สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 853 ชัยชนะเหนือทหารจิ้น (1)
บทที่ 853 ชัยชนะเหนือทหารจิ้น (1)
หมอกหนาจางหาย ในป่ากลายเป็นสีดำทะมึนทั้งผืน
ราชาผีออกคำสั่งขึ้นมา พร้อมกับทหารผีดำทมิฬรอบด้านราวกับทหารหยินข้ามภพแดน เจือกลิ่นอายมรณะมุ่งเข้าประชิดกองทัพใหญ่แคว้นจิ้นที่อยู่ในป่า
ฝีมือของทหารจิ้นไม่ใช่อ่อนด้อย เรียกได้ว่าห้าวหาญชำนาญศึกอย่างยิ่งเสียด้วยซ้ำ
หากสืบสาวย้อนไปถึงประวัติศาสตร์แคว้นจิ้นก็เป็นตระกูลเดียวกันกับทูเจวี๋ย ชนเผ่าที่ใหญ่ที่สุดครองอำนาจกษัตริย์ แล้วเนรเทศชนเผ่าเหล่านั้นที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ออกไป นี่จึงมีทูเจวี๋ยรุ่นต่อมา
สาเหตุที่ทูเจวี๋ยไม่ถูกทั้งหกแคว้นยอมรับ หนึ่งในนั้นเพราะมีความสัมพันธ์กับแคว้นจิ้นนั่นแล
ในเนื้อแท้ของชาวแคว้นจิ้นมีสายเลือดแห่งการกระหายสงครามไหลเวียนอยู่ หากอยู่ในสนามรบที่ตามกฎตามกติกา กองทัพใหญ่ห้าร้อยนายกองนี้อาจจะต้านกำลังทหารสามเท้าได้ แต่ยามนี้ ทหารจิ้นพวกนี้ถูกเค้าลางภูตผีทำเสียขวัญไปหมดแล้ว
กิ่งไม้ใบไม้ที่ขยับไหวเองทั้งที่ไร้ลม ต้นไม้ใหญ่ที่หลั่งโลหิตอย่างพิศวง ศพนกที่ร่วงระนาวลงมาเกลื่อนพื้นเพราะโดนกลิ่นอายมรณะกัดกิน… แต่ละเรื่องแต่ละราวล้วนชวนขนลุกชูชันสันหลังเย็นวาบ!
หรือว่าพวกเขาจะมายังแดนหยินเข้าจริงๆ แล้วอย่างไรเล่า
ทหารผีที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาเหล่านี้ล้วนเป็นผีร้ายที่ออกมาจากประตูผีหรือ
สิ่งที่สวมใส่บนตัวทหารผีพวกนี้หาใช่เกราะใหม่เอี่ยมที่สมบูรณ์ แต่เป็นเศษชิ้นส่วนไม่สมบูรณ์ ถึงขนาดมีฝุ่นเกราะอยู่ไม่น้อย บ้างก็ขึ้นสนิม บ้างก็มีคราบโลหิตแห้งกรังเปื้อนอยู่เต็มไปหมด
ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่านี่เป็นผีร้ายที่ฟื้นคืนชีพจากสนามรบ
พวกเขาไม่อาจทำภารกิจอันหนักอึ้งได้สำเร็จในแดนหยาง หลังจากเข้าสู่แดนหยินจึงยังจดจำได้อยู่
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ดื่มน้ำลืมเลือน ไม่ดื่มน้ำแกงยายเมิ่ง และไม่ขึ้นสะพานไน่เหอ
ทุกค่ำคืนพวกเขาจะฟื้นคืนชีพด้วยความยึดติดก่อนตาย สังหารข้าศึกที่รุกรานเข้ามา สังหารพวกเขา สังหารพวกเขาให้สิ้น!
“อ้ากกก”
ทหารจิ้นนายหนึ่งก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว แข้งขาอ่อนยวบทั้งสองข้าง ล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น
ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ดินที่อ่อนนุ่มนิ่มก็ขยับไหว มือกระดูกขาวโพลนข้างหนึ่งโผล่ขึ้นมา คว้าข้อเท้าของทหารจิ้นนายนั้นเอาไว้หมับ!
ทหารจิ้นนายนั้นตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ!
เขาพลิกตัวกลับ ลุกล้มคลุกคลานวิ่งไปทางที่มา ทว่ายังวิ่งไม่ถึงก้าวก็ต้องตกใจกับมือกระดูกโผล่ออกมาจากดินข้างแล้วข้างเล่าจนขวัญหายนิ่งอยู่ที่เดิม!
“ประตูผีเปิดแล้ว… มีผีจริงๆ …”
ทหารจิ้นนายหนึ่งตกใจจนสติแตก
อารมณ์สามารถส่งผลต่อกันได้ เมื่อคนหนึ่งสติแตกแล้ว ก็จะมีคนที่สอง คนที่สาม คนที่สี่…
จนกระทั่งทั้งกองทัพสติกระเจิงกันหมด
นักปราชญ์กล่าวว่า ขงจื๊อไม่พูดสอนเรื่องอำนาจลี้ลับและทวยเทพ
แต่นักปราชญ์ก็กล่าวด้วยว่า เหนือศีรษะเพียงสามฉื่อก็มีเทพเฝ้ามอง
พวกเขาเป็นข้าศึกที่รุกรานแคว้นเยี่ยน วิญญาณผีทหารแคว้นเยี่ยนเหล่านี้ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปแน่!
ทำสงครามกับคนเป็นไม่น่ากลัว เพราะคนเป็นนั้นตายได้
แต่ทหารผีเดิมทีก็เป็นคนตายอยู่แล้ว พวกเขาไม่อาจตายซ้ำสองได้อีก
ทหารจิ้นสติแตกไปหมดแล้ว บ้างร้อง บ้างหนี เหลือกำลังทหารอยู่ไม่ถึงหนึ่งในสามส่วนที่เรียกความกล้าทำศึก
กำลังทหารเหล่านี้เทียบไม่ได้เลยเมื่ออยู่ต่อหน้าทหารผีจำนวนมหาศาล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าสีหน้าเปลือกนอกพวกเขาสงบนิ่ง แต่ภายในใจนั้นสติแตกไม่เป็นกระบวนไปนานแล้ว
กู้เจียวกับเฮยอู๋ฉางน้อยนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มือกระดูกข้างหนึ่งโผล่ทะลุดินขึ้นมา คว้าข้อเท้าขวาของกู้เจียวไว้
กู้เจียวส่งเสียงอ้อ ดึงมือกระดูกข้างนั้นออกมาโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
โครงกระดูกที่จู่ๆ ก็ไร้มือ “…”
เจ้ามีมารยาทหรือไม่
“อ้อ เป็นกระดูกคนตายจริงๆ หรือนี่” หลังจากกู้เจียวถือมาดูเสร็จ ก็วางไว้บนโครงกระดูกใต้ดินเสียงดังกร๊อบโครงกระดูก “…”
ก็ได้ ข้าไปก็ได้
หมิ่นหงอีเห็นกำลังทหารของตัวเองล้มลงระนาว ก็โมโหจนเส้นเอ็นขมับเต้นตุบๆ
เมื่อครู่เขาสังเกตเห็นแล้ว ในป่านี้ไม่มีทหารผีสามพันนายเลยด้วยซ้ำ คนผู้นั้นแค่พล่ามบอก จงใจทำลายขวัญกำลังใจทหารจิ้น!
แล้วก็พวกสิ่งที่เรียกว่าโครงกระดูกนี่…
หมิ่นหงอีใช้ดาบฟันมือกระดูกที่โผล่ขึ้นมาแถวๆ นั้น
เป๊าะ!
มือกระดูกกลายเป็นผงแล้ว!
และสิ่งที่ตามมาคือเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดจากใต้ดิน
ฟังสิ ฟังสิ คนตายกลัวเจ็บรึ
เป็นพวกคนเป็นแสร้งทำผีหลอกทั้งสิ้น!
แต่ต่อให้เขาเอ่ยออกมาเช่นนี้ ก็ปลอบขวัญทหารที่หลบหนีไม่ได้อยู่ดี
ยามนี้ มีแต่ต้องสังหารแม่ทัพของทหารผีฝูงนี้เท่านั้น ซึ่งก็คือราชาผีนั่นที่ยืนออกคำสั่งอยู่บนเกี้ยว!
รอให้เขาตัดหัวราชาผีได้ก่อน แผนการร้ายที่เรียกว่าทหารผีสามพันพวกนี้ก็จะพังทลายลังโดยไม่ต้องโจมตีเลย!
เฮยอู๋ฉางเป็นผีน้อยที่ไหวพริบดี เขาเห็นหมิ่นหงอีไม่ได้สังเกตสังกาทางตน ก็อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันระวัง คลานจากพื้นไปยังเกี้ยวขององค์ราชาผีเงียบๆ
เขาเพิ่งจะคลานไปได้หนึ่งเมตร หมิ่นหงอีก็เปิดการโจมตีใส่ราชาผีทันที
เขาคุกเข่าหมอบลงที่เดิมสามวินาที ก่อนจะคลานกลับมาอย่างไวว่อง หลบหลังกู้เจียวต่อ
ร่วมมั่งคั่งรุ่งเรืองกับองค์ราชาผี แต่ไม่ขอร่วมเป็นตายกับองค์ราชาผี
บุรุษจ้องความเคลื่อนไหวของหมิ่นหงอีอยู่ตลอด
เห็นเขาง้างดาบโจมตีมาทางตน มุมปากบุรุษก็หยักยกขึ้น กางแขนออกสองข้าง แขนเสื้อกว้างพลิ้วไหวในรัตติกาล ตัวเขาค่อยๆ ลอยขึ้นกลางอากาศ ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ก่อนจะหายลับไปทั้งอย่างนั้น!
หมิ่นหงอีตกใจยกใหญ่!
ลมหายใจเขาสะดุด เกือบจะร่วงลงมาจากอากาศ!
เกิดอะไรขึ้น
คนเป็นๆ คนหนึ่งหายวับไปต่อหน้าต่อตาตนได้อย่างไร
ไม่ใช่การหายตัวที่วิชาตัวเบาเยี่ยมยอด การเคลื่อนไหวรวดเร็วเหลือคณนา หลบหนีไปไกลลิบอย่างรวดเร็วเยี่ยงนั้น แต่เป็น…หายวับไปกับอากาศเลย!
หมิ่นหงอีทะยานตัวลงบนเกี้ยวของบุรุษ คนหามเกี้ยวไม่รู้หายไปไหนแล้ว เกี้ยวไม่ได้ร่อนลงมาเป็นเพราะใต้เกี้ยวมีเสาไม้ค้ำยันไว้อย่างมั่นคง
หมิ่นหงอีขมวดคิ้วอย่างเย็นชา ทอดมองรอบๆ อย่างระแวดระวัง ก่อนจะเอ่ยท้าทาย “ข้าไม่เชื่อหรอก! มีปัญญาก็ออกมาสิ! เจ้าเอาชนะข้าได้! ข้าจะยอมรับว่าเจ้าเป็นราชาแห่งเขาผี!”
ไม่มีผู้ใดตอบสนองเขา
ราชาผีตูดสุนัข นึกไม่ถึงว่าจะไม่หลงกลการท้าทาย!
หมิ่นหงอีเบนสายตาไป เหลือบเห็นกู้เจียวกำลังจะจากไปกับเฮยอู๋ฉางน้อย
หมิ่นหงอีกำดาบใหญ่ในมือแน่น สายตาเหี้ยมโหดเอ่ย “ในเมื่อเป็นพวกเดียวกัน เช่นนั้นฆ่าเจ้าก่อนก็เหมือนกัน!”
เขาเอ่ยจบก็ทะยานตัวขึ้นไล่สังหารไปทางกู้เจียว!
กู้เจียวสองหูขยับไหว เบี่ยงกายหลบ มือขวาพลิกไปผลักเฮยอู๋ฉางน้อยมาด้านหลัง แล้วยกเท้าข้างหนึ่งขึ้น โจมตีท่อนล่างของหมิ่นหงอี!
หมิ่นหงอีทะยานตัวขึ้นกลางอากาศ หลบการโจมตีของนาง
วิถีดาบของเขารวดเร็วมาก กระบวนหนึ่งเพิ่งปล่อยออกไป อีกกระบวนก็ฟันเข้าใส่กู้เจียวแล้ว!
น่าชังนัก ไม่มีอาวุธ!
กู้เจียวถูกบีบให้ถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
“พี่ชายน้อย! เอาไป!”
เฮยอู๋ฉางน้อยไม่รู้ไปเอากระบี่ยาวมาจากที่ใด โยนมาให้กู้เจียว
กู้เจียวรับไว้ในมือ ต้านดาบเอาไว้ พลางเอ่ยกับเขา “ข้าใช้กระบี่ไม่เป็น!”
“อ้อ! เช่นนั้นก็อันนี้!”
เฮยอู๋ฉางน้อยโยนดาบยาวมาให้กู้เจียวอีก
กู้เจียว “ก็ไม่เป็น!”
ค้อนดาวตก!
กระบองเขี้ยวหมาป่า!
กระบองตีสุนัข!
…
“พี่ชายน้อย รับไว้!”
กู้เจียวพลิกมือคว้าอาวุธสุดท้ายที่โยนมา หมุนเหนือศีรษะ ก่อนฟาดทวนลงไป กระแทกดาบยาวของหมิ่นหงอีลงบนพื้นที่ฝุ่นฟุ้งตลบอบอวล!