สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 818 ตระกูลหันล่มสลาย
บทที่ 818 ตระกูลหันล่มสลาย
ศึกสุดท้ายครานี้ หลงอีบาดเจ็บหนักยิ่งนัก
ไม่เพียงแต่เกิดจากการต่อสู้ไปมาเท่านั้น ตอนข่มไอสังหารของสภาวะสติหลุด ความเจ็บปวดและการล่อลวงที่หลงอีต้องสกัดกั้นไว้เป็นสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจจินตนาการได้
นี่ต่างหากคือการทำลายแก่นแท้ที่สุด
หลงอีหอบหายใจกระชั้น แหงนหน้ามองท้องนภากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
กู้เจียวพลิกตัวลงจากหลังม้า มาหยุดข้างกายเขา หันไปมองเขานิ่งๆ “หลงอี เจ้ากำลังมองอะไรอยู่หรือ เจ้านึกเรื่องราวในอดีตขึ้นมาได้แล้วใช่หรือไม่ เจ้าได้รับบาดเจ็บ ขี่ม้าเฮยเฟิงกลับไปเถิด”
ครู่ต่อมา กู้เจียวก็ถูกหลงอีหนีบขึ้นมา
กู้เจียวพลันหน้าหงิก หมดอาลัยตายอยากราวกับตุ๊กตาผ้าขาทิ่มดิน
ดังนั้นเมื่อครู่นี้เจ้าแค่หอบหายใจเท่านั้นรึ
เป็นดังคาด นางไม่ควรห่วงหลงอีเลย
ฝีมือของวิญญาณทมิฬวิปริตเพียงใด ของหลงอีวิปริตยิ่งกว่า
หลงอีพากู้เจียวกลับมายังจวนอันกั๋วกง
อีกด้านหนึ่ง การต่อสู้ในวังหลวงก็สิ้นสุดลงเช่นกัน หันฟู่ถูกหวังซวี่จับกุม ราชองครักษ์ที่เขานำทัพมาเห็นหันฟู่ถูกจับ ขวัญกำลังใจก็ถดถอย พากันวางอาวุธยอมจำนน
เหลือเพียงคนเดียวก็คือแม่นางหัน
วิญญาณทมิฬพาแม่นางหันออกจากวังแล้ว ก็ให้แม่นางหันนั่งรถม้าที่ตระเตรียมไว้แต่แรก ตัวเขาเองรั้งอยู่สกัดกั้นกู้เจียว
เพียงแต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะสกัดกั้นและสังหารไม่ได้ กลับถูกหลงอีปลิดชีพไปอีก
วิญญาณทมิฬเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดในมือแม่นางหัน กระทั่งสำคัญกว่ากษัตริย์ตัวปลอมอีก หากมิใช่เพราะวิญญาณทมิฬทำประโยชน์ให้แม่นางหัน แม่นางหันไหนเลยจะแอบฟังข่าวในห้องทรงพระอักษรได้ง่ายดายเพียงนี้ และไหนเลยจะสามารถทำให้กษัตริย์ตัวปลอมลอบสังเกตการณ์ฮ่องเต้ตัวจริงอยู่ในที่ลับได้อย่างแนบเนียน
แม้แต่ตอนแรกที่ซ่างกวานเยี่ยนถูกขายไปเป็นทาส ยังเป็นผลงานของวิญญาณทมิฬเลย
แม่นางหันสูญเสียกษัตริย์ตัวปลอมไปได้ แต่นางไม่อาจเสียวิญญาณทมิฬไปเด็ดขาด
แน่นอนว่า แม่นางหันมั่นอกมั่นใจในตัววิญญาณทมิฬอย่างหนักแน่น ต่อให้คราก่อนวิญญาณทมิฬจะพ่ายแพ้ให้กับศิษย์น้องร่วมสำนักผู้นั้น แต่วิญญาณทมิฬก็แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมด้วยเหตุนี้เช่นกัน
“รอให้วิญญาณทมิฬสังหารเซียวลิ่วหลังก่อน ก็จะมารวมตัวกับข้าได้แล้ว”
แม่นางหันคิดเช่นนี้ พลางพรูลมหายใจยาวเหยียด พิงผนังรถหลับตาพักผ่อน
แต่เพียงไม่นาน จู่ๆ หนังตานางก็กระตุกยิกๆ
จากนั้นความไม่สบายใจก็ผุดวาบ ราวกับมีเรื่องไม่ดีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น
นางขมวดคิ้วเอ่ย “เซียวลิ่วหลังไล่ตามมารึ ไม่มีทาง มีวิญญาณทมิฬขวางเขาไว้อยู่ เขาจะตายอย่างไรยังไม่รู้เลย!”
“ข้าว่าคนที่ตายคือเจ้ามากกว่ากระมัง!”
กู้เฉิงเฟิงทะยานตัวลงจากนภากาศ โปรยตัวลงบนรถม้าของแม่นางหัน ถีบสารถีร่วง แล้วดึงแม่นางหันลงมาจากรถม้าอย่างไร้ปรานี
แม้ว่าเขาจะรักเด็กเคารพคนชรามาก แต่นางปีศาจเฒ่าอำมหิตพรรค์นี้ขอยกเว้นไว้ดีกว่า
กู้เฉิงเฟิงลงมือไม่มีหนักเบา แม่นางหันถูกดึงลงมาจากรถม้าที่กำลังควบแล่น ล้มกลิ้งหลุนๆ หลายตลบจึงได้หยุดลง ปิ่นมุกก็ร่วงกระเด็น ผมเผ้าหลุดลุ่ยไปหมด ใบหน้ามอมแมมเปื้อนฝุ่น อนาถยิ่งกว่าหญิงชราขอทานอีก
แม่นางหันร้องโอดโอยด้วยความเจ็บ
กู้เฉิงเฟิงปัดมือนางที่จับเมื่อครู่ทิ้งอย่างเดียดฉันท์ กดตามองต่ำเดินไปหานาง “ทำเรื่องชั่วช้ามากมายเพียงนี้ยังคิดจะหนีอีก หนีพ้นรึเจ้า”
กู้เฉิงเฟิงยามนี้ถอดหน้ากากไท่จื่อออกแล้ว จึงเผยใบหน้าที่แท้จริงของตัวเองออกมา
แต่แม่นางหันก็ยังจำเขาได้จากน้ำเสียง นางเหลือบตาเย็นเยือกขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าคือคนที่ปลอมตัวเป็นไท่จื่อเมื่อคืนนี้รึ เจ้าปล่อยข้าไป ข้าจะ…”
“จะกับปู่เจ้าน่ะสิ!” กู้เฉิงเฟิงรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นคนช่างเจรจา แต่ก็คร้านจะเปลืองน้ำลายกับนางปีศาจเฒ่าอย่างหันซื่อ เขาตรงไปคว้าแม่นางหันขึ้นมาโยนเข้ารถนักโทษของจวนตูเว่ยที่เตรียมไว้แต่แรกทันที
แม่นางหันนั่งอยู่ในรถนักโทษ สองมือกำซี่ไม้ไว้แน่น “เจ้าได้เสียใจแน่!”
กู้เฉิงเฟิงกลอกตา สองนิ้วสกัดจุดใบ้นาง “จะตายอยู่แล้วยังพูดจากำเริบเสิบสานอีก เกินจะเยียวยาแล้ว!”
แม่นางหันถูกจับตัวกลับจวนตูเว่ย การก่อกบฏในวังหลวงครานี้จึงปิดฉากลงตรงนี้
จางเต๋อเฉวียนถูกเรียกตัวกลับวังหลวงจัดการคนของกรมขันทีสิบสองหน่วยเก็บกวาดความเละเทะจากการต่อสู้ที่เขตพระราชฐานชั้นนอกและตำหนักจงเหอ
เกิดเรื่องใหญ่โตเพียงนี้ขึ้น เขตพระราชฐานชั้นนอกกับตระกูลใหญ่ล้วนทราบข่าว พากันเร่งรุดมาขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ทว่าฮ่องเต้กลับไม่พบ
พระองค์สั่งให้หยุดราชการสามวัน และให้ศาลต้าหลี่กับกรมยุติธรรมร่วมกันตรวจสอบ
ตรวจสอบอะไรน่ะหรือ
ย่อมเป็นแม่นาง จวนไท่จื่อและตระกูลหันอยู่แล้ว ว่าแอบสมคบคิดกันทำเรื่องน่าละอายลับหลังไปเท่าใด
“ล้อมตระกูลหันกับจวนไท่จื่อเอาไว้! แมลงวันสักตัวก็ห้ามให้เข้าไป!”
“อดีตผู้บัญชาการราชองครักษ์มัวทำอะไรอยู่ นึกไม่ถึงว่าจะปล่อยให้รองผู้บัญชาการนำกองกำลังออกมาถึงครึ่ง! ลงโทษสถานหนักไปเลย!”
“แล้วก็ตราอาญาสิทธิ์ทางทหารของตระกูลหัน ก็ริบกลับมาให้เราด้วย!”
…
ฮ่องเต้ที่ประทับอยู่ห้องทรงพระอักษรออกราชโองการปากเปล่าอันน่าตื่นตะลึงเป็นพรวน ขุนนางส่วนราชการต่างๆ ไม่กล้ารีรอ ต่างปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง เร่งรุดไปจัดการหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
ชั่วขณะที่เดินออกจากห้องทรงอักษร ทุกคนต่างรู้ดีว่าตระกูลหันที่ตระหง่านมานานปีกำลังจะล้มแล้ว ระยะเวลาห่างมาสิบห้าปี เซิ่งตูได้ประสบกับการสั่นสะเทือนของอำนาจอีกครา ตระกูลใหญ่ทั้งสิบถูกล้างไพ่อีกครั้ง
ดังคำกล่าวที่ว่า เห็นเขาสร้างหอสูง เห็นเขารุ่งโรจน์มั่งคั่ง เห็นหอเขาพังทลาย
ครั้นตระกูลหันล้ม อำนาจทหารก็ต้องถูกแบ่ง
แต่บรรดาตระกูลใหญ่กำลังยินดีปรีดา หรือร่วมโศกเศร้า เป็นทุกข์ร้อนกับชะตากรรมของพรรคพวกเดียวกันเล่า ไม่ต้องบอกก็รู้
…
ณ จวนกั๋วกง กู้เจียวปรีดายิ่งนัก
วิญญาณทมิฬตายแล้ว แม่นางหันก็ถูกจับกุมแล้ว ซึ่งหมายความว่าสงครามภายในที่เข่นฆ่าเป็นระยะเวลาสามปีจะไม่มีทางเกิดขึ้น
กงล้อแห่งโชคชะตาหมุนย้อนกลับตั้งแต่บัดนี้ไป
จากนั้นก็เป็นศึกภายนอกของแคว้นจิ้นกับแคว้นเหลียงแล้ว
หากหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน ก็จะดียิ่งนัก…
“นายน้อย! พระนัดดา!”
กู้เจียวกำลังจัดการบาดแผลให้หลงอีอยู่ ผู้ดูแลเจิ้งสีหน้าร้อนรนเข้ามาในเรือน เขาหากู้เจียวกับเซียวเหิงเจอในห้องของหลงอี จึงคำนับให้ แล้วเอ่ย “มีราชโองการปากเปล่าของฝ่าบาทมาจากในวังขอรับ ให้นายน้อยกับพระนัดดารีบเข้าวังทันที!”
กู้เจียวพันผ้าพันแผลผืนสุดท้ายให้หลงอีเสร็จ ก็กำชับหลงอีไม่ให้ขยับพร่ำเพรื่อ ก่อนจะเข้าวังไปด้วยกันกับเซียวเหิง
ณ ห้องทรงพระอักษร ซ่างกวานเยี่ยนกับเยี่ยนซานจวินก็อยู่ด้วย
เมื่อครู่นี้ในตำหนักจงเหอ กู้เจียวมัวแต่ระแวดระวังวิญญาณทมิฬที่อาจจะปรากฏตัวออกมาได้ตลอดเวลา ไม่ได้สังเกตเยี่ยนซานจวินบิดาแท้ๆ ขององค์หญิงน้อยเท่าใดนัก
ยามนี้มีกระจิตกระใจมองเขาแล้ว กู้เจียวจึงพบว่านี่เป็นบุรุษรูปงามสมบูรณ์แบบคนหนึ่งทีเดียว
เยี่ยนซานจวินเป็นลูกที่เกิดหลังบิดาที่ถึงแก่กรรมแล้วของฮ่องเต้พระองค์ก่อนกับไทเฮา อ่อนวัยกว่าฮ่องเต้ครึ่งปี ปีนี้ก็สามสิบกว่าแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะไร้ทุกข์โศกในใจหรือไม่ ดวงตาของเขาจึงบริสุทธิ์แจ่มใสดุจคนหนุ่ม
ซึ่งนี่ทำให้คนรู้สึกว่าเขาอ่อนวัยกว่าอายุจริง
ในมือขวาของเขาถือลูกท้อลูกโตไว้สองลูก ท่าทางสง่างาม
นอกจากนี้ กู้เจียวยังสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างหนึ่งด้วย ดวงตาเขาเป็นสีอำพัน ซึ่งอ่อนกว่าสีนัยน์ตาคนทั่วไป
“เจ้าเป็นคนแรกเลยที่กล้าจ้องข้าเช่นนี้” เยี่ยนซานจวินยิ้มพลางยื่นหน้ามาตรงหน้ากู้เจียว “เป็นอย่างไร ดูดีหรือไม่”
“อ้อ สู้เขาไม่ได้” กู้เจียวชี้เซียวเหิง
เยี่ยนซานจวิน “…”
โดนโจมตีเข้าแล้ว
ฮ่องเต้ชำเลืองมองทั้งคู่นิ่งๆ ตรัส “เอาละ ที่เรียกพวกเจ้ามาเพราะมีเรื่องสำคัญ”
เยี่ยนซานจวินรีบปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมา
ดูท่าน้องชายคนนี้จะเคารพยำเกรงฮ่องเต้มากทีเดียว
วันนี้ซ่างกวานเยี่ยนนั่งอยู่บนรถเข็น
…ไม่ต้องเสแสร้งต่อไปแล้วหรือ
“เรื่องแรก” ฮ่องเต้หันไปมองซ่างกวานเยี่ยนพลางตรัส “ซ่างกวานชิ่งอยู่ที่ใด”
ซ่างกวานเยี่ยนสีหน้าชะงักงัน กะพริบตาปริบๆ อย่างร้อนตัว ชี้เซียวเหิงที่อยู่ข้างๆ “ไม่ใช่ว่า… อยู่ตรงนี้หรือ”
ฮ่องเต้พระพักตร์เย็นเยียบตบโต๊ะ “พวกเจ้าคิดว่าเราจำหลานชายตัวเองไม่ได้จริงๆ รึ ซ่างกวานชิ่งไม่กินยี่หร่าฝรั่ง!”
อ๋อ
ยี่หร่าฝรั่งนี่เอง
มีเรื่องนี้อยู่จริงๆ ห้องครัวที่จวนกั๋วกงทำอาหารชอบใส่ยี่หร่าฝรั่ง
ดังนั้นสองวันนี้จึงความแตก
ฮ่องเต้ถลึงตาใส่ซ่างกวานเยี่ยนอย่างไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของนาง “คนเป็นแม่อย่างเจ้าแม้แต่เรื่องเล็กๆ แค่นี้ก็ไม่รู้!”
ซ่างกวานเยี่ยนโดนปรักปรำแล้ว พึมพำเสียงค่อย “ข้าก็… ไม่เคยทำยี่หร่าฝรั่งให้เขานี่นา เครื่องเคียงแพงหูฉี่เพียงนี้ ข้ามีปัญญากินที่ไหน”
อยู่ในสุสานกษัตริย์ลำบากยากแค้นนัก
เยี่ยนซานจวิ้นหันมามองเซียวเหิง “ไม่ใช่ชิ่งเอ๋อร์รึ หน้าตาเหมือนทีเดียว…”
สายพระเนตรอันเคร่งขรึมของฮ่องเต้หันมามองเซียวเหิง “เจ้าเป็นใครกันแน่”
เยี่ยนซานจวินก็สนใจใคร่รู้ในตัวตนของเซียวเหิงเช่นกัน ไม่ละสายตาตัวเองไปไหน รอคำตอบจากเซียวเหิง
เซียวเหิงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “กระหม่อมเป็นผู้ใดไม่สำคัญ ฝ่าบาทรู้แค่ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแผนรับมือชั่วคราวที่เหมาะสมก็พอ องค์หญิงสามกับพระนัดดาโดนจวนไท่จื่อ ตระกูลหันและตระกูลหนานกงทำร้าย จำต้องใช้อุบายนี้ พระนัดดาตัวจริงปลอดภัยยิ่งนัก รอให้ทุกอย่างสงบลงองค์หญิงสามจะรับเขากลับเซิ่งตูแน่นอน”
ฮ่องเต้มองเซียวเหิงอย่างลุ่มลึกแวบหนึ่ง กำหัตถ์ที่วางอยู่บนที่พักแขนแน่นทีละนิด
“เจ้าเป็นใครไม่สำคัญอย่างนั้นรึ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ความรุ่งโรจน์ร่ำรวยเจ้าก็ไม่ต้องการรึ”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“อำนาจชื่อเสียงก็ไม่ต้องการรึ”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเหิงสบสายตาของฮ่องเต้ไม่หลีกหนีไปไหน แววตาไร้ซึ่งการปิดบังซ่อนเร้น ล้วนเป็นถ้อยคำเปิดเผยมาจากใจจริง
คำว่า ‘แผ่นดิน’ มาถึงปลายลิ้นก็ถูกฮ่องเต้กลืนลงไป พระองค์กริ้วมากพลางยกชาบนโต๊ะมาซดรวดเดียว!
กู้เจียวถลึงตาใส่ฮ่องเต้อย่างโหดเหี้ยม
ท่านดุสามีข้าอีกแล้ว
ลองดุดูอีกสิ
ข้าต่อยนะ