สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 898-2 ถอนพิษได้สำเร็จ (2)
บทที่ 898 ถอนพิษได้สำเร็จ (2)
……….
ปัง!
ประตูเรือนถูกถีบออกอย่างอุกอาจ จนบานประตูเกิดหันและร่วงไปโดนต้นไม้ที่องค์หญิงปลูกไว้ในกระถาง
ขณะที่พวกบ่าวกำลังจะหันไปต่อว่า คนคนนั้นก็เดินบุ่มบ่ามเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกันเอ่ย “บร๊ะ(พระ)ราชนัดดา! ก้า (ข้า) นำผู้บัญชาการนุ้ย (น้อย) มาส่งบั้นฉา (บัญชา) ตามเยีย (ยา) ขอรับ!”
ทุกคนล้วนทำหน้าเหวอ นี่มัน…ภาษาอะไรนี่
ทหารเงาทมิฬกระแอมหนึ่งทีแล้วเอ่ย “ไม่ใช่สิ! ต้องบอกว่า ก้า (ข้า) นำเยีย (ยา) มาส่งตามบั้นฉา (บัญชา) ของผู้บัญชาการนุ้ย (น้อย) ขอรับ! ขออภัยที่ข้ารีบจนเอ่ยรวน!”
“รีบเอามาให้ข้า!” เซียวเหิงรีบเดินไปหาทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายเดินเข้ามา
ทหารเงาทมิฬผู้นี้เคยเห็นภาพวาดของเซียวเหิง จึงประสานมือแล้วรีบยื่นยาให้เขา
มียาอยู่ด้วยกันสองขวด พร้อมกับคำอธิบาย
คำอธิบายเขียนไว้ว่า ให้ใช้ยาสีขาวในขวดสีขาวก่อน ซึ่งสกัดมาจากผลของจื่อเฉ่า ไม่มีพิษ หากอาการไม่ดีขึ้น ค่อยใช้ยาสีน้ำตาลที่อยู่ในขวดสีหยก ซึ่งเป็นยาที่สกัดจากจื่อเฉ่า และเป็นยาที่มีพิษ
คำอธิบายเขียนด้วยลายมือของกู้เจียว
เซียวเหิงอ่านจบโดยไม่มีคำถามหรือข้อสงสัยใดๆ เขารีบวิ่งกลับไปที่ห้อง อ้าปากของช่างกวานชิ่ง แล้วป้อนยาสีขาว
“เขาไม่กลืนมันลงไปเลย!” เซียวเหิงเริ่มหน้าเสีย
“เดี๋ยวข้าช่วยเอง!”
ทหารเงาทมิฬรีบพุ่งตัวเข้ามาในห้อง จากนั้นใช้ฝ่ามือตบลงไปที่หน้าอกของซ่างกวานชิ่ง จนยานั้นไหลลงไปผ่านลำคอและลงไปที่กะเพราะของช่างกวานชิ่ง
องค์หญิงซิ่นหยางมองทหารเงาทมิฬสลับกับมองเซียวเหิงด้วยสีหน้าผวา “นี่เจ้าให้เขากินอะไรเข้าไปรึ”
เซียวเหิงจึงตอบไป “เจียวเจียวให้คนเอา เอ่อ…ยา…มาส่งให้”
จะบอกว่าเป็นยาถอนพิษก็คงไม่ถูก เพราะเขาไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือไม่
หากไม่ได้ผล อาจต้องเอายาอีกตัวให้ช่างกวานชิ่งกิน ซึ่งมันคือยาพิษที่ขึ้นชื่อว่าโอกาสรอดมีเพียงหนึ่งในสิบ
หนึ่งในสิบอะไรกัน หนึ่งในหมื่นเสียมากกว่ากระมัง
ยังไม่รู้ด้วยว่าหากรอดมาได้ จะมีอาการข้างเคียงอะไรบ้าง
ช่างกวานชิ่ง เจ้าต้องดีขึ้นให้จงได้นะ
ถ้าเจ้าหายดีแล้ว ข้าจะเรียกเจ้าว่าท่านพี่ชาย จะให้เรียกกี่ครั้งก็ย่อมได้
ทว่าตอนนี้ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้น
เซียวเหิงมองดูขวดสีหยกด้วยมือที่สั่นเทา อย่าบอกนะว่า จะต้องลองใช้ยาพิษนี้ดู…
“เดี๋ยวๆๆ ! ตู (ดู) นั่นสิ!” ทหารเงาทมิฬชี้นิ้วไปที่นิ้วมือของช่างกวานชิ่ง “เขาขยับแล้ว! ขยับแล้ว!”
ทุกคนจึงหันไปที่ช่างกวานชิ่งทันที
แม้นิ้วของช่างกวานชิ่งจะขยับแค่เพียงเล็กน้อย แต่อย่างน้อยก็ขยับ
ทหารเงาทมิฬจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของช่างกวานชิ่ง พร้อมกับเอ่ย “หน้าผากของเขามว่าย (ไม่) ข้ำ (คล้ำ) แล้ว!”
องค์หญิงซิ่นหยางน้ำตาอาบแก้มมองไปทางเซียวเหิง “เขาเอ่ยอะไร ข้าฟังไม่เข้าใจ…”
ทันใดนั้น เซียวเหิงก็แสดงใบหน้าคลี่ยิ้มราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก “เขาบอกว่าหน้าผากของท่านพี่ไม่คล้ำแล้ว… นี่เป็นสัญญาณว่าพิษในร่างกายของเขาค่อยๆ หายไป…ผลของจื่อเฉ่าได้ผลจริงๆ ด้วย…ไม่ต้องให้เขากินยาพิษจากจื่อเฉ่าแล้ว…”
มีหลายความรู้สึกเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน มันซับซ้อนเสียยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่ากำลังจะสูญเสียช่างกวานชิ่งเสียอีก
ความรู้สึกตอนนั้นคือความเศร้าโศก ราวกับภูเขาน้ำแข็งที่ไม่อาจละลายใต้แสงอาทิตย์อันร้อนแรง แต่ตอนนี้ ภูเขาน้ำแข็งนั้นได้ถูกทำลายลง ความรู้สึกดีใจที่ปะทุขึ้นราวกับลาวาที่ระเบิดออกมาจากภูเขาไฟ
เลือดกำลังสูบฉีดไปทั่วร่างกายของเขาจนร้อนรุ่ม
“จริงๆ เลย…”
ก้นเซียวเหิงกระแทกลงไปที่พื้นเต็มๆ พร้อมกับยกมือปาดน้ำตา
นอกจากที่หน้าผากที่หายคล้ำ ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรนอกเหนือจากนั้น
“เกิดอะไรขึ้นอีกละคราวนี้” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยถามพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำ “แล้วไยเขายังไม่ฟื้นอีก…”
“มว่าย (ไม่) เร็วขนาดนั้น!” ทหารเงาทมิฬเอ่ย “เขาได้รับพิษมานาน ต้องใช้เวลา มียาเหลือเยอะหรือไม่”
เซียวเหิงมองยาที่เต็มขวด “เหลือเยอะ!”
ทหารเงาทมิฬเอ่ยต่อ “เช่นนั้นก็เพียงพอแล้ว! ให้เขากินเยีย (ยา) ทุกวัน เตี๋ยว (เดี๋ยว) ก็ฟื้นเอง!”
เซียวเหิงอุ้มซ่างกวานชิ่งวางไว้ที่เตียง
พลางคิดในใจ ถ้าเกิดว่าอาการไม่ดีขึ้น แล้วต้องใช้ยาพิษขึ้นมา จะทำอย่างไรดีนะ
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาว จังหวะหายใจของซ่างกวานชิ่งเริ่มดีขึ้น แม้ใบหน้ายังซีดเหมือนเดิม แต่สีหน้าของความเจ็บปวดเริ่มคลายลงไปพอสมควร
แสดงว่าอาการของเขาเริ่มทุเลาลง
เซียวเหิงเดาว่าที่ซ่างกวานชิ่งหลับยาวเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะพิษในร่างกายของเขายังไม่เสื่อมลง แต่อาจเป็นเพราะร่างกายของเขาได้รับความทรมานมาเป็นเวลานาน และทำให้เขาไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ร่างกายของเขาน่าจะเบาขึ้นบ้าง ถึงได้นอนหลับเต็มอิ่มขนาดนี้
เซียวเหิงหันไปเอ่ยกับองค์หญิงที่กำลังแบกครรภ์นั่งลงที่ข้างเตียง “ท่านแม่ไม่ต้องกังวลไป ผลของจื่อเฉ่าได้ผลดีมาก ท่านพี่จะต้องหายดีอย่างแน่นอน”
“อื้อ” องค์หญิงซิ่นหยางพยักหน้าทั้งน้ำตา
ความรู้สึกที่สูญเสียคนรักและการได้คนรักกลับคืนมาเป็นอะไรที่ยากเกินกว่าจะบรรยาย นางเคยสูญเสียชิ่งเอ่อร์มาแล้วครั้งหนึ่ง และหากมันจเกิดขึ้นอีกครั้ง นางรู้ดีว่านางคงหมดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่
องค์หญิงร้องไห้จนเสียงหาย ตาบวมเป่ง และดูอิดโรยไปมาก
หากไปรับแขกในสภาพนี้ คงเสียมารยาทน่าดู
เขาเอ่ยกับเซียวเหิง “ทหารคนนั้น ข้าฝากขอบคุณเขาด้วย เมื่อครู่นี้ข้ามัวแต่เศร้าโศกจนไม่ได้ดูแลแขกเลย ดูเหมือนเขาจะได้รับบาดเจ็บ ประเดี๋ยวหมอหลวงก็เข้ามาแล้ว ให้หมอช่วยดูอาการของเขาด้วยล่ะ”
“ขอรับ”
มารดาของเขายังคงมีความละเอียดอ่อนเช่นเคย
ขนาดอยู่ในความทุกข์ ทักษะการสังเกตยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เพียงแต่ตอนนั้นนางยังไม่อยู่ในอารมณ์ พอเริ่มสงบลงแล้วถึงได้ดีขึ้นมาบ้าง
นี่เป็นทักษะที่น้อยคนนักจะมี
ทหารเงาทมิฬคนนั้นยังอยู่ที่โถงทางเดิน เขาต้องกลับไปรายงานสถานการณ์ถึงอาการของซ่างกวานชิ่ง
เซียวเหิงเดินออกมาจากห้อง แล้วประสานมือให้เขา “วันนี้ พวกเราต้องขอบคุณท่านเป็นอย่างยิ่ง ข้าไม่ทราบนามของท่านเลย”
ทหารเงาทมิฬยกมือเกาหัวด้วยความเคอะเขิน “ขออภัยที่ข้าถีบประตูของท่าง (ท่าน) จนพัง…”
เซียวเหิงได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ “ไม่เป็นไร เห็นว่าท่านได้รับบาดเจ็บ เชิญไปนั่งรอที่ห้องรับรองก่อน ประเดี๋ยวหมอหลวงก็มาแล้ว”
อวี้จิ่นไปเชิญหมอหลวงให้มาที่นี่เป็นที่เรียบร้อย หนึ่งคือเพื่อให้มาดูอาการของท่านชาย และสองคือมาดูอาการของแขกท่านนี้
“ข้าน้อยมว่ายเป็นราย (ไม่เป็นไร) ! ข้าน้อยมีนามว่าเกาเฉียง เกาเฉียงที่แปลว่าเก่งกาจ! ฝ่าบาท… เช่นนั้น อาการของบุรุษผู้นี้… ข้าน้อยต้องกลับไปรายงานข่าวขอรับ!”
กู้เจียวไม่ได้บอกเขาว่าต้องส่งยาให้ใคร ทหารของเงาทมิฬรับคำสั่งและทำตามหน้าที่เท่านั้น ไม่ถนัดสืบข่าวเท่าใดนัก
เกาเฉียงรีบอธิบาย “ข้าน้อยไม่ได้ยินที่ท่านเรียกบุรุษท่านนั้นว่าท่านพี่ ไม่ได้ยินเลยขอรับ!”
เซียวเหิงได้ยินดังนั้นก็หัวเราะทันที ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจึงคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องปิดบังตัวตนของเขา
“รอหมอหลวงมาถึงที่นี่ก่อน จากนั้นเจ้าค่อยกลับไปรายงานให้นายของเจ้าก็ได้” เซียวเหิงเอ่ย
เกาเฉียงพิจารณาคำเอ่ยของเซียวเหิงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบออกไป “ขอรับ!”
เซียวเหิงชายตามองไปทางลานนอกเรือน พลันนึกอะไรขึ้นได้ จึงหันไปถามเกาเฉียง “ว่าแต่ ท่านพ่อของข้าไม่ได้เดินทางมาด้วยกันกับเจ้ารึ”
“พ่อของท่านรึ” เกาเฉียงตอบ พลางคิดในใจ พระนัดดาแคว้นเยียนมีพ่อด้วยรึ ไยเขาถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนล่ะ!
เกาเฉียงจึงตอบ “ไม่มีนะขอรับ! ข้าน้อยเดินทางมาที่นี่เพียงลำพัง! คนที่มาส่งยาให้ข้าน้อย ก็มาแค่คนเดียว! ไม่เห็นท่านพ่อของฝ่าบาทเลยขอรับ!”
“แปลกจริง ของสำคัญขนาดนี้ไยถึงมอบหมายให้คนอื่นล่ะ” ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าสงสัย
ขณะที่องค์หญิงซิ่นหยางกำลังเช็ดเหงื่อให้ช่างกวานชิ่ง เมื่อได้ยินบทสนทนาด้านนอก ก็ชะงักมือทันที
เกาเฉียงยกมือตีหัวตัวเอง พร้อมกับเอ่ย “อ๋อ! ข้าน้อยนึกออกแล้ว! โชคดีที่ท่านเอ่ยขึ้นมา! ไม่อย่างนั้นข้าน้อยคงลืมไปแล้ว! ยังมีจดหมายอีกฉบับที่แนบมาด้วย!”
จากนั้นเกาเฉียงก็หยิบจดหมายออกมาจากในเสื้อของเขา แล้วยื่นให้กับเซียวเหิง
ตอนแรกเซียวเหิงคิดว่าเป็นจดหมายของกู้เจียว พอเปิดออก ถึงได้รู้ว่าจดหมายนี้มาจากหลงอี
หลงอีใช้ดินสอวาดภาพธารน้ำแข็ง
และธารน้ำแข็งนั้นกำลังกดทับร่างของชายคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลที่ลึกจนเห็นกระดูก
หัวใจของเซียวเหิงเจ็บปวดราวกับกำลังถูกฝ่ามือใหญ่บีบแน่น…
“เกิดอะไรขึ้น”
องค์หญิงซิ่นหยางเดินออกมา
เซียวเหิงรีบซ่อนจดหมายไว้ด้านหลัง กำหมัดแน่นและหันไปทางมารดาที่กำลังท้องโต “…ไม่มีอะไร”
องค์หญิงซิ่นหยางหันไปทางเกาเฉียง
“อ๋อ คนที่ไปหายามาให้เขาตายแล้วน่ะ!” เกาเฉียงเอ่ยไปตามความจริง
แววตาขององค์หญิงเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อทันที