สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 82 สะใจ
“ท่านชายน้อย!”
แม่นมและบ่าวคนอื่นๆ รีบโค้งคำนับให้เขา
เถ้าแก่รองเองก็ยกมือขึ้นเพื่อแสดงความเคารพทักทาย
ในแคว้นเจา การแบ่งชนชั้นวรรณะเป็นเรื่องที่เข้มงวด พ่อค้าอย่างเถ้าแก่รอง เมื่อได้พบปะกับลูกท่านหลานเธอ ย่อมต้องแสดงความเคารพให้เป็นธรรมเนียม กู้เจียวเองก็เช่น เพียงแต่นางไม่ได้รู้สึกคุ้นชินกับการทำแบบนี้ก็เท่านั้นเอง
กู้เจียวยืนนิ่งๆ พลางจ้องเขม็งไปที่กู้เหยี่ยน
ขณะที่ทุกคนโค้งตัวลง กู้เจียวเลยดูเตะตามาที่สุดเพราะนางไม่ได้ทำท่าเหมือนคนอื่น
เถ้าแก่รองกระตุกแขนเสื้อกู้เจียว บอกให้นางโค้งตัวลงเสีย
แม้พวกเขาจะเป็นหมอผู้น่าเกรงขาม แต่กระนั้นก็ไม่ได้แปลว่าต้องเสียมารยาทให้คนไข้นี่นา
กู้เหยี่ยนไม่สนใจคนรอบข้าง เขาโบกมือทักทายกู้เจียว แล้วก็ไม่ได้มีท่าทีบังคับให้กู้เจียวต้องโค้งตัวให้เขา
จากนั้นกู้เหยี่ยนเบนหน้าไปทางแม่นม พลางเอ่ย “ต้องให้ข้าถามซ้ำอีกรึ”
แม่นมยังตกใจไม่หายกับเหตุการณ์เมื่อครู่ เลยลืมตอบคำถามท่านชายไปเสียสนิท พอได้สติก็รีบเล่าเหตุการณ์ที่กู้เจียวไม่ยอมเอาหมาน้อยจรจัดตัวนั้นไปปล่อย
ส่วนเรื่องดอกโบตั๋น แม่นมไม่ได้เอ่ยถึง เพราะนางไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
พวกบ่าวในจวนต่างรู้ดีว่าท่านชายกู้เหยี่ยนรังเกียจสัตว์ เมื่อไม่นานมานี้ คุณหนูกู้จิ่นอวี้เลี้ยงกระต่ายตัวนึงไว้ ไม่วายกูถูกท่านชายกู้เหยี่ยนบังคับให้ปล่อยเจ้ากระต่ายตัวนั้นออกไป พวกเขาคิดในใจว่าแม่สาวน้อยคนนี้เจอเรื่องเข้าให้แล้ว เดาไม่ถูกเลยว่านางจะโดนอะไรบ้าง!
และแล้ว กู้เหยี่ยนก็เห็นว่ากู้เจียวกำลังอุ้มสุนัขตัวน้อยถูกห่อด้วยผ่าที่เต็มไปด้วยคราบเลือด จากนั้นบรรยากาศก็เริ่มอึมครึม
แม่นมถอนหายใจ
ข้าบอกให้เจ้าเอาไปปล่อยเจ้าก็ไม่ฟัง งั้นก็รับมือกับท่านชายน้อยเองก็แล้วกัน
“สุนัขที่ไหนกัน” กู้เหยี่ยนเอ่ยถาม
“เพิ่งเก็บได้น่ะ” กู้เจียวเอ่ย “มันติดอยู่ในรั้วพุ่มไม้ แถมยังโดนหนามทิ่มทั่วตัว”
กู้เหยี่ยนหันไปมองตรงรั้วพุ่มไม้ที่ว่า
รั้วที่กู้เจียวดึงขึ้นมาบัดนี้ได้กลับไปอยู่ในสภาพเดิมแล้ว แต่ก็ยังเห็นเศษดินกระจายอยู่รอบๆ บ่งบอกว่าบริเวณนั้นมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น
สายตาอวี้หรูจับอยู่ที่พุ่มดอกโบตั๋นที่ร่วงหล่น จึงอุปาทานขึ้นมา “นางทำลายดอกโบตั๋นของคุณหนูนะเจ้าคะ! แค่เพราะสุนัขตัวนี้ตัวเดียว!”
อวี้หย่าเอ๋อร์จุปาก “เห็นๆ กันอยู่ว่าเจ้าเป็นคนทำ!”
“นางต่างหากที่ทำ” อวี้หรูตะโกนพลางชี้นิ้วไปที่กู้เจียว
“เจ้านั่นแหละที่ทำ!”อวี้หย่าเอ๋อร์ท้าวเอว
กู้เหยี่ยนเริ่มดึงหน้าตึงหนักกว่าเก่า ใครมองเข้ามาก็รู้ว่าเขากำลังจะบันดาลโทสะ
เนื่องจากกู้เหยี่ยนเป็นโรคหัวใจ หากเกิดโมโหโทโสขึ้นมา ประเดี๋ยวอาการจะกำเริบ ทั้งท่านโหวและโหวฮูหยินจึงต้องคอยประคบประหงมเขา ทั้งคู่มักจะมอบภาพวาดโบราณอันล้ำค่าให้กับเขา แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ากู้เหยี่ยนนำภาพเหล่านั้นไปทำลายเพื่อระบายอารมณ์
“พวกเจ้า หุบปากเดี๋ยวนี้!” แม่นมเอ่ยฉุนขาด
แล้วทั้งคู่ก็เงียบลง
กู้เหยี่ยนกวาดสายตามองไปรอบๆ จนมาหยุดอยู่ที่กู้เจียว พลางเอ่ยถาม “พวกเจ้าเห็นเหตุการณ์ว่านางเป็นคนทำใช่ไหม”
กู้เหยี่ยนจู่ๆ รับบทอัยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท บ่าวทุกคนหลุบตายอมรับแต่โดยดี
“ไม่…นางไม่ได้เป็นคนทำ…” อวี้หย่าเอ๋อร์เอ่ยขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันกดดัน เสียงเริ่มอ่อนลง
กู้เหยี่ยนเอ่ยถามนาง “พวกเขายอมรับแล้วว่านางเป็นคนทำ มีแต่เจ้าคนเดียวที่บอกว่านางไม่ได้เป็นคนทำ”
“นางไม่ได้ทำจริงๆ เจ้าค่ะ” สาวใช้เอ่ยเสียงอ่อน
อวี้หรูทำท่าเชิดคอพลางกระดกมุมปากอย่างได้ใจ
เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว คุณหนูจิ่นอวี้ถือว่าเป็นพี่สาวแท้ๆ ของท่านชายน้อย เขาจะเลือกเชื่อหญิงสาวบ้านนอกไร้ชื่อแทนที่จะเชื่อสาวใช้คนสนิทของพี่สาวตนเองได้อย่างไรกัน
ส่วนอวี้หย่าเอ๋อร์ก็เป็นแค่สาวใช้ปลายแถว ไม่มีคุณสมบัติที่จะรับใช้คุณนายน้อยอย่างใกล้ชิดแม้แต่นิด
แน่นอนว่าคำพูดของนางไม่มีน้ำหนักพอ
“ดีล่ะ” กู้เหยี่ยนพยักหน้า “เจ้าชื่ออะไร”
สาวใช้ทำหน้าขวัญกระเจิง พลางรีบตอบ “ข้าน้อยรึ…ข้าน้อยมีนามว่าอวี้หย่าเอ๋อร์เจ้าค่ะ”
จากนั้นกู้เหยี่ยนพูดเสียงดังฟังชัด “พวกเจ้าจงออกไปให้หมด! ยกเว้นโต้วหย่า”
“อวี้หย่าเจ้าค่ะ!”
เอ เดี๋ยวก่อนนะ ท่านชายน้อยไม่ไล่ตนออกไปรึ
อวี้หย่าเอ๋อร์เกิดใจวาบๆ หวำๆ เมื่อได้ยินคำสั่งของท่านชายกู้เหยี่ยน
บ่าวทุกคนเริ่มทำหน้าไม่สู้ดี พลางนึกสงสัยว่าเหตุใดท่านชายน้อยถึงลงโทษพวกเขาแทนที่จะเป็นสาวใช้คนนั้นกับผู้ช่วยหมอ
ทั้งเหตุการณ์ตรงนั้น มีเพียงแค่กู้เจียวคนเดียวที่ยังคงแสดงท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร ยังคงสีหน้าราบเรียบเสมอต้นเสมอปลาย จะพะวงก็แค่อาการของเจ้าสุนัขตัวน้อยในอ้อมอกของนางนี่ล่ะ
อวี้หรูคลานเข้าไปใกล้ๆ กู้เหยี่ยน “ท่านชายน้อย ข้า…”
มาข้งมาข้าอะไรกัน!
องครักษ์ส่วนตัวของกู้เหยี่ยนสองนายปรากฏตัวขึ้น แล้วลากอวี้หรูออกไปด้วยมือข้างเดียว รวมถึงบ่าวคนอื่นๆ ที่ใส่ร้ายกู้เจียวด้วย
ทหารยามที่เพิ่งจะวิ่งเข้ามาในเหตุการณ์หลังจากได้รับคำสั่งก็ทำหน้าเหวอ
สองคนนี้โผล่มาจากไหนกัน
ทำไมมาแย่งงานพวกเขาไปหน้าตาเฉยล่ะ
องค์รักษ์ลับผู้สวมชุดดำเมื่อเห็นพวกทหารยามก็นึกในใจ พวกเจ้าไม่รู้อะไรซะแล้ว
มีหรือที่พวกเขาจะพลาดโอกาสอันดีในการเอาหน้าท่านชาย
บ่าวทุกคนถูกลากออกไปจนหมด จะเหลือก็แต่แม่นมที่ยังอยู่ตรงนั้น
แม่นมเป็นบ่าวคนสนิทของแม่นางเหยา ทหารยามไม่กล้าแตะต้องนาง แต่องครักษ์ลับสองคนนั้นกลับลากนางออกไปโดยไม่เอ่ยอะไร
แม่นมตะโกนร้อง “พวกเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! ข้าต้องพบฮูหยิน! ข้าต้องพบฮูหยิน!”
ชู่ว!
หนึ่งในองครักษ์กดเข้าไปที่ท้ายทอยของแม่นม แล้วนางก็เงียบลง
พวกทหารยามพากันชูนิ้วโป้งให้พวกเขา พลางเอ่ยชื่นชมในใจที่พวกเขากล้าแตะต้องนาง
พอลากคนออกไปเสร็จ พวกองค์รักษ์ลับก็หายตัววับไป
พวกเขาคืออาวุธลับของท่านชายยามที่ท่านชายต้องการ และกลายเป็นอาการเมื่อท่านชายไม่ได้เรียกใช้งานแล้ว
เถ้าแก่รองยืนอ้าปากค้างมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
กู้เหยี่ยนให้บ่าววางเกี้ยวลง จากนั้นเขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ากู้เจียว แล้วคลี่ยิ้มให้นาง พลางเอ่ยถามด้วยเสียงนุ่ม ”เป็นไงล่ะ สะใจดีไหม”
เถ้าแก่รองเมื่อเห็นดังนั้นก็พูดในใจ เดี๋ยวก่อนนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ท่านชายน้อยสั่งให้คนมาหิ้วบ่าวออกไปก็เพื่อความสะใจของนางเนี่ยนะ
กู้เจียวครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วพยักหน้า “สะใจสิ”
ท่านชายน้อยเมื่อได้ยินคำตอบถึงกับหุบยิ้มไม่ลง แถมฉีกยิ้มหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เดิมเขาเป็นชายหนุ่มรูปงามอยู่แล้ว พอได้เผยรอยยิ้มออกมาเช่นนี้ ราวกับโลกทั้งใบพลันสดใสขึ้นมาในทันตา
“เจ้านี่เลือดออกใหญ่เลย คงเจ็บหนักน่าดูสินะ” กู้เหยี่ยนถามถึงเจ้าหมาน้อย
“อือ ข้าต้องหาที่ห้ามเลือดให้เขาก่อน”
“มาที่ห้องข้าสิ”
กู้เหยี่ยนจึงพากู้เจียวมายังห้องของตน “โต้วหย่า ไปหาผ้านวมสะอาดๆ มาให้ที”
ข้าน้อยชื่ออวี้หย่าเจ้าค่ะ!!!
อวี้หย่าเอ๋อร์ท้าวสะเอวพลางบ่นอุบอิบ
จากนั้นจึงทำหน้าบูดเดินไปหยิบผ้านวมแล้วปูบนโต๊ะหนังสือที่ห้องท่านชายน้อย
กู้เจียวหยิบยาม่วงขึ้นมาทาบริเวณรอยแผลบนตัวเจ้าหมา จากนั้นนำยาห้ามเลือดที่นางตำเองกับมือออกมาทาต่อ รอยแผลบางจุดต้องใช้ผ้าตาข่ายพันไว้
“ที่นี่มีนมแพะไหม” กู้เจียวเอ่ยถาม
“มีสิ โต้วหยา!” กู้เหยี่ยนตะโกนเรียกอวี้หย่าเอ๋อร์ให้ไปหยิบนมแพะมาให้
สุนัขตัวน้อยค่อยๆ เลียนมแพะเรื่อยๆ จนหมด เสร็จแล้วก็ผล็อยหลับไป
กู้เหยี่ยนนั่งไขว่ห้างบนเตียง หยิบอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ของกู้เจียวมาเล่น
เขาหยิบเครื่องช่วยฟังขึ้นมาใส่ ก้มหน้าลง จากนั้นเลื่อนไปที่บริเวณหัวใจ แล้วเลื่อนไปที่บริเวณหน้าท้อง
โห!
นี่ร่างกายเขาร้องเสียงดังขนาดนี้เลยหรือ!
ท่านชายน้อยจอมขวางโลกบัดนี้ได้กลายร่างเป็นเด็กน้อยจอมซนไปเสียแล้ว
จากนั้นหมอเฒ่าก็เข้ามาตรวจร่างกายให้เขา
กู้เหยี่ยนให้ความร่วมมืออย่างดี ท่าทีของเขาดีเกินเสียจนหมอเฒ่าเริ่มจะหวั่นใจ
ผลตรวจชีพจรของกู้เหยี่ยนเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง แม้จะยังไม่เทียบเท่ากับคนปกติ แต่หากเทียบกับครั้งก่อนก็นับว่าดีขึ้นหลายเท่าเลย