สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 900 ให้กำเนิด
บทที่ 900 ให้กำเนิด
……….
แสงที่สะท้อนจากหิมะในคืนฤดูหนาว ราวกับว่ามีแสงไฟนับพันดวงอยู่ข้างหลังเขา และทันใดนั้นก็มีความอบอุ่นของการกลับมาพบกันอีกครั้งในสายลมและหิมะ
องค์หญิงซิ่นหยางมองตาค้าง ลืมคำพูดของตัวเองไปชั่วขณะ
จนเขาหัวเราะอีกครั้งแล้วเอ่ย “อะไรกัน ดีใจที่เจอข้าจนพูดไม่ออกเลยรึ”
นางยกมือป้องปาก พร้อมกับตีสีหน้าเคร่งขรึม แล้วตอบเขาไป “ข้าไม่ได้ร้องไห้เสียหน่อย”
แม้ตอนเช้านางร้องไห้ไปแล้วรอบนึง แต่นั่นเพราะนางร้องไห้ให้ชิ่งเอ๋อร์ต่างหาก
หลังจากที่รู้ข่าวว่าเขาจะไม่กลับมาอีก นางไม่ร้องไห้เลยแม้แต่แอะเดียว!
เซวียนผิงโหวเลิกคิ้ว จากนั้นชี้นิ้วไปที่กลางอกของนาง “เจ้ากำลังร้องไห้อยู่ในใจ ข้าได้ยินนะ”
องค์หญิงซิ่นหยาง “…”
นางเบือนหน้าลง และค่อนข้างแน่ใจว่าคนตรงหน้ามีอยู่จริง หาใช่ผีหรือวิญญาณหลอนไม่ และหาใช่ตัวปลอมไม่
เขาอยู่ตรงนี้แล้ว เขายังมีชีวิตอยู่
เซวียนผิงโหว เซียวจี่
“เจ้านี่มันชอบทำตัวน่าทุบจริงๆ …” องค์หญิงบ่นเบาๆ
นางไม่ควรรู้สึกเสียใจกับเขา ต่อให้ลูกไม่มีพ่อก็ไม่เป็นไร
ใครอยากได้พ่อแบบนี้กันล่ะ
ทันใดนั้น เจ้าหนูในท้องก็ขยับตัว
องค์หญิงขยับเสื้อคลุมของตัวเองให้กระชับขึ้น
“ไม่ใช่ว่าเจ้า…” ตอนแรกนางตั้งใจจะถามว่า เขาตายแล้วไม่ใช่หรือ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าช่วงฉลองปีใหม่ไม่ควรเอ่ยเรื่องไม่เป็นมงคล ก็เลยเปลี่ยนคำถาม “ไม่ใช่ว่าเจ้าตกธารน้ำแข็งรึ…ไยถึงรอดมาได้ล่ะ”
“นี่เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยหรือนี่…” เซวียนผิงโหวจ้องเข้าไปในดวงตาของนางอย่างหนักแน่น “นี่เจ้าส่งคนไปสืบข่าวเรื่องข้าโดยเฉพาะเลยรึ”
องค์หญิงเริ่มรู้สึกคันไม้คันมือ
เซวียนผิงโหวเอ่ยต่อขณะต้องการทดสอบอะไรบางกับนาง “ข้าหายไปไม่กี่วันเอง เจ้าคิดถึงข้าแล้วรึ”
องค์หญิงเอามือกุมท้องพร้อมกับสูดหายใจลึก พลางคิดในใจ ทุบเขาให้ตายตอนนี้เลยได้ไหม!
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นเอ่ยตามตรงว่า มันอันตรายอย่างมาก
ครึ่งหนึ่งของร่างกายของเขาถูกธารน้ำแข็งกดไว้ แผ่นน้ำแข็งที่อยู่ด้านล่างไม่สามารถทนต่อแรงกดดันได้ และกล่องเล็กๆ ก็ตกลงไปในหลุมน้ำแข็งและถูกกระแสน้ำเชี่ยวพัดพาไป
เขาบอกกับหลงอีว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องเล็กสามารถช่วยชีวิตลูกชายของนางได้
เขาไม่ได้บอกว่าเป็นลูกชายคนไหน หลงอีอาจคิดว่าเขาน่าจะหมายถึงเซียวเหิง
เขาค่อนข้างมั่นใจว่าหลงอีจะต้องเลือกเซียวเหิงก่อน
แต่เขาลืมความจริงที่ว่า มีเพียงแค่เด็กเท่านั้นที่ต้องเลือก
หลงอีเป็นผู้ใหญ่แล้ว อีกทั้งยังเป็นผู้ใหญ่ที่มีพลังเกินจินตนาการของทุกคน
สิ้นเสียงคำสั่งของหลงอี เจ้าหมาป่าของเขาก็กระโดดลงน้ำทันทีเพื่อไปตามคาบกล่องนั้นกลับมา ขณะที่หลงอีไปช่วยเซวียนผิงโหว และใช้ดาบทลายธารน้ำแข็ง
การทำเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ประการแรก เจ้าหมาป่าต้องทนทานต่อแรงสะเทือนที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ประการที่สอง เจ้าหมาป่าต้องรับมือกับอันตรายของกระแสใต้น้ำ
หมาป่าตัวนั้นดูทรงพลังยิ่งกว่าเจ้าหลิงหวังเสียอีก
ไม่รู้ว่าหลงอีไปได้มันมาจากไหน
เดิมเซวียนผิงโหวก็บาดเจ็บปางตายอยู่แล้ว พอร่างของเขาตกลงไปในน้ำก็หมดสติทันที เมื่อเขาตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเขาไม่ได้อยู่บนทุ่งน้ำแข็งอีกต่อไป แต่นอนอยู่บนเรือสินค้าที่มุ่งหน้าไปยังแคว้นเจา
ทั้งหลงอีและกล่องนั้นไม่อยู่กับเขาแล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ตื่นตระหนก เขาเชื่อว่าหลงอีได้ส่งมอบของให้กู้เจียวอย่างราบรื่น
ส่วนเรื่องภาพที่หลงอีวาด เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“เช่นนั้น เจ้ากำลังจะบอกว่า…หลงอีรู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่ตาย แต่ตั้งใจบอกทุกคนว่าเจ้าตายแล้วอย่างนั้นรึ” องค์หญิงซิ่นหยางไม่เชื่อ หลงอีไม่ใช่คนแบบนี้นี่นา!
เซวียนผิงโหว “…”
องค์หญิงซินหยางถามเขาต่อ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าชิงเอ๋อร์กลับมาแล้ว ตอนนั้นเจ้ายังอยู่บนเรืออยู่เลยมิใช่รึ”
“มีคนของเงามืดอยู่ที่เรือ พวกเขาเพิ่งทำภารกิจกันเสร็จ แล้วก็เล่าให้ข้าฟังเรื่องที่อาเหิงกับชิ่งเอ๋อร์เดินทางไปที่แคว้นเจา” เซวียนผิงโหวตอบ
ระหว่างทางกลับ อาการของเขาไม่ดีขึ้นเลย พอลงจากเรือปุ๊บก็ต้องเร่งรีบเดินทางต่อ
เขาไม่รู้ว่ายานั้นจะได้ผลกับลูกชายของเขาหรือไม่ เขาทำใจไว้แล้วว่าหากมันไม่ได้ผล อย่างน้อยเขาต้องรีบกลับไปเจอหน้าและดูใจลูกชายให้ทัน
“ฉินเฟิงหวั่น ชิ่งเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง” เขาพยายามทำน้ำเสียงให้ปกติเพื่อปกปิดความอ่อนแอข้างใน
“ดูเหมือนว่ายาถอนพิษได้ผล หมอหลวงบอกว่าเขาพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ตอนนี้เขายังไม่ฟื้น” องค์หญิงซิ่นหยางอธิบายจบ ก็นิ่งไปครู่หนึ่ง “ถ้าเจ้าเป็นห่วงเขานัก ก็เข้าไปดูเองสิ”
เซวียนผิงโหวหัวเราะ “ได้สิ เจ้าเข้าไปข้างในก่อน เดี๋ยวข้าตามไป”
องค์หญิงซิ่นหยางขยับเสื้อคลุมให้กระชับแล้วหันหลังให้เขา พอก้าวไปได้แค่สองก้าว ก็นิ่งฝีเท้าลง แล้วหันมาถามเขา “อย่าบอกนะว่าเจ้าเดินไม่ไหวแล้ว”
เซวียนผิงโหวยิ้มให้นาง “อะไร เจ้าจะพยุงข้ารึ”
องค์หญิงกลอกตาใส่เขา “ใครบอกว่าข้าจะพยุงเจ้าล่ะ เดี๋ยวข้าจะไปตามคน…”
เอ่ยจบ ก็นึกขึ้นได้ว่านางให้ทหารหลงอิ่งไปประจำที่พื้นที่อื่นเพื่อความปลอดภัยของเด็กในครรภ์ ส่วนเกาเฉียงกับช่างซ่อมประตูก็กลับกันไปตั้งนานแล้ว ที่จวนไม่เหลือผู้ช่วยที่เป็นผู้ชายเลยสักคน
อาเหิงก็ไม่อยู่เช่นกัน
องค์หญิงซิ่นหยางครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจตะโกนไปทางด้านหลังเรือน “ชุ่ยเอ๋อร์ แม่นมจาง มาหาข้าที!”
“เจ้าค่ะ! องค์หญิง!”
จากนั้นบ่าวทั้งสองก็ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเขาได้เจอกับเซวียนผิงโหวที่อยู่ในสภาพเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด พวกเขาก็ตกใจมากจนตะโกนพร้อมกัน “ผะ ผี…”
พวกนางไม่สนใจคำสั่งขององค์หญิงอีกต่อไป และวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว!
ข้าวของที่ใช้สำหรับงานศพร่วงหลุดจากมือของพวกนาง ทั้งเทียน กระดาษเงิน รวมถึงโคมขาวที่มีคำว่าอาลัยอยู่บนนั้น
มุมปากเซวียนผิงโหวกระตุกทันที “ฉินเฟิงหวั่น เจ้าคงไม่ได้เตรียมงานศพให้ข้าหรอกใช่ไหม”
นี่เขารีบกลับเพื่อมาให้ทันงานศพของตัวเองสินะ
หรือถ้าเขากลับมาช้ากว่านั้น เขาอาจจะได้นอนในโลงศพและสุสานก็เป็นได้
“ใครจะไปรู้ละว่าเจ้ายังไม่ตาย…” องค์หญิงพึมพำ
นางพยายามหลับตา สูดหายใจลึก พยายามบอกตัวเองว่าเขาเป็นพ่อของลูกสามคน จะปล่อยให้เขาตายไม่ได้เด็ดขาด
นางค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้เขา ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจช่วยพยุงร่างของเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเป็นฝ่ายริเริ่มเข้าหาผู้ชายก่อน แถมยังเป็นตอนที่สติสัมปชัญญะอยู่ครบด้วย
แม้ต้องใช้ความกล้าอย่างมาก และนางยังไม่ชินเท่าไหร่ แต่นางก็ไม่สั่นและหวาดกลัวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เขามองดูการกระทำของนางด้วยความเอ็นดู นางค่อยๆ ใช้ทีละนิ้วแตะที่เสื้อของเขาเบาๆ เซวียนผิงโหวเห็นดังนั้นก็พ่นหัวเราะทันที “ฉินเฟิงหวั่น…”
“หุบปาก!” องค์หญิงตะโกนขู่เขา “ขืนยังพูดมากอีก ข้าจะไม่ช่วยเจ้าละนะ!”
เซวียนผิงโหว ข้าไม่เห็นเจ้าจะทำอะไรเลย…
ก็แค่ใช้นิ้วจับเฉพาะผ้าเสื้อผ้าของเขาอย่างเดียว ยังไม่โดนเนื้อตัวของเขาเลยด้วยซ้ำ
องค์หญิงผู้ซึ่งคิดว่าตัวเองได้ช่วยเหลือเสร็จแล้วก็จ้องมองเขาอย่างเย็นชาราวกับจะเอ่ยว่า ข้าช่วยเจ้าแล้ว เหตุใดยังไม่เดินอีกล่ะ หน้าซื่อใจคดจริงๆ !
เมื่อพิจารณาถึงร่างกายของนาง เซวียนผิงโหวรู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนางเลย เขาพยายามกัดฟันและอดทนต่อความเจ็บปวด ยืดหลังที่แข็งทื่อให้ตรง ขยับเท้าที่ไร้ความรู้สึกและเดินไปที่ประตูทีละก้าว
ขณะที่กำลังข้ามธรณีประตู จู่ๆ ลมหนาวก็พัดเข้ามาจนเสื้อคลุมของนางเปิดออก เซวียนผิงโหวเหลือบมองนางโดยไม่รู้ตัว
แล้วก็ได้เห็นหน้าท้องใหญ่ของนาง
“ฉินเฟิงหวั่น” เขาเรียกชื่อนางด้วยน้ำเสียงตกใจ
เมื่อเห็นว่าเสื้อคลุมเปิดออก นางก็สูดปากทันที
เซวียนผิงโหวหยุดฝีเท้าลงทันที “เจ้าท้องรึ เป็นเพราะคืนนั้นใช่ไหม”
ไม่แปลกที่เขาไม่รู้ หลังจากที่ทั้งสองมีความสัมพันธ์กันในคืนนั้น องค์หญิงซิ่นหยางก็กลับมาอาศัยอยู่ในจวนหลังนี้ ตอนแรกนางไปที่ตรอกปี้สุ่ยเพื่อไปเยี่ยมเซียวเหิงและกู้เจียว แต่ต่อมาหลังจากที่พวกเขาเดินทางไปแคว้นเยี่ยน องค์หญิงก็ไม่ได้ไปที่ตรอกปี้สุ่ยอีกเลย
ส่วนเขาเองก็กลับไปอยู่ที่จวนโหว
ข่าวการตั้งครรภ์ของนางถูกเก็บเป็นความลับ เขามาเยี่ยมนางครั้งหนึ่งก่อนสงคราม แต่นางปฏิเสธที่จะพบเขา
ตอนนั้นอวี้จิ่นบอกกับเขาว่าองค์หญิงมีระดู อารมณ์แปรปรวนและไม่อยากเจอหน้าใคร
เฮอะ!
ระดูอะไรกัน!
องค์หญิงซินหยางไม่ต้องการที่จะยอมรับและเบือนหน้าหนีอย่างดื้อรั้น
แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่เข้าใจโชคชะตาอันแสนประหลาดนี้เช่นกัน พวกเขามีความสัมพันธ์กันแค่สองครั้ง แต่ดันท้องทุกครั้ง!
เซวียนผิงโหวยิ้มกริ่มให้นาง “แหม นั่นสินะ เราทำกันทั้งคืนเลยนี่นา”
ใบหน้าขององค์หญิงซินหยางร้อนผ่าวทันที เขาเอ่ยคำไร้ยางอายเช่นนี้ได้อย่างไร
ก็เพราะเป็นคนแบบนี้ไง นางถึงไม่อยากบอกเขา!
นี่เจ้าพยายามขนาดนี้เพื่อที่จะท้องลูกของข้า… ถ้าเขาเอ่ยประโยคนี้ออกมาละก็ นางจะทุบเขาให้ตายเลยคอยดู!
เดชะบุญที่เขาไม่ได้เอ่ยอะไรที่เกินงามออกมา
“นี่ ฉินเฟิงหวั่น ถ้าข้ากลับมาไม่ได้ เจ้าจะคลอดและเลี้ยงเด็กคนนี้โดยไม่บอกข้าหรือไม่” เซวียนผิงโหวถามด้วยสีหน้าจริงจัง
ดวงตาขององค์หญิงซินหยางเป็นประกายขึ้นมาทันทีพร้อมกับเชิดคางขึ้น “เจ้าแข็งแรงดีแล้วนี่! ไม่ต้องให้ข้าช่วยพยุงก็ได้กระมัง!”
เอ่ยจบ นางก็ชักมือกลับ แล้วเตรียมจะเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง
แต่ทันทีที่ก้าวเท้า จู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่ามดลูกกำลังหดตัวอย่างรุนแรง นางโน้มตัวลง พร้อมกับเป่าลมออกจากปาก
สีหน้าของเซวียนผิงโหวเปลี่ยนทันที “เจ้าเป็นอะไรไปรึฉินเฟิงหวั่น”
อย่าบอกนะว่าเขาทำให้นางโมโหจนกระทบครรภ์ของนาง
นางเคยคลอดบุตรมาก่อน นางจำความรู้สึกแบบนี้ได้ดี
นางยกมือขึ้น แล้วคว้าแขนที่เขายื่นให้ไว้แน่น “ข้าว่า…เด็กกำลังจะออกมาแล้ว…”
……….