สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 878 พ่อลูกพบพาน
บทที่ 878 พ่อลูกพบพาน
ร่างของซ่างกวานชิ่งถูกวางอยู่ในถ้ำที่แอบอยู่ตรงหลังกำแพงอุโมงค์นี้ ซึ่งไม่ได้มีขนาดใหญ่นัก คนที่มีรูปร่างสูงเช่นเขาจึงรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย
ไข่มุกแสงราตรีที่ติดอยู่บนกำแพงสะท้อนกับแสงจนเกิดประกายระยิบระยับ เผยให้เห็นใบหน้าอันซีดเซียวของเด็กหนุ่ม
นี่เป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปีที่เซวียนผิงโหวได้พบกับลูกชายของเขา
ใบหน้าของซ่างกวานชิ่งกับเซียวเหิงแทบจะคล้ายกันทุกประการ
อันที่จริง ใบหน้าของเซียวชิ่งเดิมทีไม่ได้เป็นเช่นนี้ แต่เป็นเพราะที่ผ่านมาเขาต้องพยายามทำตัวให้เหมือนเซียวเหิงมาโดยตลอด เพื่อไม่ให้คนสงสัยว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของซ่างกวานเยี่ยน
เมื่อได้รู้เช่นนี้ เซวียนผิงโหวก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ
เขาคุกเข่าลง พร้อมกับจ้องมองไปที่ลูกชายด้วยสายตาอาวรณ์
ครั้นอยากจะเอ่ยอะไรสักอย่าง แต่กลับเอ่ยไม่ออก
แม้ใครๆ มักจะบอกว่าพวกทหารมักพูดไม่เก่งนัก แต่เขาหาใช่คนแบบนั้นไม่
แต่ว่าวินาทีนี้ เขาเอ่ยไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียวจริงๆ
เซวียนผิงโหวทำได้เพียงยื่นมือไปสะกิดที่หัวไหล่ของลูกชายเบาๆ
เขาทำด้วยความระมัดระวัง เพราะกลัวลูกชายจะไม่พอใจ
ทันทีที่นิ้วของเขาสัมผัสได้ถึงไออุ่นของร่างกายอีกฝ่าย ก็พลันนึกอะไรขึ้นได้
“ฉังจิ่ง!”
“ทำอะไรน่ะ”
ฉังจิ่งสะดุ้งทันที เขากำลังใช้ความคิดว่าจะช่วยเหลืออย่างไรดี
“คบเพลิง!” เซวียนผิงโหวตะโกนอย่างดุดัน
หลังจากที่ติดตามเซวียนผิงโหวมานาน ฉังจิ่งรู้ดีว่าเวลาเขาเอาจริงขึ้นมาแสดงว่าเรื่องนั้นต้องสาหัสจริงๆ
จากนั้นเซวียนผิงโหวก็เริ่มตรวจร่างกายของลูกชายเพื่อดูว่ามีอาการบาดเจ็บภายนอกเช่นกระดูกหักหรือไม่ หลังจากแน่ใจว่าไม่มีอาการบาดเจ็บ ก็ย้ายมาตรวจชีพจรและลมหายใจของเขา
แม้เขาจะไม่ใช่หมอ แต่ก็พอจับทางอาการบาดเจ็บภายนอกและภายในได้บ้าง
“เหตุใดชีพจรถึงได้อ่อนแบบนี้ ไม่ได้มีแผลช้ำนอกช้ำในอะไรเลยนี่นา”
ฉังจิ่งจึงเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนเขากำลังจะตายแล้ว”
“ฉังจิ่ง!” เซวียนผิงโหวกำหมัดแน่น
ฉังจิ่งรีบถอยหลังสามก้าวทันทีเพื่อลดแรงปะทะของอีกฝ่าย
อันที่จริงฉังจิ่งก็ไม่ได้เอ่ยผิดตรงไหน ซ่างกวานชิ่งเริ่มจะไม่ไหวแล้ว พิษในร่างกายของเขาออกฤทธิ์รุนแรงขึ้น ซ้ำยังไม่มียาถอนพิษ
“หรือว่า จะเป็นเพราะยาพิษ…” เซวียนผิงโหวมีความสงสัยที่คลุมเครือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซ่างกวานเยี่ยนเคยบอกว่าทุกเดือน พิษในร่างกายของเขาจะกำเริบ แต่ไม่ได้เป็นแบบนี้บ่อยนัก และเขามักจะพกยาแก้พิษติดตัวไปด้วยเสมอ…
เซวียนผิงโหวพยายามหายาถอนพิษแล้ว แต่ก็หาไม่เจอ
สีหน้าของเขาเริ่มไม่สู้ดี
ทันใดนั้น เขาตัดสินใจถอดชุดเกราะออก แล้วแบกร่างของซ่างกวานชิ่งขึ้นหลัง จากนั้นเดินไปที่ทางออก
“ไปไหนรึ” ฉังจิ่งถาม
“ประตูทิศใต้อย่างไรเล่า” เซวียนผิงโหวตอบกลับ
กู้เจียวอยู่ที่นั่น
ฉังจิ่งมองเลือดจากแผลที่หัวไหล่ของเซวียนผิงโหวที่กำลังหยดลงบนพื้น แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ
“เหตุใดต้องถอดชุดเกราะด้วย” ฉังจิ่งถาม เพราะเขารู้ว่าด้านนอกนั้นพวกเขาอาจเจอการโจมตีจากศัตรูอีก
“มันหนักน่ะ” เซวียนผิงโหวตอบ
เดี๋ยวชุดเกราะมันไปเสียดสีกับลูกชาย
พวกเขาเข้ามาทางอุโมงค์ที่พวกทหารแคว้นจิ้นขุดไว้ ซึ่งทางออกอยู่ตรงหมู่บ้าน และพวกทหารแคว้นจิ้นก็กำลังราดน้ำมันก๊าดไปทั่วทุกที่
เซวียนผิงโหวเห็นแสวงสว่างที่ส่องเข้ามาจากปากทางออกจึงเดินมุ่งไปตรงนั้น แต่แล้วก็มีเงาของร่างสูงปรากฏพร้อมกับบ้องไฟที่คุ้นเคย
เซวียนผิงโหวหยุดฝีเท้าลงในทันที
ฉังจิ่งที่เดินตามหลังมาก็เช่นกัน
เซวียนผิงโหวจ้องผู้อาวุโสลู่ด้วยสายตาที่เย็นชา “หลีกทางซะ! วันนี้ข้ายังไม่อยากฆ่าคน!”
“ไม่ธรรมดาเลยนะ ที่รอดพ้นจากเงื้อมมือของกงซุนอวี่มาได้ แม้ว่าข้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่ว่า อาวุธชิ้นนี้ในมือข้า เจ้าจะสู้ไหวหรือไม่”
แน่นอนว่าสู้ไม่ไหวหรอก!
เซวียนผิงโหวผู้ซึ่งไม่เคยเห็นของเล่นเช่นนี้มาก่อนก็เลยไม่ใส่ใจ
และในตอนนั้นเอง จู่ๆ ซ่างกวานชิ่งก็ฟื้นขึ้น
เขาพยายามลืมตาขึ้น ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวเพราะพิษไข้
เขามองไปทางบ้องไฟในมือของผู้อาวุโสลู่ จากนั้นจึงพยายามกระซิบกับเซวียนผิงโหว “ไม่ต้องกลัว เจ้านั่นมันถือกลับด้าน”
แม้เสียงของเขาจะเบามาก ทว่าผู้อาวุโสลู่ได้ยินทุกอย่าง
เขาย่นคิ้วลง และพยายามพลิกบ้องไฟให้ไปอีกด้าน เซวียนผิงโหวจึงอาศัยจังหวะนี้กระโดดขึ้น
น่าเสียดายที่เขาประเมินความเร็วของบ้องไฟต่ำไป
แรงของมันเร็วกว่าธนูหลายร้อยเท่า!
ผู้อาวุโสลู่กดไกปืนขณะที่ร่างของเซวียนผิงโหวกำลังลอยอยู่กลางอากาศ และทันใดนั้น เสียงระเบิดก็ดังขึ้น!
ให้ตายเถอะ!
นี่มันอาวุธบ้าอะไรกัน!
ร่างของผู้อาวุโสลู่ถูกบ้องไฟอัดเข้าจนร่างลอยพุ่งออกไปทันที!
บ้องไฟตกลงไปบนพื้น
“หึๆ โง่จริงๆ ” ซ่างกวานชิ่งหัวเราะเบาๆ
เซวียนผิงโหว “???”
ซ่างกวานชิ่งไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังถูกพ่อแท้ๆ แบกร่างไว้อยู่ และไม่รู้ด้วยว่าพ่อแท้ๆ ของเขากำลังตกใจกับความเจ้าเล่ห์ของเขามากขนาดไหน
เขาแค่รู้สึกว่าแผ่นหลังของคนๆ นี้ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย
ชายหนุ่มหลับตาลงด้วยความรู้สึกเวียนศีรษะ เอนหัวไปที่หลังของเซวียนผิงโหว แล้วเอ่ยให้กำลังใจ “ไม่ต้องกลัวนะ ถ้าออกไปได้แล้ว ข้าจะเลี้ยงสุราเจ้า แล้วจะพาไปหอนางโลมด้วย”
เซวียนผิงโหวแทบจะลมจับหลังจากได้ยินสิ่งที่ลูกชายเอ่ยออกมา!
เขาเริ่มจะเข้าใจหัวอกของฉินเฟิงหว่านที่อยากจะทุบตีเขาให้ตายทุกครั้งแล้ว!
แล้วซ่างกวานชิ่งก็สลบไปอีกครั้ง
เซวียนผิงโหวเองก็อยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกัน เกิดมาสี่สิบปี ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้มาก่อน
เรื่องนี้ต้องโทษอาหังเลย ปล่อยให้เขามีความหวังว่าลูกชายของเขาทุกคนจะต้องเรียบร้อยและปกติเหมือนคนทั่วไป
โชคดีที่บังเอิญเจอซ่างกวานเยี่ยนและมู่ชิงเฉิน
และเมื่อพวกเขาเห็นว่าเซวียนผิงโหวกำลังแบกร่างของใครอีกคนไว้บนหลัง
“ชิ่งเอ๋อร์!”
ซ่างกวานเยี่ยนช่างสมกับเป็นแม่คน เห็นแค่ศีรษะโผล่ออกมาเพียงเล็กน้อยก็รู้แล้วว่าเป็นลูกชายของตัวเอง
นางวิ่งไปที่เซวียนผิงโหวอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจถามว่าทำไมเขาถึงมาโผล่ที่นี่ แต่กลับถามแทน “พิษในร่างชิ่งเอ่อร์กำเริบอีกแล้วใช่ไหม”
เซวียนผิงโหว “ไม่รู้ รู้แค่ว่าอาการของเขาแย่มาก”
“ไหนข้าขอดูหน่อย” ซ่างกวานเยี่ยนยื่นมือออกมา
เซวียนผิงโหวจึงค่อยๆ วางลูกชายลง คุกเข่าลงข้างหนึ่ง และอุ้มลูกชายไว้ในอ้อมแขนเพื่อให้ซ่างกวานเยี่ยนมองเห็นได้ง่ายขึ้น
“พิษกำเริบจริงด้วย” ซ่างกวานเยี่ยนเอ่ย
ซ่างกวานชิ่งมักมีอาการแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนคนเป็นแม่เห็นบ่อยจนชินแล้ว
นางหยิบขวดกระเบื้องเคลือบออกมา เปิดจุกออก แล้วหยิบยาออกมา
“เอาน้ำไหม” เซวียนผิงโหวถาม
“ไม่ต้อง ยานี้ละลายในปากได้” จางนั้นนางก็ยัดเม็ดยาเข้าไปในปากของลูกชาย แล้วอธิบาย “ตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขากลืนไม่เก่งนัก ราชครูก็เลยปรับปรุงสูตรยาเพื่อให้เขากินยาได้ง่ายขึ้น”
เซวียนผิงโหวนิ่งไปทันที
เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าเด็กคนนี้โตมาได้อย่างไร
“เจ้า…คงเหนื่อยน่าดู”
การดูแลเด็กที่ป่วยนั้นยากกว่าการดูแลเด็กปกติมาก
ซ่างกวานเยี่ยนชะงักมือที่กำลังเช็ดเหงื่อให้ลูกชาย พร้อมกับเอ่ยเบาๆ “แค่เจ้าไม่เกลียดข้าก็พอ”
เซวียนผิงโหวถอนหายใจ “ให้เป็นเรื่องของอดีตไปแล้วกัน”
“ซิ่นหยางจะเกลียดข้าไหม” ซ่างกวานเยี่ยนกำผ้าเช็ดเหงื่อในมือแน่น
เซวียนผิงโหวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบไป “ไม่รู้สิ”
…
มีทหารมากกว่าสามร้อยนายและชาวบ้านมากกว่าห้าร้อยคนซ่อนตัวอยู่ใต้อุโมงค์ พวกเขาเหลือเวลาไม่มาก ต้องช่วยเหลือพวกเขาออกมาให้ได้ทันที หรือไม่ก็กำจัดพวกทหารแคว้นจิ้น
วิธีที่เร็วที่สุดคือตามล่าและกำจัดกงซุนอวี่
มู่ชิงเฉินและฉังจิ่งกลับเข้าไปในอุโมงค์อีกครั้งเพื่อตามหากงซุนอวี่ แต่ไม่เป็นผล!
กงซุนอวี่ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว เขาถูกจูจางขวางพาตัวออกไปแล้ว
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในป่า
จูจางขวางมองเสื้อเกราะที่เปื้อนเลือดของอีกฝ่ายอย่างเป็นกังวล “นายท่านไหวหรือไม่ขอรับ”
ชายคนนั้นใช้กระบี่เจาะเกราะที่แข็งขนาดนี้ได้อย่างไร!
“ข้าไม่ได้เจ็บขนาดนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง แล้วเจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด ข้าสั่งให้เจ้าคุ้มกันอยู่ที่ประตูเมืองทิศเหนือมิใช่รึ” กงซุนอวี่ถาม
จูจางขวางเอ่ย “ข้าน้อยเห็นพวกทหารแคว้นเยี่ยนนำกองกำลังกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าไปยังภูเขาผี เลยเกิดกังวลว่าอาจนายท่านกำลังมีภัย ก็เลยรีบมาที่นี่ขอรับ ที่นั่นมีนายพลเฉิงคอยคุ้มกันอยู่ โปรดนายท่านวางใจเถิดขอรับ! ว่าแต่ เซี่ยสิงโจวละขอรับ”
กงซุนอวี่ขมวดคิ้วแน่น “เขาตายแล้ว”
จูจางขวางตกตะลึง “ว่าอย่างไรนะ”
“ข้าดูถูกเจ้าเด็กคนนั้นเกินไป เห็นว่าโดนพิษตั้งแต่เด็ก ก็นึกว่าทำอะไรไม่เป็น…แล้วเย่ว์หลิ่วอีละ” กงซุนอวี่ถาม
“ตามรายงาน นางถูกพวกทหารแคว้นเยี่ยนเล่นงานขอรับ… เกรงว่า… โอกาสรอดออกไปคงยาก” จูจางขวงเอ่ย
สามในสี่ของนายพลใหญ่ถูกกำจัดไปแล้ว
กงซุนอวี่กำหมัดชกต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ จนนกที่อยู่บนต้นไม้ตกใจกลัวกระพือปีกหนีไป!
ใบหน้าของเขาไม่โดดเดี่ยวและสงบเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แต่กลับเผยให้เห็นถึงความวิตกกังวลและความเกลียดชังที่รุนแรง
เขากัดฟันแล้วเอ่ย “เกิดอะไรขึ้นกับแคว้นเยี่ยน ตระกูลเซวียนหยวนตายแล้ว และเจ้าแห่งเงาทมิฬก็ด้วย! เหตุใดยังจัดการได้ยากขนาดนี้!”
“ไหนใครบอกว่าตระกูลเซวียนหยวนและเจ้าแห่งเงาทมิฬตายแล้ว!”
ทันใดนั้น เสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและจิตสังหารก็ดังขึ้น
เหลี่ยวเฉินกระโดดลงมาจากกิ่งไม้ด้วยท่วงท่าที่เบาหวิวคล้ายก้อนเมฆก่อนจะแตะพื้นอย่างสง่างาม
เขามาพร้อมกับกระบี่ชิงเฟิงสามฉื่อ ชี้ไปทางกงซุนอวี่ด้วยความเหี้ยมหาญ “ข้าคือเซวียนหยวนเจิง เจ้าแห่งเงาทมิฬคนที่สาม มาที่นี่เพื่อปลิดชีวิตของเจ้า กงซุนอวี่!”