สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 874 แม่ลูกพบพาน
บ
ทที่ 874 แม่ลูกพบพาน
ซ่างกวานเยี่ยนไม่เคยไปที่เขากุ่ยซานมาก่อน มู่ชิงเฉินก็เช่นกัน หนึ่งในผู้ร่วมทางของพวกเขามีทหารนายหนึ่งที่เป็นคนพื้นที่เมืองผู่ ทว่าเขาชำนาญแค่เส้นทางบนดินเท่านั้น
ทุกคนต่างมึนงงกับอุโมงค์ลับแห่งนี้
พวกเขาเดินทางมาถึงหน้าทางแยกแห่งหนึ่ง
“ต้องไป…ทางไหนต่อ” ซ่างกวานเยี่ยนถาม
มู่ชิงเฉินยกตะเกียงส่องไปยังแผนที่ “ทางขวาขอรับ”
แม้กู้เจียวจะเป็นคนที่มีลายมือไม่เอาไหน แต่เมื่อเป็นแผนที่ นางสามารถวาดออกมาได้ดีและไม่มีจุดใดที่ชวนสับสน
มู่ชิงเฉินเดินนำทางต่อ ซ่างกวานเยี่ยนรีบเดิมตามไปติดๆ ด้วยใจที่อยากเจอลูกชายโดยเร็ว
พอเดินไปได้พักหนึ่ง มู่ชิงเฉินสังเกตจังหวะหายใจของซ่างกวานเยี่ยนเริ่มแปลกไป จึงหยุดเดินแล้วหันกลับมาถามไถ่ “ฝ่าบาท ไหวหรือไม่ขอรับ”
ซ่างกวานเยี่ยนยกมือปาดเหงื่อแล้วส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่ในนี้อากาศไม่ค่อยถ่ายเทเท่าไหร่นัก”
มู่ชิงเฉินเงยหน้าขึ้น มองไปรอบๆ “ทางเดินใต้ดินประเภทนี้ควรมีช่องระบายอากาศ แต่อาจเพราะฝนตก ดังนั้นช่องระบายอากาศบางแห่งอาจถูกโคลนปิดกั้น”
พวกเขาเป็นชายหนุ่มและเป็นนักรบ เลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการหายใจนัก
ทว่าซ่างกวานเยี่ยนไม่เหมือนกับพวกเขา นางเป็นสตรี อีกทั้งยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ด้วย
มู่ชิงเฉินมองดูแผนที่แล้วเอ่ย “ฝ่าบาท โปรดทรงอดทนอีกนิด เมื่อเดินต่อไปอีกหน่อย ทางเดินจะกว้างขึ้นขอรับ”
“อื้อ” ซ่างกวานเยี่ยนพยักหน้าพร้อมกับเอามือกุมอก
พอเดินไปได้สักพัก ทางในอุโมงค์จากที่แคบๆ ก็เริ่มขยายกว้างจนสามารถเดินได้สองคนต่อแถว
ซ่างกวานเยี่ยนเริ่มหายใจได้สะดวกขึ้น และเริ่มมีแรงในการวิเคราะห์เส้นทางในอุโมงค์นี้ได้ต่อ
มู่ชิงเฉินเห็นด้วย “นั่นสิขอรับ ช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก”
ขนาดฝ่ายโยธาของวังก็ไม่อาจสร้างทางอุโมงค์ที่พิศวงและลึกลับได้ขนาดนี้เลย
ที่น่าสนใจกว่าก็คือ เหตุใดถึงได้สร้างมันขึ้นมา
หากอุโมงค์ลักษณะนี้ถูกสร้างขึ้นในวังของเจ้าเมืองหรือในค่ายทหาร เรียกได้ว่าเป็นเส้นทางที่สะดวกให้กองทหารอพยพ
แต่ดันมาอยู่ในพื้นที่ไกลปืนเที่ยงอย่างเขากุ่ยซานแบบนี้
ชวนให้สงสัยจริงๆ ว่าเพราะเหตุใด
ราวกับว่า… มีคนคาดการณ์ถึงภัยพิบัติในที่แห่งนี้และสร้างอุโมงค์ล่วงหน้าเพื่อช่วยพวกเขา
มู่ชิงเฉินรีบส่ายศีรษะ
สงสัยช่วงนี้เขาจะออกรบหนักไปหน่อยจนเริ่มเพี้ยนแล้ว
เอาละ เลิกฟุ้งซ่าน ตั้งใจตามหาพระราชนัดดาให้ได้เร็วที่สุด!
พวกเขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงทางสุดท้ายบนแผนที่
“ฝ่าบาทขอรับ หลังจากเลี้ยวขวาไปก็จะถึงอุโมงค์ด้านหลังเขา ซึ่งเป็นฐานทัพที่เซวียนหยวนฉีเคยอาศัยอยู่ขอรับ” มู่ชิงเฉินหล่าว
เขาเองก็รู้เรื่องของเซวียนหยวนฉีแล้ว
“เข้าใจแล้ว” ซ่างกวานเยี่ยนตอบพร้อมกับถือชุดเกราะไว้ที่เอว
มู่ชิงเฉินเห็นการเคลื่อนไหวโดยไม่ได้ตั้งใจของอีกฝ่าย จึงถาม “กระหม่อมลืมไปว่าฝ่าบาทยังได้รับบาดเจ็บ ทำไมฝ่าบาทไม่พักอยู่ที่นี่สักพัก เดี๋ยวกระหม่อมจะไปตรวจดูทางให้ก่อน”
“ข้าดีขึ้นแล้ว เพียงแต่ไม่เคยเดินเท้านานขนาดนี้ ก็เลยรู้สึกปวดเมื่อยเล็กน้อย” ซ่างกวานเยี่ยนตอบ
นางไม่อยากหยุดอยู่ที่เดิมนานๆ นางอยากเจอลูกชายเร็วๆ แล้ว
มู่ชิงเฉินทำอะไรไม่ได้นอกจากตามใจเจ้านาย
ไม่นานพวกเขาก็เดินทางมึงถ้ำหลังเขา และเนื่องจากต้องรีบไปช่วยพระราชนัดดาก็เลยไม่ได้หยุดแวะนาน และรีบเดินไปตามแผนที่ต่อ พวกเขาเปิดกลไกตามที่กู้เจียวแนะนำ พอกดเสร็จก็ปรากฏอุโมงค์ที่เปิดขึ้นอีกทาง
“ลิ่วหลังบอกว่าที่นี่อยู่ใกล้กับหมู่บ้าน พวกเราอาจได้ยินความเคลื่อนไหวของพวกทหารแคว้นจิ้นขอรับ” มู่ชิงเฉินเอ่ย
ซ่างกวานเยี่ยนจึงพยายามเงี่ยหูฟัง “แต่ไม่เห็นจะได้ยินอะไรเลย”
“นั่นสิขอรับ” มู่ชิงเฉินพยักหน้า
“หรือว่าพวกมันถอนทัพกันไปหมดแล้ว” ซ่างกวานเยี่ยนถาม
มู่ชิงเฉินวิเคราะห์ “ก็เป็นไปได้เช่นกันขอรับ เมื่อครู่ตอนพวกเราไปถึงถ้ำหลังเขา กระหม่อมสังเกตเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว ตอนที่พวกเราเข้าไปในประตูเมืองทางใต้ พวกตระกูลหันก็ถูกปราบไปแล้ว เท่ากับว่าประตูเมืองทางใต้ควรจะถูกยึดอย่างสมบูรณ์แล้ว แม่ทัพหวังหม่านกับแม่ทัพฉางเวยกำลังบุกโจมตีประตูทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเช่นกัน แม้ว่าประตูทิศเหนือจะอยู่ไกลออกไป แต่แม่ทัพเซียวและแม่ทัพถังน่าจะไปถึงที่นั่นในไม่ช้า”
สงครามเกิดรอบด้านเช่นนี้ ไม่มีทางที่พวกทหารแคว้นจิ้นจะไม่ถอยทัพออกไปจากที่นี่
“เอ๋”
ทันใดนั้น มู่ชิงเฉินมาหยุดอยู่ตรงหน้าบริเวณถ้ำเล็กๆ อีกแห่งหนึ่งที่สามารถรองรับคนได้หลายสิบคน
“มีอะไรรึ” ซ่างกวานเยี่ยนถาม
มู่ชิงเฉินมองไปที่ผนังถ้ำตรงหน้า จากนั้นก้มดูแผนที่ในมือ ก่อนจะเอ่ย “แผนที่เขียนว่าควรมีทางเดินอยู่ตรงนี้ แต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว”
“มีอะไรเกิดขึ้นจนทำให้ทางถูกปิดหรือไม่”
ทันทีที่เอ่ยจบ กำแพงตรงหน้าเขาก็ค่อยๆ ขยับ ประตูหินก็ถูกเปิดออก และร่างที่คุ้นเคยก็โผล่ออกมา
ดวงตาซ่างกวานเยี่ยนเบิกกว้างในทันที “ชิ่งเอ๋อร์!”
ซ่างกวานชิ่งสวมชุดผ้าสีขาวเรียบๆ สะอาดตาและสง่างาม หน้ากากบนใบหน้าของเขาถูกถอดออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เกือบจะเหมือนกับเซียวเหิงทุกประการ โดยมีไฝน้ำตาที่มีเสน่ห์ใต้ตาขวาของเขา
แม้ว่าใบหน้าของพวกเขาจะเหมือนกัน แต่ซ่างกวานเยี่ยนก็ยังสามารถแยกลูกชายทั้งสองออกจากกันได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าลูกชายไม่เป็นอะไร ซ่างกวานเยี่ยนก็ยิ้มอย่างมีความสุข
แต่วินาทีต่อมา นางก็หุบยิ้มลงทันที
เพราะยังมีอีกคนอยู่ตรงนั้น
ซ่างกวานเยี่ยนยิ้มเอ่ย “กงซุนอวี่”
กงซุนอวี่ยืนอยู่ข้างซ่างกวนชิ่ง ด้านหลังเขามีปรมาจารย์อีกห้าคนออกมา หนึ่งในนั้นคือผู้อาวุโสลู่ และอีกคนคือเซี่ยซิงโจว
เซี่ยสิงโจวยกกระบี่ขึ้นมาจ่อที่หลังของซ่างกวานชิ่ง
คงไม่มีใครคาดคิดว่ากงซุนอวี่จะมาที่เขากุ่ยซาน แทนที่จะกลับไปป้องกันเมืองตัวเอง!
มู่ชิงเฉินและผู้ติดตามคนอื่นๆ เริ่มชักกระบี่และคุ้มกันให้ซ่างกวานเยี่ยน
“กงซุนอวี่ นี่เจ้าคิดจะทำอะไร” ซ่างกวานเยี่ยนสลัดภาพลักษณ์มารดาผู้โอบอ้อมอารีออกไป เหลือเพียงแค่ภาพลักษณ์องค์หญิงที่สุดแสนจะเย็นชา
กงซุนอวี่ตอบกลับด้วยท่าทีไม่แปลกใจ “องค์หญิงแห่งแคว้นเยียน ไม่เจอกันหลายปี ยังจำข้าได้ด้วยหรือ”
ซ่างกวานเยี่ยนแสยะยิ้ม “คนที่แพ้ให้กับกระบี่ของพี่ชายข้า ไยข้าจะจำไม่ได้”
ครั้งหนึ่งแคว้นจิ้นเคยส่งทูตเดินทางมาที่แคว้นเยี่ยน เซวียนหยวนเซิ่งและกงซุนอวี่จึงได้มีโอกาสประลองฝีมือด้วยกัน ผลปรากฏกงซุนอวี่แพ้
กงซุนอวี่ไม่แสดงท่าทีหวั่นไหว ก่อนโต้กลับด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง “น่าเสียดายที่เซวียนหยวนเซิ่งตายไปแล้ว ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ จะให้ข้าสู้กับเขาอีกก็ได้”
การตายของเซวียนหยวนเซิ่งนั้นเป็นหนามที่ทิ่มแทงใจของซ่างกวานเยี่ยนมาโดยตลอด เขาไม่ได้ตายด้วยน้ำมือของศัตรู แต่ตายคาหอกพู่แดงของเขาเอง
เป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้ายิ่งนัก!
แม้ซ่างกวานเยี่ยนจะกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ทว่าสีหน้าของนางยังคงเรียบเฉย “แม้พี่ชายของข้าจะไม่อยู่แล้ว แต่ยังมีพี่เจ็ดอยู่ หากเจ้ามีโอกาสก็ลองไปท้าทายเขาได้ แต่ข้าขอเดาว่าตอนจบคงไม่ต่างจากเมื่อหลายปีก่อนนักหรอก”
กงซุนอวี่หัวเราะเบาๆ “อวดดีจริงๆ ”
ซ่างกวานเยี่ยนตอบกลับอย่างเลือดเย็น “อย่าพูดให้มากความ แน่จริงก็ออกไปสู้กันสักตั้ง”
“ในเมื่อพวกเจ้าอยู่ในกำมือของข้าแล้ว เหตุใดต้องสู้ด้วยล่ะ องค์หญิงจะยอมจำนนเอง หรือจะให้คนของข้าลงมือ” กงซุนอวี่แสยะยิ้ม
มู่ชิงเฉินยกกระบี่ขึ้น
กงซุนอวี่ยังคงจ้องไปทางซ่างกวานเยี่ยนโดยที่ไม่สนใจมู่ชิงเฉิน “ท่านน่าจะเข้าใจดีว่าคนของท่านไม่มีวันสู้ข้าได้ แต่ถ้าท่านอยากให้พวกเขาตายเปล่า ก็แล้วแต่ท่าน”
“ชิงเฉิน ถอยออกไป” ซ่างกวานเยี่ยนเอ่ย
มู่ชิงเฉินรีบหันกลับมาทันที “แต่ฝ่าบาท!”
“ฟังที่ข้าเอ่ยน่ะ” ซ่างกวานเยี่ยนเอ่ย
จากนั้นก็หันไปมองกงซุนอวี่ “ข้ากับพระนัดดาจะไปกับเจ้า แต่เจ้าต้องปล่อยพวกเขาไป”
“ได้” กงซุนอวี่รับปาก
ผู้อาวุโสลู่รีบแย้งทันที “แต่ ท่านแม่ทัพ ถ้าปล่อยพวกมันออกไป พวกมันอาจจะไปตามกองกำลังมาเพิ่ม…”
กงซุนอวี่จึงเอ่ยตามอำเภอใจ “ก็ปล่อยให้พวกมันไปตามมาสิ เรามีคนสำคัญของพวกมันอยู่ในมือซะอย่าง กองกำลังจะมาอีกกี่ร้อยอีกกี่พันคนแล้วอย่างไร ข้าเอ่ยถูกไหมองค์หญิง”
ซ่างกวานเยี่ยนเบือนหน้าหนีทันที
กงซุนอวี่โบกมือปัด
เซี่ยสิงโจวชี้ปลายกระบี่ไปที่มู่ชิงเฉินและคนอื่นๆ “นายท่านเลือกที่จะปล่อยพวกเจ้าออกไป แล้วเหตุใดถึงยังไม่ออกไปกันอีกล่ะ ถ้ายังไม่ออกอีก ข้าจะลงมือละนะ!”
ซ่างกวานชิ่งเอ่ยขึ้น “พวกเจ้าออกไปเถอะ นี่เป็นบัญชา!”
พวกเขามิอาจละเมิดบัญชาทหารได้!
มู่ชิงเฉินกำหมัดแน่น คุกเข่าลงข้างหนึ่งด้วยกระบี่ในมือแล้วคำนับ “ชิงเฉินทูลลาพ่ะย่ะค่ะ!”
แล้วพวกเขาก็เดินกลับไปตามทางเดิม
จากนั้นซ่างกวานเยี่ยนก็รีบพุ่งตรงมาหาลูกชายของนาง ยกมือขึ้นแตะแก้มบางๆ ของเขา แล้วถามอย่างเป็นกังวล “ดูสิ ซูบไปตั้งเยอะ แล้วใครใช้ให้ลูกมาที่ชายแดน ไม่เชื่อฟังกันบ้างเลย”
ซ่างกวานชิ่งก้มหน้าลง “ลูกผิดไปแล้ว”
“แล้วนี่กินยาหรือยัง” ซ่างกวานเยี่ยนถามต่อ
“วันนี้ยังเลย” ซ่างกวานชิ่งทำหน้าเศร้า
“เพราอะไรถึงไม่กินยาล่ะ” ซ่างกวานเยี่ยนถาม
จากนั้นซ่างกวานชิ่งก็หันไปทางอีกฝ่าย
ซ่างกวานเยี่ยนขมวดคิ้วพร้อมกับหันไปดุด่ากงซุนอวี่ “พวกเจ้าเอายาของลูกข้าไปใช่ไหม เอาคืนมาเดี๋ยวนี้! ถ้าลูกข้าเป็นอะไรไปนะ ข้าจะฆ่าตัวตายมันตรงนี้เลย! ดูซิว่าเจ้าจะใช้อะไรไปต่อรองกับกองทัพแคว้นเยียนได้อีก!”
กงซุนอวี่จึงเอ่ยขึ้นเบาๆ “เอาคืนเขาไป”
เซี่ยสิงโจวจึงเปิดสัมภาระที่เขาขโมยมาจากซ่างกวานชิ่ง ในนั้นเต็มไปด้วยขวดและกระป๋อง “ไหนยาของเจ้า”
ซ่างกวานชิ่งชี้นิ้ว “นั่นไง”
เซี่ยสิงโจว “อันไหน”
ซ่างกวานชิ่ง “นั่นไง”
“เอ้า หาเอง!”
ซ่างกวานชิ่งหยิบสัมภาระขึ้นมา นั่งยองๆ กับพื้น จากนั้นหยิบขวดยาขึ้นมา แกะขวดออก แล้วยกดื่ม
เซี่ยสิงโจวถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะระแวงว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน…
ทันใดนั้น ซ่างกวานชิ่งก็ยกมือกุมหน้าอกและล้มลงกับพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด “เจ้า…เจ้า…วางยาพิษข้า…”
“ข้าเปล่านะ!” เซี่ยสิงโจวเริ่มหน้าเสีย
เมื่อเห็นลูกชายเกลือกกลิ้งบนพื้นด้วยความเจ็บปวด ซ่างกวานเยี่ยนจึงรีบวิ่งเข้ามาดู “ชิ่งเอ๋อร์——”
“อ๊ากกก” ซ่างกวานชิ่งออกอาการทุรนทุรายจนเอามือตบกำแพงหิน!
ทันใดนั้น เสียงแผ่นดินเคลื่อนตัวดังขึ้น ปรากฏพื้นดินเกิดแยกตัวออกจากกัน และแล้วร่างของซ่างกวานเยี่ยนและซ่างกวานชิ่งก็ตกลงไปข้างล่าง!
เซี่ยสิงโจวรีบกระโดดพุ่งตัวเข้าไปแล้วใช้สองมือดันง้างประตูหินที่กำลังปิดลง
และในตอนนั้นเองที่เขาได้เห็นใบหน้ายิ้มกริ่มจากอีกฝ่าย
ใบ้หน้ายิ้มกริ่มของซ่างกวานชิ่งนอนอยู่บนพื้นหญ้านุ่มๆ พร้อมกับถือบ้องไฟยักษ์ในมือ ท่าทีของเขาต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิงราวกับคนละคน
ซ่างกวานชิ่งยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง “ลาก่อน แม่ทัพเซี่ย”
ปั้ง!
ร่างของเซี่ยสิงโจวลอยขึ้นอากาศทันที!
……………………………………………………………………..