สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 802 ช่วยฮ่องเต้
สายลมโชยแรงในคืนเดือนมืด
กู้เฉิงเฟิงถูกวิญญาณทมิฬไล่ล่าทุกซอกทุกมุมจนแทบไม่เหลือที่ให้หลบ
แม้รู้ดีว่าศัตรูเก่งแค่ไหน แต่ก็อดรู้สึกสงสัยในความสามารถของตัวเองไม่ได้ และเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังเข้าใกล้เขาขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
อันที่จริง นับว่ากู้เฉิงเฟิงเก่งมากแล้ว เพราะปกติแล้ว ไม่มีใครวิ่งหนีวิญญาณทมิฬได้ทันเกินสิบก้าวด้วยซ้ำ กู้เฉิงเฟิงสับเท้ารัวจนแทบจะวนรอบพระราชวังได้หนึ่งรอบแล้ว
แล้วตอนนี้ เขาก็เริ่มจะหมดแรงเต็มที!
อย่าเพิ่งเหนื่อยสิ!
ต้องหาทางออกจากวังให้ได้ก่อน!
กู้เฉิงเฟิงออกไปทางประตูหลักของวังหลัง มุ่งหน้าไปยังอาณาเขตรอบนอกของวัง
วิญญาณทมิฬยังคงไล่ล่าเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
มาจนถึงตอนนี้ กู้เฉิงเฟิงไม่หวังว่าจะสลัดอีกฝ่ายทิ้งได้แล้ว อย่างน้อยการที่เขาช่วยต่อเวลาให้ยัยเด็กนั่นได้บ้าง ก็นับว่าดีแล้ว
กู้เฉิงเฟิงรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีใส่ที่ฝีเท้าอย่างเต็มที่
ในที่สุด เขาก็สามารถกระโดดข้ามประตูสุดท้ายของเขตนอกวังได้
ทว่าวิญญาณทมิฬตามหลังเขามาติดๆ โดยห่างอยู่แค่สองก้าวเท่านั้น
แย่แล้วละ ยื้อต่อไปไม่ไหวแล้ว
แต่อย่าเพิ่งเลย อย่าเพิ่งโดนจับได้ตอนนี้นะ เขาไม่มีปัญญาสู้กลับ!
แต่ก็อย่างที่ใครเขาว่าไว้ เวลาเรากลัวอะไร ก็มักจะเจอสิ่งอย่างนั้น
และในตอนที่กู้เฉิงเฟิงกำลังกัดฟันและพยายามออกแรงเฮือกสุดท้าย วิญญาณทมิฬก็ยื่นมืออันเยียบเย็นออกมาแล้วคว้าเข้าไปที่คอเสื้อของกู้เฉิงเฟิงอย่างอุกอาจ!
หัวใจของกู้เฉิงเฟิงตกลงไปที่ตาตุ่มทันที!
ทั้งๆ ที่กู้เฉิงเฟิงเคยผ่านศึกเมืองเย่ว์กู่และศึกแคว้นเฉิน แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขารู้สึกว่าเท้าของตัวเองกำลังเหยียบเข้าไปในเขตของยมโลกเลย
เขาแทบจะรู้สึกได้ว่าคอเสื้อของเขาถูกคว้าโดยวิญญาณร้าย ไม่ใช่ทหารหน่วยกล้าตายแต่อย่างใด
ยังตายไม่ได้นะ ยังตายไม่ได้!
เขายังใช้ชีชีวิตไม่หนำใจเลย!
คงต้องใช้แผนสุดท้ายแล้วสินะ!
ความคิดอันซับซ้อนทั้งหมดของเขาผุดและดับลงไปแค่ภายในวินาทีเดียวเท่านั้น ทันใดนั้นเขาก็หยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาจากในเสื้อ
ตอนแรกวิญญาณทมิฬแอบคิดว่าจะต้องเป็นอาวุธอะไรบางอย่างแน่ๆ
แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่วิญญาณทมิฬเห็นจากด้านหลัง คืออีกฝ่ายกำลังหยิบอะไรขึ้นมาแล้วยกขึ้นมาถูกที่บริเวณปาก
อะไรกันนี่
วินาทีต่อมา กู้เฉิงเฟิงก็หันหน้าไปด้านหลัง ก่อนจะเผยออริมฝีปากที่เต็มไปด้วยชาดแดง พร้อมกับมองวิญญาณทมิฬด้วยสายตาหว่านเสน่ห์ “มุฟ~”
วิญญาณทมิฬ คุณพระคุณเจ้าเอ๊ย!
จู่ๆ วิญญาณทมิฬก็เริ่มรู้สึกหายใจติดขัด กล้ามเนื้อของเขาหดเกร็งไปทั่ว ตามมาด้วยกำลังภายในที่จู่ๆ เกิดมอดลงราวกับมีคนเอาน้ำมาสาดใส่เตาเผาในร่างกายของเขา
ก่อนที่ร่างของเขาจะร่วงหล่นลงมา
แต่ก่อนจะถึงพื้น วิญญาณทมิฬไม่ลืมที่จะเหวี่ยงร่างปีศาจปากแดงของอีกฝ่ายออกไปให้ไกลที่สุดด้วยความรู้สึกรังเกียจขยะแขยง!
วิญญาณทมิฬผู้ครองอำนาจมาหลายปีไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่หน้าด้านอะไรเช่นนี้!
ขนาดเจ้าตัวอย่างกู้เฉิงเฟิงเองก็คาดไม่ถึงว่าตัวเองจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ เป็นเพราะว่าวันๆ เขาต้องอาศัยอยู่กับคนแปลกๆ …อย่าว่าแต่คนเลย ขนาดม้าที่เลี้ยงก็มีนิสัยแปลกๆ
แม้วิญญาณทมิฬจะขวัญเสียแค่ไหน แต่ไม่นานเขาก็กู้กำลังภายในกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
เขาใช้มือตบลงไปที่ผิวพื้น ก่อนจะร่วงหล่นอย่างสง่างาม
“ขอบใจท่านวิญญาณทมิฬมากเลยนะ” เสียงที่น่าหมั่นไส้ของเขาดังลอยตามลม
วิญญาณทมิฬตัดสินใจไม่ไล่ตามกู้เฉิงเฟิงต่อ เขารู้พลังของตัวเองดี หากไล่ตามต่อก็มีแต่จะยิ่งห่างออกจากเขตวังมากขึ้น
เขาจึงกลับไปที่ตำหนักเย็น
พอมาถึง ก็เจอกับแม่นางหันที่กำลังอาละวาด “เจ้าไปไหนมา มีคนลักพาตัวฝ่าบาทออกไปแล้ว!”
“ขอรับ กระหม่อมจะรีบตามฝ่าบาทกลับมาให้ได้” วิญญาณทมิฬกล่าว
–
หลังจากกู้เจียวพาตัวฮ่องเต้ออกมาได้ ก็มุ่งตรงไปที่ปากทางอุโมงค์ลับทันที
ฮ่องเต้อยู่ในสภาพหมดสติจึงมุดอุโมงค์เองไม่ได้ กู้เจียวเลยต้องใช้วิธีดันร่างเขาเข้าไป
หารู้ไม่ว่าขนาดพระวรกายของฮ่องเต้นั้นใหญ่เกินกว่าจะยัดลงไปในอุโมงค์ได้
กู้เจียวขมวดคิ้วครุ่นคิดย่างหนัก ก่อนตัดสินใจใช้เท้าถีบเข้าไปที่พระโสณีหรือบั้นท้ายของเขาจนถึงปากทางอีกฝั่ง
จากนั้นกู้เจียวค่อยพาตัวเองขึ้นมา
กู้เจียวไม่รู้ว่ากู้เฉิงเฟิงจะยื้อได้อีกนานแค่ไหน แต่นางจะไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่เค่อเดียว
กู้เจียวรีบแบกร่างของฮ่องเต้ขึ้นหลังไปยังจุดที่เฮยเฟิงยืนรออยู่
ทว่าพอกู้เจียววิ่งออกไปยังไม่ทันพ้นหนึ่งลี้ วิญญาณทมิฬก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วกำลังไล่ตามหลังมา
กู้เจียวเห็นกับตาตัวเองว่าวิญญาณทมิฬใช้ดาบฟันเส้นด้ายคมๆ ที่อยู่บนกำแพงจนหมด ก่อนจะทะยานตัวลอยออกมาอย่างมีมาด
สมกับเป็นมืออาชีพ ดูช่ำชองและปราดเปรียวยิ่งนัก!
ลำพังกู้เจียวคนเดียวก็แทบจะวิ่งหนีไม่พ้นแล้ว นี่ต้องมาแบกร่างของฮ่องเต้ไว้อีก ไม่มีทางที่นางจะสู้วิญญาณทมิฬได้แน่ๆ
กู้เฉิงเฟิงนะกู้เฉิงเฟิง
ไหนบอกว่าจะช่วยยื้อเวลามิใช่รึ
กู้เฉิงเฟิงคิดในใจ ไม่ใช่ว่าเจ้าเสียเวลาเพราะใครบางคนติดแหงกในอุโมงค์หรอกหรือ
กู้เจียวกำลังรู้สึกได้ว่าแผนของพวกเขากำลังล้มเหลว
วิญญาณทมิฬเข้าใกล้กู้เจียวขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่ได้จะเข้ามาบุกทำร้ายนาง เพียงแต่ต้องการชิงตัวฮ่องเต้กลับไป
กู้เจียวรีบโยนลูกระเบิดสามลูกใส่เขา!
ม่านตาของวิญญาณทมิฬหรี่ลงทันที ก่อนจะรีบหันหลังกลับและร่อนตัวลงบนต้นไม้ใหญ่อย่างแผ่วเบาด้วยเท้าของเขา
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นกระทบพื้น
กู้เจียวกัดฟันแน่น
เก่งระดับนี้ ไม่เอามือรับลูกระเบิดไว้ซะเลยล่ะ
จะหลบทำพระแสงอะไร!
วิญญาณทมิฬดึงเถาวัลย์ท่อนใหญ่แล้วเหวี่ยงไปทางกู้เจียว ก่อนจะพันม้วนเข้าที่บริเวณเอว
เรี่ยวแรงของกู้เจียวลดฮวบ ตอนนี้นางมีสองทางเลือก หนึ่งคือยอมให้วิญญาณทมิฬจับตัวไป หรือสองคือทิ้งฮ่องเต้ไว้ให้วิญญาณทมิฬ ส่วนนางหนีออกไป
กู้เจียวยังไม่อยากตาย
แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้ฮ่องเต้หลุดมือไปเช่นกัน!
กู้เจียวคว้าด้ามกริชที่เอวทันที
แต่ไม่ทันไร ก็ถูกฝ่ามือของวิญญาณทมิฬสกัดไว้จนกริชของนางหล่นลงพื้น!
เจ้าหมอนี่!
ทันใดนั้น เงาของใครบางคนพลันปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับใช้ดาบฟันเส้นเถาวัลย์จนขาดสะบั้น!
กู้เจียวเสียหลักและล้มลงไปพร้อมกับฮ่องเต้ทันที
“พวกเจ้า หนีไปก่อน!”
เสียงของเย่ชิงนี่นา!
กู้เจียวหันไปมองเย่ชิงในชุดดำและสวมหน้ากาก และเห็นว่ามีชายชุดดำอีกสี่คนตามมาสมทบติดๆ กู้เจียวรู้ในทันทีว่ากั๋วซือส่งคนมาช่วยพวกเขาแล้ว
“ระวังตัวด้วย!” กู้เจียวเตือนเขา
“ข้าจะระวัง” เย่ชิงตอบกลับ ก่อนจะกางดาบแล้วพุ่งเข้าใส่วิญญาณทมิฬพร้อมกับทหารหน่วยกล้าตายของตำหนักกั๋วซืออีกสี่นาย
กู้เจียวแบกร่างของฮ่องเต้ขึ้นหลังอีกครั้ง แล้วสับเท้าหนีโดยเร็ว!
เสียงคบดาบที่เฉือนกันไปมาเริ่มดังขึ้น ถนนทั้งสายคละคลุ้งไปด้วยการนองเลือด
แม้ลูกศิษย์กั๋วซือจะเก่งแค่ไหน แต่เป็นไปได้ยากที่จะกำจัดวิญญาณทมิฬ
“ตั้งขบวน! ล้อมมันไว้!”
สิ้นเสียงคำสั่งเย่ชิง พวกเขาทั้งห้าก็เข้าประชิดวิญญาณทมิฬทันที
วิญญาณทมิฬยกมุมปากขึ้น พร้อมกับเอ่ยเหน็บแนม “มากันแค่นี้ คิดหรือว่าจะหยุดข้าได้”
เย่ชิงสวนกลับ “จะหยุดได้หรือไม่ก็รอดูเอาแล้วกัน หรือว่า เจ้าเกิดกลัวขึ้นมาแล้ว ก็นะ ดูสิ่งที่เจ้ากระทำสิ ร่วมมือกับคนชั่ว กักขังหน่วงเหนี่ยวฝ่าบาท สมควรถูกลงโทษเก้าชั่วโคตรยิ่งนัก หากเจ้ายอมแพ้เสียแต่ตอนนี้ ข้าจะพิจารณายอมอ่อนข้อให้เจ้า”
วิญญาณทมิฬแผดเสียงหัวเราะ “กำลังยื้อเวลาอยู่งั้นรึ ไร้ประโยชน์น่า!”
เอ่ยจบ วิญญาณทมิฬก็พุ่งตัวไปทางเย่ชิงอย่างรวดเร็ว
กว่าจะรู้ตัวอีกที เย่ชิงก็ถูกฝ่ามือของวิญญาณทมิฬตบเข้าจนกระเด็นแตกแถว
จากนั้นวิญญาณทมิฬรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดกระจายพลังรอบทิศจนทหารหน่วยกล้าตายอีกสี่คนกระเด็นออกไปคนละทิศ!
เป้าหมายของเขาคือชิงตัวฮ่องเต้กลับมา และเขาจะไม่ยอมเสียเวลากับคนพวกนี้เป็นอันขาด
ร่างที่ติดอยู่บนหลังคาของเย่ชิงอยู่ในสภาพกระอักเลือดพร้อมทั้งเอามือกุมหน้าอก “มันหนีไปได้เร็วขนาดนี้เชียว…น่าโมโหชะมัด…”
เซียวลิ่วหลัง เจ้าต้องเอาตัวรอดให้ได้นะ
“ฮัดชิ่ว!”
กู้เจียวที่กำลังวิ่งอยู่ จู่ๆ ก็เกิดจามออกมาก่อนจะเผลอเหยียบกับอะไรบางอย่างลื่นๆ บนพื้นแล้วลื่นล้มทันที!
อย่าบอกนะว่า
ชื่อเซียวลิ่วหลังนี่มันมีอาถรรพ์หรือยังไงกัน
กู้เจียวพยายามลุกขึ้นในสภาพที่หน้ามืด ทันใดนั้น ก็เห็นกู้เฉิงเฟิงกำลังใช้วิชาตัวเบากระโดดตามกู้เจียวมาพอดี
“นี่ เป็นอะไรไหม” กู้เฉิงเฟิงถาม
กู้เจียวส่ายศีรษะที่เต็มไปด้วยเศษหญ้า “ข้าไม่เป็นไร เย่ชิงมาช่วยข้าไว้ แต่คงยื้อได้ไม่นานหรอก เจ้าพาฮ่องเต้หนีไปที พวกเราแยกกันหนีคนละทางนะ”
ก่อนหน้านี้ กู้เฉิงเฟิงรับหน้าที่ล่อศัตรู คราวนี้เขาต้องรับไม้ต่อจากกู้เจียว
ที่กู้เจียวหกล้มไปเมื่อครู่ ส่งผลให้ข้อเท้าของนางเกิดพลิก ซึ่งกู้เจียวไม่ได้บอกเรื่องนี้กับกู้เฉิงเฟิง
กู้เฉิงเฟิงย่นคิ้ว “แต่เจ้า…”
“เดี๋ยวเจ้าเฮยเฟิงก็มารับข้าแล้ว เจ้ารีบหนีไปเร็ว” กู้เจียวเอ่ยพร้อมกับหยิบนกหวีดไม้ขึ้นมา
ที่กู้เจียวไม่ใช้นกหวีดในตอนแรกก็เพราะกลัวอีกฝ่ายตามเสียงจนเจอ
แต่ตอนนี้กู้เจียวไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
กู้เฉิงเฟิงกัดฟันแน่น “ข้ารู้นะว่าเจ้าคิดอะไร ครั้งนี้…ข้าไม่ยอมหรอก!”
เขารู้ดีว่าโอกาสรอดแทบจะไม่มีด้วยซ้ำหากตกอยู่ในเงื้อมมือของวิญญาณทมิฬ!
กู้เฉิงเฟิงแบกร่างของฮ่องเต้ไว้ที่หลังพร้อมกับคว้ามือของกู้เจียว ก่อนจะกระโดดขึ้นฟ้าด้วยวิชาตัวเบา
และในตอนนั้น วิญญาณทมิฬก็กำลังตามพวกเขามาติดๆ
เขาหรี่ตาลง ยกดาบขึ้น พร้อมกับเล็งเข้าไปที่ขาของกู้เฉิงเฟิง!