สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 819 ข่าวลับอันน่าสะพรึง
บทที่ 819 ข่าวลับอันน่าสะพรึง
ฮ่องเต้รับรู้ได้ถึงสายตาอำมหิตของกู้เจียว พลางนึก เดี๋ยวนะ ข้ากำลังสั่งสอนเจ้าเด็กนี่อยู่ เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย
เกิดปีเสือหรืออย่างไรกันถึงได้ดุปานนี้
แต่ละคนทำเอาฮ่องเต้ทรงกริ้วจนปวดพระเศียร ทุกครั้งที่ยิ่งทรงรู้สึกว่าคงไม่น่ามีเรื่องอะไรน่าโมโหไปมากกว่านี้แล้ว ก็ยิ่งเจอกับเรื่องที่หนักกว่าเดิมจากคนน่ารำคาญพวกนี้
อย่างซ่างกวานเยี่ยนนี่ไม่ต้องเอ่ยถึง นางเป็นตัวป่วนแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
ขณะที่ซ่างกวานชิ่งเมื่อก่อนเคยเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แต่ไม่รู้ไปทำอีท่าไหน นับวันเด็กคนนี้ยิ่งไม่ปกติขึ้นทุกที
ไม่รู้ว่าเขาไปได้นิสัยแบบนี้จากใครมา ไม่มีใครในตระกูลซ่างกวานและตระกูลเซวียนหยวนที่เป็นแบบนี้เลยสักคน
แต่อย่างน้อยทั้งซ่างกวานชิ่งและซ่างกวานเยี่ยนก็เป็นคนรู้งาน ในขณะที่เจ้าเด็กคนนี้กลับมีท่าทีโผงผางและหยิ่งผยองสิ้นดี!
เมื่อก่อนยังเคยคำก็เสด็จปู่ สองคำก็เสด็จปู่ ฟังแล้วรื่นหูนัก พอตอนนี้หลังจากพวกตระกูลหันกับไท่จื่อล้มลง ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าทันที!
ฮ่องเต้กัดพระทนต์แน่นพร้อมกับเบือนพระพักตร์หนีด้วยความเย็นชา “พวกเจ้าออกไปให้หมด! ข้าไม่อยากเห็นหน้า!”
กู้เจียว “อ้อ”
ซ่างกวานเยี่ยน “อ้อ”
ส่วนเซียวเหิงไม่เอ่ยอะไร
แล้วพวกเขาก็เดินออกไปพร้อมๆ กันโดยไม่หันหลังกลับมาอีก
ฮ่องเต้ถึงกับถลึงพระเนตร “…?!”
ออกไปดื้อๆ แบบนี้เลยรึ!
ไม่เอ่ยอะไรกันหน่อยเลยหรือ
หลังจากได้เห็นละครฉากใหญ่ เยี่ยนซานจวินยกมือขึ้นมาลูบสันจมูกตัวเองพร้อมกับเอ่ย “หากไม่มีธุระอันใดแล้ว กระหม่อมขอตัวก่อน”
“เจ้าอย่าเพิ่งไปไหน!” ฮ่องเต้ตะโกน
เยี่ยนซานจวินแบมือยักไหล่พลางเอ่ย “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ได้เจอกับอาเสวี่ยมาหลายวัน ฝ่าบาทคงมิได้อยากกีดกันสองเราพ่อลูกใช่ไหม”
เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองเป็นพ่อคนเอาตอนนี้น่ะหรือ! แล้วก่อนหน้านี้ใครใช้ให้ออกไปร่อนเร่พเนจรข้างนอกกันล่ะ!
นี่เป็นวันที่ฮ่องเต้ทรงโกรธจัดที่สุด ทุกคนทีนี่ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่พากันรุมทำให้พระองค์กริ้ว
แต่ท้ายที่สุดเขาก็มิได้ยื้อให้เยี่ยนซานจวินอยู่กับเขา ก่อนจะโบกมือปัดเพื่อบอกให้อีกฝ่ายออกไป
หลังจากเยี่ยนซานจวินเดินออกจากห้อง จางเต๋อเฉวียนก็เดินเข้ามาอย่างกล้าหาญพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “ฝ่าบาทขอรับ ไหนว่าจะทรงมอบรางวัลให้มิใช่หรือขอรับ เหตุใดถึงได้…”
ลงเอยสภาพนี้ละขอรับ
ฮ่องเต้กำหมัดแน่น “ข้าไม่สนเรื่องพรรค์นั้นหรอก!”
ชื่อเสียง โชคลาภ อนาคตอันรุ่งโรจน์ บ้านเมืองและแคว้น ล้วนถูกละเลย!
แม้แต่ตัวเขาเองก็ยัง…
ฮ่องเต้สูดหายใจเข้าลึก พยายามระงับความโกรธกริ้ว “ไม่อยากได้ก็ไม่ต้องเอา ข้าก็ไม่ได้อยากให้นักหรอก!”
จางเต๋อเฉวียนได้แต่เหงื่อตก
นี่ฝ่าบาททรงกำลังกริ้วใครอยู่หรือไม่นะ
หรือว่าองค์หญิงสามทำอะไรให้อีกแล้ว
หารู้ไม่ว่าคราวนี้เป็นฝีมือของเซียวเหิงแทน มิใช่ซ่างกวานเยี่ยนแต่อย่างใด
“เหอะ!” ฝ่าบาทโกรธจนทุบกำปั้นลงโต๊ะ
จางเต๋อเฉวียน “…”
ในเมื่อเรื่องราวดำเนินมาขนาดนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะปกปิดตัวตนของเซียวเหิงอีกต่อไป ไม่ว่าฮ่องเต้จะทรงเดาเรื่องนี้ได้หรือไม่ ทว่าอีกไม่นานซ่างกวานฉีจะสารภาพความจริงทุกอย่างออกมาอยู่ดี
ทั้งเรื่องที่เขาคอยยุยงให้ตระกูลหนานกงไล่ล่าเซียวเหิงครั้งแล้วครั้งเล่า หากเรื่องราวทุกอย่างถูกเปิดโปง ตระกูลของเขาก็จะต้องล้มลง
ตระกูลทั้งสิบหาได้ไร้มลทินไม่ บุญคุณต้องทดแทน หากมีแค้นก็ย่อมต้องชำระไปตามระเบียบ เพียงแต่ทุกสิ่งมีลำดับความสำคัญ หากมีศัตรูที่แข็งแกร่ง ตระกูลใหญ่ๆ จะต้องรักษาความแข็งแกร่งไว้ก่อน
ทั้งซ่างกวานเยี่ยนและเซียวเหิงไม่มีความเห็นต่างในเรื่องนี้
คนเราไม่อาจถูกครอบงำด้วยความเกลียดชังที่อยู่ในใจเพียงอย่างเดียว เราเลือกจะแก้แค้นเมื่อไหร่ก็ได้ แต่อย่าได้ลืมที่จะปกป้องคนที่คู่ควร
ซ่างกวานเยี่ยน เซียวเหิง และกู้เจียวนั่งรถม้าคันเดียวกันมุ่งหน้าไปยังจวนกั๋วกง ขณะที่เยี่ยนซานจวินนั่งรถม้าของตัวเองตามหลังมาติดๆ
พอกู้เจียวนึกถึงใบหน้าของเยี่ยนซานจวินก็เกิดความสงสัย “ดวงตาของเขาไม่เหมือนกับพวกท่านเลย”
สีตาของเยี่ยนซานจวินต่างจากพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด
ซ่างกวานเยี่ยนได้ยินดังนั้นก็เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนอธิบาย “เยี่ยนซานจวินไม่ได้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของอดีตจักรพรรดิแต่อย่างใด บิดาผู้ให้กำเนิดของเขาเป็นชาวต่างแดน เพื่อรักษาพระพักตร์ราชวงศ์และป้องกันไม่ให้ไทเฮาถูกวิพากษ์วิจารณ์และลงโทษ ฝ่าบาทจึงโกหกกับโลกภายนอกว่าเขาเป็นโอรสมรณกรรมของอดีตจักรพรรดิ”
เซียวเหิงถึงกับเอ่ยไม่ออกหลังจากซ่างกวานเยี่ยนพรั่งพรูความลับอันน่าสะพรึงเช่นนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย
กู้เจียวร้องอ๋อ “มิน่าล่ะ ฮ่องเต้ถึงทรงไว้วางใจเยี่ยนซานจวินอย่างไม่สงวนท่า เพราะว่าเขาไม่สามารถคุกคามบัลลังก์ของฮ่องเต้ได้”
“เจ้าจะมองเช่นนั้นก็ได้” ซ่างกวานเยี่ยนเอ่ย
ถึงแม้เสด็จพ่อของนางเป็นคนแปลกๆ อยู่บ้าง แต่นางยืนยันได้ว่าเขารักและเอ็นดูเยี่ยนซานจวินและซ่างกวานชิ่งด้วยพระทัยจริง และที่แน่ๆ พวกเขาทั้งสองจะไม่ก่อภัยคุกคามต่ออำนาจของจักรวรรดิอย่างแน่นอน
“แล้วเยี่ยนซานจวินรู้เรื่องนี้หรือไม่” กู้เจียวถาม
“เขารู้เรื่องนี้ก็จริง แต่เขาไม่ใส่ใจอยู่ดี ไทเฮาทรงประสูติพระราชโอรสในวัยชรา พอไทเฮาสิ้นพระชนม์ได้ไม่นาน ฝ่าบาทก็ทรงรับหน้าที่เลี้ยงดูเขาต่อ สำหรับเขาแล้ว ฝ่าบาทเป็นทั้งพ่อและพี่ชายในคนเดียวกัน ทรงปฏิบัติต่อพระองค์ด้วยความรักอย่างจริงใจ เป็นความสัมพันธ์ที่เรียกได้ว่าหาได้ยากในราชวงศ์”
“คงเพราะพวกเขาไม่มีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง” กู้เจียวเอ่ย
“เยี่ยนซานจวินเป็นคนเสเพล ไม่ยอมแต่งงาน องค์หญิงน้อยเองก็กำเนิดขึ้นมาจากความฉาบฉวย” ซ่างกวานเยี่ยนถอนหายใจ
เขาไม่เป็นผู้ใหญ่พอที่จะเป็นพ่อคนได้
นั่นทำให้ฮ่องเต้ต้องเลี้ยงดูทั้งเขาและลูกสาวของเขาด้วย เรียกได้ว่าที่ผ่านมาทรงลำบากไม่น้อยเลยทีเดียว
“พวกเจ้านินทาอะไรข้าอยู่รึ” จู่ๆ รถม้าเยี่ยนซานจวินเคลื่อนมาขนาบที่ข้างรถม้าของพวกเขา “หลานสาวตัวน้อยของข้า อยากหาเรื่องอีกแล้วหรือ”
“หม่อมฉันทะเลาะกับท่านอาเจ็ดตั้งหลายครั้ง แต่ไม่ยักเห็นว่าท่านจะเคยชนะหม่อมฉันเลยสักครั้ง ดังนั้นใครกันแน่ที่อยากมีเรื่อง”
แม้เยี่ยนซานจวินจะอาวุโสกว่าในแง่ของยศ แต่เพราะเขามีอายุใกล้เคียงกับซ่างกวานเยี่ยน อีกทั้งพวกเขาก็เติบโตมาด้วยกัน จึงทำให้พวกเขามักจะทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง
ด้วยความที่ซ่างกวานเยี่ยนได้รับการเลี้ยงดูอย่างเพียบพร้อมและมีความเป็นเซวียนหยวนอยู่ในสายเลือด ทำให้ความสามารถของนางเหนือกว่าเขาเป็นไหนๆ
เยี่ยนซานจวินกระตุกมุมปากด้วยความรู้สึกหลอนเล็กน้อย เขากัดฟันแน่นพร้อมกับคิดในใจว่าชาตินี้คงเอาชนะแม่นางคนนี้ไม่ได้แล้วกระมัง
ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของเซียวเหิง เขายิ้มและเอ่ย “ดูเหมือนบุตรชายเจ้าจะไม่รู้ศิลปะการต่อสู้สินะ ตอนเด็กๆ คงถูกรังแกอยู่บ่อยครั้งละสิ”
ประโยคนี้ของเขามีความหมายแฝงอยู่มากมาย
สีหน้าของซ่างกวานเยี่ยนและคนอื่นๆ แทบไม่เปลี่ยนไปเลยราวกับไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาเอ่ย
“กระหม่อมไม่เคยถูกรังแกขอรับ เพราะมีหลงอีอยู่ข้างๆ ” เซียวเหิงตอบ
ใครหน้าไหนก็ตามที่กล้ารังแกเขาจะถูกหลงอีทุบตีราวกับกระสอบทราย
เยี่ยนซานจวินที่อยากเรียกความมั่นใจตัวเองกลับคืนมาโดยการเอ่ยเหน็บแนมเซียวเหิง “…”
“จอดรถ” เยี่ยนซานจวินโพล่งขึ้น
จากนั้นเขาก็ลงจากรถม้าของตัวเอง แล้วขึ้นไปบนรถม้าของกั๋วกง
ซ่างกวานเยี่ยนมองลุงเจ็ดของนางผู้ซึ่งโดนตัวเองแกล้งตั้งแต่เด็กจนโตด้วยสายตาลองดี “จะมาเบียดในรถคันเดียวกันเพื่ออะไร”
เยี่ยนซานจวินสะบัดพัดขึ้น พร้อมกับหัวเราะ “ข้าก็กลัวเจ้าเหงาน่ะสิ เด็กสองคนรักกันขนาดนี้ เจ้ามาอยู่เป็นก้างขวางคอพวกเขาได้อย่างไร”
ดวงตากู้เจียวเบิกกว้างทันที แล้วพยักหน้าหงึกๆ
“ท่าน ท่านมองออกได้อย่างไร” ซ่างกวานเยี่ยนตกใจ
จากนั้นเยี่ยนซานจวินก็พับพัดลงแล้วชี้ไปที่ลำคอของกู้เจียว “ลูกกระเดือกไม่ขยับตอนเอ่ย”
ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่กู้เจียวคนเดียวที่คอยสังเกตเขา แต่เขาเองก็คอยจับตาดูกู้เจียวเช่นกัน
หากมองอีกแง่นึงจะพบว่าสองคนนี้มีความคล้ายกันตรงที่พวกเขาไม่มีความเขินอายเลยในการจ้องมองคนอื่นอย่างออกหน้าออกตา
“นี่ เป็นหลานสะใภ้ข้าหรือ”
ประโยคนี้ก็เป็นกับดักเช่นกัน
หากซ่างกวานเยี่ยนตอบว่าใช่ ก็เท่ากับยออมรับว่าเซียวเหิงเป็นหลานชายของเขา
แต่หากตอบว่าไม่ใช่ ก็เท่ากับไม่ยอมรับในความสัมพันธ์ของพวกเขา
“เหตุใดท่านถึงชอบพูดจาขุดหลุมให้คนอื่นนักนะ” ซ่างกวานเยี่ยนถลึงตาใส่เขา
“หรือว่า จะให้ข้าแลกเปลี่ยนความลับกับพวกเจ้าไหมล่ะ” เยี่ยนซานจวินยิ้มกริ่มพร้อมกับสะบัดพัดออก
ซ่างกวานเยี่ยนทำหน้ารังเกียจ “อย่างท่านจะมีความลับอะไรอีก”
“ก็อย่างเช่น เบื้องหลังความตายของตระกูลเซวียนหยวน”
ทั้งสามคนหูผึ่งพร้อมกันทันที
เยี่ยนซานจวินคิดในใจ ข้ารู้ว่าข้าไม่ควรทำหน้ายิ้มแบบนี้ แต่ดูพวกเจ้าสิ ออกอาการพร้อมกันเชียวนะ
“ในเมื่อพวกเจ้าอยากรู้ขนาดนี้ เช่นนั้นข้าเปลี่ยนใจดีกว่า ให้ข้าเล่าแบบนี้เลยดูจะง่ายไปหน่อยกระมัง ว่าแต่ ว่าแต่ใครใช้ให้พวกเจ้าดูแลอาเสวี่ยนานขนาดนั้นเล่า เอาละ ข้าเห็นแก่พวกเจ้า ข้าจะเล่าทุกอย่างให้หมดเปลือกเลย”
“อื้อ”
ทั้งซ่างกวานเยี่ยนและกู้เจียวต่างก็วางท่อนไม้ที่อยู่ในมือลงพร้อมกันด้วยความพึงพอใจ
ก่อนจะส่งสายตาเคร่งขรึมไปที่เขาราวกับกำลังบอกว่าหากยังลีลาไม่รีบเล่าละก็โดนทุบแน่
เยี่ยนซานจวินทำหน้าหดหู่ พลางนึกในใจ แค่ซ่างกวานเยี่ยนคนเดียวก็โหดพอแล้ว นี่มีหลานสะใภ้ป่าเถื่อนคนนี้มาเพิ่มอีก!
เขาถอนหายใจหนึ่งที แล้วเริ่มเล่าเรื่อง “พวกเจ้าคงเคยได้ยินเกี่ยวกับคำทำนายของกั๋วซือแล้วสินะ ‘ดาวจื่อเวยปรากฏขึ้น เซวียนหยวนจะได้เป็นใหญ่’ แต่พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าคำทำนายยังมีอีกสองประโยค”
“สองประโยคไหน” ทั้งกู้เจียวและซ่างกวานเยี่ยนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน