สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 798-2 จุดจบของชาติก่อน (2)
บทที่ 798 จุดจบของชาติก่อน (2)
“ใต้เท้า ใต้เท้า ท่านคุยกับเหวินเหรินชงได้ความอย่างไรบ้าง เขาตกลงกลับมาประจำการที่กองทัพหน้าหรือไม่” เขาจึงถามกู้เจียวด้วยความห่วงใย
“ยังไม่กลับ” กู้เจียวตอบ
ที่ปรึกษาหูจึงหน้าตึงขึ้นพลางเอ่ย “เหตุใดเขาถึงไม่ยอมตกลงเสียที”
กู้เจียวลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ที่ปรึกษาหูอุทานด้วยความตกใจ “ใต้เท้า ท่านเพิ่งกลับมา จะไปไหนอีก”
กู้เจียวตอบ “ไปหาหลี่เซิน จ้าวเติงเฟิง!”
ที่ปรึกษาหูนึกถึงประสบการณ์ถูกไล่ตะเพิดเมื่อวาด ก็กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะถาม “แล้ว… ข้าต้องไปด้วยได้ไหม”
กู้เจียวตอบเสียงเรียบ “อยากไปก็ไปสิ”
ข้าไม่อยากไปน่ะสิ…
แต่ท่านเอ่ยแบบนี้ ข้าจะกล้าไม่ไปได้อย่างไร
วันนี้นางไปหาจ้าวเติงเฟิงก่อน
เมื่อครู่นางจงใจเอ่ยถึงทั้งสองคนต่อหน้าเหวินเหรินชง เพื่อดูว่าเหวินเหรินชงจะแสดงท่าทีอย่างไร
เหวินเหรินชงท่าทีสงบนิ่ง
แสดงว่าเขาไม่เคยได้ยินข่าวลือเรื่องจ้าวเติงเฟิงสมรู้ร่วมคิดกับตระกูลหัน หรือไม่ก็รู้ว่าข่าวลือนั้นเป็นเท็จ
จากการสังเกตของกู้เจียวที่มีต่อเหวินเหรินชง โอกาสที่จะเป็นไปได้นั้นน้อยมาก
“เอ๊ะ ไม่ใช่ท่านขุนนางจากเมื่อวานนี้หรือ มาที่หอเซียนเหอของข้าอีกแล้วหรือ”
จากห้องส่วนตัวบนชั้นสอง จ้าวเติงเฟิงโอบกอดสาวงาม พิงอยู่บนขอบหน้าต่างอย่างสำรวยสำราญ มองไปที่เด็กหนุ่มบนหลังม้า
“มาเกลี้ยกล่อมให้ข้ากลับค่ายทหารอีกแล้วหรือ ใครอยากกลับไปใช้ชีวิตแบบเอาเลือดแลกเงินกันบ้าง ข้าว่าแบบนี้นะท่านแม่ทัพน้อย มาเป็นเถ้าแก่รองที่หอเซียนเหอของข้าดีกว่าไหม”
ที่ปรึกษาหูโกรธ ชี้ไปที่เขาด้วยพัดขนนก ตะโกน “เจ้าแซ่จ้าว! พูดจาอะไรของเจ้า! แม่ทัพน้อยอย่างนั้นรึ ที่คือผู้บัญชาการคนใหม่แห่งค่ายเฮยเฟิง ใต้เท้าเซียว ข้าบอกเจ้าไปแล้วเมื่อวานนี้!”
กู้เจียวเอ่ย “เถ้าแก่อย่างนั้นหรือ ความคิดไม่เลวนี่”
จ้าวเติงเฟิงมองดูเด็กหนุ่มที่ตนจูงจมูกไปมาอย่างขำขัน “ใช่ไหมล่ะ แค่เจ้ามีเงินมากพอ จะให้ข้าแบ่งหอเซียนเหอครึ่งนึงให้เจ้าก็ย่อมได้”
กู้เจียวเงยหน้ามองเขา “ไม่ต้องแบ่งหรอก ข้าซื้อหอเซียนเหอของเจ้าทั้งหมดเลย!”
จ้าวเติงเฟิงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนที่จะหัวเราะเสียงดัง “เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังพูดอะไร หอเซียนเหอของข้านี่คือโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของเมืองนะ บ้านเจ้ามีเหมืองทองคำหรืออย่างไร แม่ทัพตัวน้อย…”
เขาเอ่ยไม่ทันจบ ก็เห็นเด็กหนุ่มบนหลังม้าโยนตั๋วเงินให้เขา
เขาคว้ารับไว้ มองดูอย่างตั้งใจ ก่อนจะตกตะลึง
กู้เจียวถามอย่างจริงจัง “แค่นี้พอไหม ถ้าไม่พอ เดี๋ยวข้าให้คนไปเอาเพิ่มอีก”
เช้านี้ก่อนออกจากบ้าน อันกั๋วกงให้พ่อบ้านเจิ้งมอบตั๋วเงินให้นาง นางไม่เคยใช้มาก่อน เลยไม่รู้ว่าจะเอาเงินออกมาได้มากแค่ไหน
จ้าวเติงเฟิงกลืนน้ำลาย อ้าปากค้าง ถามด้วยความไม่เชื่อ “เจ้า… เจ้าเป็นอะไรกับมิ่งเหอเฉียนจวง”
กู้เจียวคิดอยู่นานก่อนตอบ “เอ่อ… ลูกเจ้าของกระมัง”
……บ้านข้าไม่มีเหมือง แต่บ้านข้ามีธนาคาร
กู้เจียวหันไปหาที่ปรึกษาหูพลางเอ่ย “ที่ปรึกษาหู เจ้าอยู่เดินเรื่องที่นี่ ข้าไปหาหลี่เซินก่อน”
ที่ปรึกษาหูยังตกตะลึงอยู่กับวิธีการอันอุกอาจ หรือว่านี่จะเป็นคนรวยไร้หัวใจอย่างที่ใครเขาว่ากัน
เขาเอ่ย “อ๊ะ… นี่มัน…”
จ้าวเติงเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าไม่ขายหรอก!”
กู้เจียวเอ่ย “เจ้าเอ่ยเองกับปากของเจ้าว่าให้ข้าเป็นเถ้าแก่ ห้ามกลับคำ!”
จ้าวเติงเฟิงกำหมัดแน่น ยิ้มอย่างเย็นชาพลางเอ่ย “ข้าจะกลับคำแล้วอย่างไรเล่า!”
กู้เจียวเอ่ยอย่างจริงจัง “ข้าจะซัดเจ้าให้น่วมน่ะสิ!”
–
วันนี้หลี่เซินไม่อยู่ที่ท่าเรือ
กู้เจียวถามหัวหน้าคนงานแถวนั้นจึงรู้ว่าเขาไปซื้อยาให้แม่ของเขา
“บ้านเขาอยู่ที่ไหน” กู้เจียวถาม
“อยู่ทางนั้น ท่านขุนนางเดินตรงไปเรื่อยๆ เลี้ยวซ้ายที่ทางแยกก็จะเห็นบ้านของเขาแล้ว คนในตรอกนั้นย้ายออกหมดแล้ว เหลือแค่แม่ลูกคู่นี้ อาศัยอยู่ หาไม่ยาก”
“ขอบใจนัก”
กู้เจียวเดินตามเส้นทางที่หัวหน้าคนงานบอกไปและก็พบกับบ้านหลังเล็กๆ เก่าแก่แสนทรุดโทรม
ประตูบ้านเปิดแง้มอยู่ กู้เจียวเอื้อมมือไปเคาะประตูแล้วถาม “มีใครอยู่หรือไม่”
ไม่มีเสียงตอบรับ
กู้เจียวคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจผลักประตูเข้าไป
ข้าวของในบ้านเก่าโทรมมาก แต่ไม่ได้รกรุกรัง ถังน้ำ จอบ เล้าไก่… วางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ เสื้อผ้าบนราวเชือกตากผ้าก็ตากไว้อย่างเรียบร้อย แต่สีซีดเหลืองและเต็มไปด้วยรอยปะ ทว่าดูสะอาดสะอ้าน
“ลูกวัวน้อย เจ้ากลับมาแล้วเหรอ”
เสียงสูงวัยดังมาจากในบ้าน
ลูกวัวน้อย
ชื่อเล่นของหลี่เซิน
กู้เจียวเดินเข้าไปในห้องโถง มุ่งหน้าไปยังห้องทางขวามือ
“ลูกวัวน้อย”
หญิงชราตาบอดคนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้น ดูเหมือนว่านางจะล้มลงไปแล้วลุกขึ้นยืนไม่ได้อีก
นางพยายามใช้มือทั้งสองข้างจับเก้าอี้ แต่ก็ไร้ผล
กู้เจียวรีบเดินเข้าไป ประคองนางให้นั่งบนเก้าอี้
“เจ้าไม่ใช่ลูกวัวน้อย” หญิงชราเอ่ย
แม้ว่านางจะมองไม่เห็น แต่นางก็ยังได้กลิ่นของลูกชาย
“ข้ามาหาหลี่เซิน” กู้เจียวเห็นท่าทางระแวดระวังของหญิงชราจึงเอ่ยเสริม “ข้าเป็นเพื่อนของเขา”
หญิงชราคลำตัวไปจับต้องชุดเกราะบนตัวกู้เจียว สายตาที่ขุ่นมัวเต็มไปด้วยความระแวดระวังค่อยๆ ผ่อนคลายลง นางยิ้มพลางเอ่ย “เพื่อนของลูกวัวน้อยหรือ เขาออกไปซื้อยาให้ข้าน่ะ เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว นั่งรอสักครู่นะ ข้าจะไปชงชาให้”
ลูกวัวน้อยคือชื่อเล่นของหลี่เซินจริงๆ ด้วย
กู้เจียวเอ่ยกับแม่ของหลี่เซิน “ท่านนั่งเถิด เดี๋ยวข้าทำเอง”
แม่ของหลี่เซินยิ้มอย่างใจดี “ดีแล้ว ไม่ต้องเกรงใจ ชาอยู่บนโต๊ะในห้องโถง”
กู้เจียวไปชงชา บ้านของพวกเขาแม้แต่ถ้วยชายังมีรอยร้าว เก้าอี้ก็มีแค่สองตัว นอกจากนี้ ในห้องโถงก็ไม่มีเครื่องเรือนชิ้นอื่นอีก
บ้านหลังนี้เรียกได้ว่ามีแค่ผนังสี่ด้านก็ว่าได้
กู้เจียวเดินกลับไปที่ห้องครัว ตู้กับข้าวว่างเปล่า ไม่มีเศษอาหารเหลืออยู่เลย บนพื้นมีแกนข้าวโพดตากแห้งอยู่สองสามอัน และฟักทองครึ่งลูกที่เน่าเปื่อย
ในถังข้าวมีข้าวเก่าอยู่แค่ครึ่งถัง และยังมีแมลงขึ้นเต็มไปหมด
กู้เจียวยกน้ำชาไปที่ห้องของแม่หลี่ “ดื่มชาเถิด”
“ไอ้หยา เจ้ามาบ้านข้า ยังต้องมารินชาให้ข้าอีก ทั้งหมดเป็นเพราะข้าตาบอดนี่ไม่เอาไหน…”
“ไม่เป็นไร”
–
“เงินมีแค่นี้ พอซื้อยาได้แค่สามชุดเท่านั้น”
ที่ร้านขายยา คนงานเอ่ยกับหลี่เซินด้วยความหงุดหงิด
“สามชุดก็สามชุด” หลี่เซินควักกระเป๋าเอาเงินออกมาจนหมด ซื้อยาสามชุดแล้วกลับบ้าน
ตอนที่เขาเข้าประตู เขาเห็นได้ชัดว่ามีคนมาที่ลานบ้าน
ดวงตาของเขาที่เฉียบคมเหมือนนกอินทรีฉายแววระแวดระวังในชั่วพริบตา เขาพุ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วและตะโกน “แม่!”
แม่ของลี่ได้ยินเสียงร้องของลูกชายจากห้องนอน จึงหันขวับไปมองด้วยความตกใจ
“ลูกวัวน้อย เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า” แม่ลี่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
เมื่อเห็นว่าแม่ของเขาปลอดภัยดี สีหน้าของหลี่เซินจึงผ่อนคลายลง จึงถือถุงยาเดินมาที่ข้างเตียงแล้วถามแม่ “แม่ มีใครมาที่บ้านเราหรือเปล่า”
แม่ของหลี่เซินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จริงสิ เพื่อนของเจ้าจากค่ายทหารมาหาแม่ ตอนแรกแม่ยังนึกว่าเป็นพวกทวงหนี้มาอีก…”
เพื่อรักษาตาของแม่ หลี่เซินไปกู้เงินก้อนโตมาจากเจ้าหนี้เงินนอกระบบ จึงมีพวกทวงหนี้มาเคาะประตูบ้านอยู่บ่อยครั้ง
“เขาฝากของไว้ให้เจ้าด้วยนะ” แม่ของหลี่เซินล้วงเอาห่อผ้าออกมาจากใต้ผ้าห่มข้างเตียงแล้วส่งให้หลี่เซิน
“เป็นเงินใช่ไหม” นางถามเสียงเบา
หลี่เซินรับห่อผ้ามาไว้ในมือ รู้สึกได้ทันทีว่าข้างในคือเงิน เขาคลี่ห่อผ้าออก พบกับแท่งเงินขาววาวเต็มห่อ และจดหมายจากค่ายเฮยเฟิง
จดหมายอธิบายที่มาของเงินว่าเป็นเงินบำนาญปลดประจำการของเขา แต่เดิมนั้น ตระกูลหันเป็นผู้กุมอำนาจ มีคนบางกลุ่มยักยอกเงินของเขาไปถึงเก้าส่วน
นี่คือเงินบำนาญทหารผ่านศึกที่เขาสมควรได้รับ รวมทั้งดอกเบี้ยที่ควรชดเชยให้เขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา