่ตระกูลหันหรือจากกรมพิธีการ ก็อาจจะดูไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไร
ในเมื่อหันกุ้ยเฟยเป็นเพียงพระสนมในวังหลัง ย่อมเผลอทำผิดพลาดได้ แต่นายใหญ่หันและเจ้ากรมพิธีการย่อมไม่โง่เขลา
หันกุ้ยเฟยร่ำไห้ “ฝ่าบาท! ไม่ใช่หม่อมฉัน… หม่อมฉันไม่เคยเขียนอะไรแบบนี้…”
ฮ่องเต้โกรธเกรี้ยว “เราจะจำลายมือของเจ้าไม่ได้เชียวหรือ! เจ้าดูเอาเอง!”
ฮ่องเต้โยนจดหมายให้หันกุ้ยเฟย
หันกุ้ยเฟยจ้องมองลายมือบนจดหมาย สมองหยุดทำงานชั่วขณะ
นี่มันลายมือของข้าเองจริงๆ !
…จี้จิ่วอาวุโสออกโรงเอง แม้แต่เทพเซียนยังแยกไม่ออก สมกับเป็นมือฉมังด้านการปลอมแปลงมากว่าร้อยปี!
“กุ้ยเฟยไร้คุณธรรม ถอดตำแหน่งเป็นสามัญชน เนรเทศไปยังตำหนักเย็น!” ฮ่องเต้โกรธจนคร้านจะเอ่ยคำราชาศัพท์
หวั่นเฟยถูกลดตำแหน่งเป็นเพียงนางสนม แต่กุ้ยเฟยกลับถูกลดตำแหน่งเป็นสามัญชน แสดงให้เห็นว่าฮ่องเต้โกรธมากเพียงใด
“ฝ่าบาท… ฝ่าบาท… ฝ่าบาท…” หันกุ้ยเฟยวิ่งเข้าหาและคว้าชายเสื้อของฮ่องเต้ ฮ่องเต้รังเกียจและหันหลังเดินหนีไป
หันกุ้ยเฟยใช้เวลาถึงสี่สิบปี ก้าวขึ้นจากตำแหน่งนางสนมชั้นหกสู่ตำแหน่งในวันนี้ แต่เพียงแค่สี่วัน นางก็ร่วงจากบัลลังก์
หันกุ้ยเฟยไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
คนเราตกต่ำได้เร็วขนาดนี้…
เซียวเหิงมองนางอย่างเย็นชา เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจจะให้นางตกต่ำเร็วขนาดนี้ แต่นางเป็นฝ่ายเสนอตัวมาเอง
จะโทษใครได้