สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 906 ความจริงในการข้ามภพ
บทที่ 906 ความจริงในการข้ามภพ
……….
เหลี่ยวเฉินกลุ้มใจ ยังหลงนึกว่าเป็นภิกษุแล้วจะไม่โดนเร่งให้แต่งงานได้แล้ว เป็นเขาเองที่ใสซื่อเกินไป
กู้เจียวที่อยู่ข้างๆ สีหน้ามีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
เหลี่ยวเฉินแค่นเสียงเฮอะเอ่ย “ไยจึงไม่เร่งเจ้าบ้างเล่า” อย่าคิดว่าเขาไม่รู้นะ นางกับเซียวเหิงแค่แต่งงานกันปลอมๆ เท่านั้น
กู้เจียวโคลงศีรษะน้อยๆ “ข้าหมั้นหมายแล้วนะ!” ครานี้หมั้นจริงๆ ด้วย!
เหลี่ยวเฉินธนูปักลงกลางหัวเข่า
เขาแอบกำหมัดเงียบๆ รอให้กลับแคว้นเจาก่อนเถิด เขาจะไปเร่งซ่างกวานชิ่ง!
ไหนจะเสี่ยวจิ้งคงอีก!
หกขวบแล้วอย่างไร
เร่งให้แต่งงาน เริ่มตั้งแต่ยังเด็กไปเลย!
…
หลังจากออกมาจากคฤหาสน์ ซ่างกวานเยี่ยนก็ให้ขันทีไปถ่ายทอดคำสั่ง เรียกคนจากกรมโยธามาซ่อมแซมปรับปรุงคฤหาสน์ของตระกูลเซวียนหยวน แบบนี้พอเซวียนหยวนฉีกับเหลี่ยวเฉินไปเยี่ยมจิ้งคงกลับมา ก็จะได้เข้าอยู่ในคฤหาสน์ที่ปรับปรุงใหม่ได้เลย
เมื่อขึ้นรถม้ามา ซ่างกวานเยี่ยนก็หันไปมองกู้เจียว “เจียวเจียว อีกเดี๋ยวเจ้าจะตามข้าเข้าวังหรือไม่”
อันกั๋วกง “เจียวเจียวจะกลับจวนกับข้า”
ซ่างกวานเยี่ยน นางเป็นลูกสะใภ้ข้า
อันกั๋วกง นางเป็นลูกสาวข้า นอกจากนี้ ยังไม่ได้แต่งเสียหน่อย ไม่นับว่าเป็นลูกสะใภ้!
เหลี่ยวเฉินจูงม้าอยู่ เขามองอันกั๋วกง แล้วก็หันไปมองซ่างกวานเยี่ยน คิดในใจว่า พวกท่านกำลังแย่งคนกันกลางถนนรึ
ทั้งคู่หันขวับไปมองกู้เจียว รอการตัดสินใจของนาง
กู้เจียวกะพริบตาปริบๆ “เอ่อคือว่า เดี๋ยวข้าต้องไปตำหนักกั๋วซือเจ้าค่ะ มีธุระนิดหน่อย”
ทั้งคู่ที่ได้รับความเป็นธรรมไม่มีข้อโต้แย้ง ซ่างกวานเยี่ยนขึ้นนั่งรถม้ากลับวัง อันกั๋วกงก็ขึ้นนั่งรถม้ากลับจวน
กู้เจียวพลิกตัวขึ้นหลังม้า บอกลาเซวียนหยวนฉีกับเหลี่ยวเฉิน ก่อนควบม้าหายลับไปในรัตติกาลไร้ขอบเขต
เหลี่ยวเฉินทอดมองแผ่นหลังจากไปไกลของนาง ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “วาสนาของเด็กคนนี้กับตระกูลเซวียนหยวนช่างน่าอัศจรรย์นัก”
ส่วนอัศจรรย์ถึงขั้นใดนั้น เขานึกย้อนดูอยู่ครู่หนึ่งยังเหลือจะเชื่อ
สามีที่นางจับพลัดจับผลูเก็บกลับมา คือหลานชายของเซวียนหยวนฮองเฮา เณรน้อยที่นางขึ้นเขาเก็บมาเลี้ยง คือเลือดเนื้อเชื้อไขสุดท้ายของเทพสงครามเซวียนหยวน แม้แต่ทวนพู่แดงที่นางได้มาโดยบังเอิญ ก็เป็นอาวุธของตระกูลเซวียนหยวน
นางยังถูกอันกั๋วกงรับเป็นบุตรบุญธรรมอีก นางปลอมตัวเป็นชาย ดังนั้นความจริงควรจะเป็นบุตรสาวบุญธรรม
วาสนาของนางกับตระกูลเซวียนหยวน คล้ายถูกกำหนดไว้แต่แรกแล้ว ระหว่างทั้งคู่มีความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่างกัน เขาถึงขั้นเกิดภาพลวงตาขึ้นมา ราวกับว่าไม่ว่าวงล้อแห่งโชคชะตาจะหมุนคลื่อนอย่างไร นางก็ต้องมาถึงตระกูลเซวียนหยวนอยู่ดี
“กลับมาตระกูลเซวียนหยวนต่างหาก” เซวียนหยวนฉีเอ่ยแก้ให้
“ว่าอย่างไรนะ” เหลี่ยวเฉินชะงัก ไม่ค่อยเข้าใจในความนัยของถ้อยคำบิดา
เซวียนหยวนฉีทอดมองเงาร่างน้อยควบทะยานเข้าสู่ม่านราตรี กลับไม่ได้ตอบอะไรมาอีก
…
กู้เจียวไปตำหนักกั๋วซือ นางเป็นคนโปรดของใต้เท้ากั๋วซือ ทั่วทั้งตำหนักไม่มีผู้ใดไม่เคยได้ยินชื่อนาง ต่างรู้กันว่าผู้บัญชาการทหารม้าวายุทมิฬคนใหม่ได้รับความไว้วางใจจากใต้เท้ากั๋วซือมาก เข้าออกป่าไผ่ม่วงได้อย่างอิสระ ตำแหน่งสูงกว่าศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขาอีก
คืนนี้อวี้เหอเป็นเวรเฝ้ายามในป่าไผ่ม่วง
เห็นกู้เจียวเดินมา เขาก็ตกใจมาก “ลิ่วหลัง เวลานี้แล้วเจ้ามาได้อย่างไร”
“อาจารย์เจ้าพักแล้วหรือ” กู้เจียวถาม ค่อนข้างดึกแล้วจริงๆ นางก็แค่ลองเสี่ยงโชคดู หากกั๋วซือนอนแล้ว พรุ่งนี้นางค่อยมาใหม่
อวี้เหอส่ายหน้า “ยังหรอก หมู่นี้อาจารย์เข้านอนดึกมาก” เขาหยุดเว้น กระซิบบอก “ข้ารู้สึกว่าหมู่นี้ท่านอาจารย์อาการไม่ค่อยดี ร่างกายเขาทรุดโทรมค่อนข้างเร็ว ข้าสงสัยว่าเขาฝืนเสี่ยงทายอีกแล้ว”
การเสี่ยงทาย แพร่งพรายลิขิตสวรรค์นั้นมีราคาที่ต้องจ่าย
ตอนแรกที่เสี่ยงทายเพื่อบ้านเมืองต้าเยี่ยนนั้น ก็ทำให้อาจารย์ชราลงสิบปีแล้ว ยามนี้ไม่รู้ว่าเสี่ยงทายให้ผู้ใดอีก เขารู้สึกว่าครานี้ร้ายแรงกว่าคราก่อนเสียอีก
กู้เจียวครุ่นคิด “ข้าทราบแล้ว”
นางโยนบังเหียนให้อวี้เหอ “ลูกพี่ยังไม่ได้กินอะไรเลย รบกวนแล้ว”
“ได้” อวี้เหอรับบังเหียนไปป้อนอาหารม้า
กู้เจียวสะพายตะกร้าใบน้อยมาด้วย นางพกสิ่งของที่ต้องให้ใต้เท้ากั๋วซือดู
กั๋วซือนั่งคุกเข่าอยู่บนเบาะในห้องโถง เบื้องหน้าวางกระดานหมากที่ยังเล่นไม่จบตาไว้
“กั๋วซือ!” กู้เจียวทักทาย นั่งลงตรงข้ามเขา
ม่านหน้าประตูถูกม้วนขึ้น ประตูหลังเปิดอ้ากว้างไว้ ลมโชยโกรกมาดังซู่ๆ ค่อนข้างเย็นสบายทีเดียว
“เจ้ามาแล้ว” กั๋วซือเอ่ย
“ข้าอยากให้ท่านดูอะไรหน่อย” กู้เจียววางตะกร้าน้อยลง หยิบกล่องผ้าไหมใบหนึ่งออกจากด้านใน พอเปิดออกก็เป็นดอกจื่อเฉ่าตากแห้งสองสามดอก รวมถึงกิ่งจื่อเฉ่าตากแห้งสองสามก้านด้วย “ผลมันไม่มีแล้ว ให้ซ่างกวานชิ่งไปหมด”
เดิมทีนางเหลือไว้นิดหน่อยเพื่อศึกษาวิจัย ต่อมาทางแคว้นเจาส่งจดหมายมา บอกว่าผลของหญ้าจื่อเฉ่ามีประโยชน์ แต่ต้องกินเป็นเวลานาน นางจึงเอาผลที่เหลือเกือบครึ่งขวดส่งกลับแคว้นเจาหมดเลย
สายตากั๋วซือตกลงบนพืชตากแห้ง ร้องเอ๋ด้วยความฉงน “ดอกพวกนี้คือ…”
กู้เจียวเอ่ย “ดอกจื่อเฉ่า คิดไม่ถึงว่าหญ้าจื่อเฉ่าออกดอกได้ด้วยใช่หรือไม่ ตอนแรกข้าก็ไม่รู้เช่นกัน บิดาของซ่างกวานชิ่งไปที่เกาะอั้นเย่มา จึงพบว่าหญ้าจื่อเฉ่าไม่เพียงแต่ออกดอกได้เท่านั้น แต่ยังออกผลได้ด้วย ผลของมันสามารถถอนพิษจื่อเฉ่าได้ และสามารถถอนพิษประหลาดในตัวซ่างกวานชิ่งได้ด้วย ส่วนจะถอนพิษอื่นได้เท่าใด ข้าก็ไม่รู้ ไม่เคยลอง”
ใต้เท้ากั่วซือสีหน้ากระจ่าง “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
กู้เจียวได้รู้จักหญ้าจื่อเฉ่าจากบันทึกของเซวียนผิงโหวทั้งหมด ทำเขาลำบากเสียแล้ว เมื่อก่อนไม่รู้หนังสือสักตัว ยามนี้เขียนได้ไม่น้อยแล้ว
นางเล่าต่อ “ฤทธิ์พิษของเหง้าจื่อเฉ่าร้ายแรงที่สุด ฤทธิ์พิษจากดอกรองลงมา หญ้าจื่อเฉ่าเป็นพืชที่มีพลังชีวิตสูงมาก สามารถเติบโตขึ้นได้ทุกที่ แต่มีเพียงสถานที่ที่เหน็บหนาวที่สุดเท่านั้นจึงจะสามารถออกดอกออกผลได้”
ใต้เท้ากั๋วซือถาม “เจอหญ้าจื่อเฉ่าที่เกาะอั้นเย่หรือ”
กู้เจียวส่งเสียงอืม “ถูกต้อง เกาะที่เป็นที่ตั้งของสำนักอั้นเย่นั่นแหละ ในสำนักอั้นเย่มีมากมายนัก เต็มเนินเขาไปหมด! จากที่ประมุขน้อยสำนักอั้นเย่แพร่งพรายให้ฟัง เดิมทีหญ้าจื่อเฉ่าเป็นพืชของเกาะอั้นเย่ หญ้าจื่อเฉ่าในบรรดาแคว้นทั้งหกล้วนขโมยมาจากเกาะทั้งสิ้น น่าเสียดายที่ หญ้าจื่อเฉ่าที่พวกเขาขโมยไปออกผลไม่ได้ ล้วนกลายเป็นยาพิษหมดเลย”
“นี่เป็นการค้นพบครั้งใหญ่ทีเดียว” ใต้เท้ากั๋วซือหยิบดอกจื่อเฉ่าตากแห้งขึ้นมาดอกหนึ่ง สังเกตมันอย่างละเอียด
“ท่านเสี่ยงทายอีกแล้วหรือ” กู้เจียวมองดวงหน้าแก่ชราไปสิบกว่าปีของเขา เอ่ยความสงสัยในใจออกมา
“ลองเสี่ยงๆ ดูน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” เขาไม่ยอมเอ่ยถึงนัก ดึงกลับมาเรื่องหญ้าจื่อเฉ่า “ทางข้าก็มีการค้นพบเช่นกัน”
“อ้อ” กู้เจียวโคลงหัวมองเขา
ใต้เท้ากั๋วซือวางดอกจื่อเฉ่าในมือกลับใส่กล่องคืน สีหน้าจริงจังเอ่ย “แม่ของยินยินเคยถูกพิษตอนที่ตั้งครรภ์ ข้าสงสัยว่าพิษที่นางโดนจะเป็นพิษจื่อเฉ่า เพียงแต่พิษของนางถูกเด็กในครรภ์ดูดซับไปหมดแล้ว จึงดูเหมือนว่านางถูกถอนพิษแล้ว”
“เหตุใดจึงใช้คำว่าสงสัยเล่า” กู้เจียวถาม
ใต้เท้ากั๋วซือถอนใจเอ่ย “ตอนนั้นไม่ได้คิดมาถึงขั้นนี้ พิษจื่อเฉ่าไม่ค่อยเหมือนกับพิษอื่น สัญญาณของการถูกพิษมันซับซ้อนมาก เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง สัญญาณชีพจรก็ยากจะวินิจฉัยได้”
กู้เจียวเอ่ย “เหตุใดยามนี้จึงคิดว่าเป็นพิษจื่อเฉ่าเล่า”
ใต้เท้ากั๋วซือเอ่ย “ระยะนี้ข้าได้ยินอันกั๋วกงเล่าเรื่องยินยินตอนเด็กๆ ให้ฟัง กอปรกับการศึกษาวิจัยพิษจื่อเฉ่าของข้า จึงได้การคาดเดานี้มา ยินยินดูดซับพิษหญ้าจื่อเฉ่าในร่างเซวียนหยวนจื่อ พอคลอดก็ต่อต้านพิษมาโดยตลอด ดังนั้นร่างกายในสองปีแรกจึงอ่อนแอมาก พอพิษจื่อเฉ่าผสมผสานเข้ากันกับนางเป็นส่วนใหญ่แล้ว นางจึงมีพรสวรรค์ในการเรียนวรยุทธ์ แม้แต่มู่ชิงเฉินที่โตกว่านางสามปี และร่ำเรียนวรยุทธ์มาตั้งแต่เด็กยังสู้นางไม่ได้เลย”
“นอกจากนี้ ข้ายังมีข้อสงสัยอีกอยาง ว่าร่างนี้ของเจ้าก็เคยโดนพิษจื่อเฉ่าในตอนแรกเช่นกัน”
“ข้ารึ” กู้เจียวก้มหน้ามองตัวเอง
ใต้เท้ากั๋วซือเอ่ย “เจ้าแห่งเงามืดรุ่นที่สองสืบเจอข่าวของหญ้าจื่อเฉ่าที่แคว้นเจาจึงได้ออกเดินทางไปที่นั่น เหตุใดพวกเขาต้องการหญ้าจื่อเฉ่า ข้าไม่รู้ ข้ารู้แค่ว่าสถานที่ที่มีหญ้าจื่อเฉ่าปรากฏขึ้นก็คือละแวกหมู่บ้านชิงเฉวียนที่เจ้าเกิด เซวียนหยวนเจิงปิดบังตัวตนอาศัยอยู่ที่นั่นมาหลายปี จนกระทั่งหาร่องรอยของหญ้าจื่อเฉ่าไม่ได้ มันเป็นเพราะข้อมูลผิดพลาด หรือว่ามีคนกินหญ้าจื่อเฉ่าไปแล้วกันแน่”
ปากเขาเอ่ยคำถาม แต่น้ำเสียงกลับเอนเอียงไปทางการคาดเดาอย่างหลังมากกว่า
กู้เจียวก็รู้สึกว่าอย่างหลังมีความเป็นไปได้มากกว่าเช่นกัน นางไร้หลักฐาน มีเพียงลางสังหรณ์ “เช่นนั้น…โหวฮูหยินเป็นคนกินเข้าไป หรือว่าเป็นเจ้าของร่างนี้กินเข้าไปกันล่ะ”
ใต้เท้ากั๋วซือส่ายหน้า “นี่ไม่มีทางรู้ได้เลย แต่ไม่ว่าผู้ใดกินเข้าไป ข้าคิดว่าน่าจะกินเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจทั้งคู่”
กู้เจียวถาม “เซวียนหยวนจื่อเล่า เหตุใดนางจึงโดนพิษจื่อเฉ่าได้ กินเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจเช่นกันหรือ”
ใต้เท้ากั๋วซือส่ายหน้าอีกหน “คนตระกูลหันเป็นคนวางยาพิษนาง พิษจื่อเฉ่าไม่ใช่ยาสมุนไพร ตรงกันข้าม มันเป็นพิษที่ไร้ทางถอน คนที่สามารถทนมันได้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซวียนหยวนจื่อที่เป็นสตรีตั้งครรภ์คนหนึ่งเลย ความตั้งใจเดิมของพวกตระกูลหันคือคิดจะให้นางตายทั้งแม่ทั้งลูก เพื่อใช้การนี้โจมตี้เซวียนหยวนลี่”
กู้เจียวเอ่ยต่อถ้อยคำของเขา “…แต่คิดไม่ถึงว่าขโมยไก่ไม่ได้ ดันเสียข้าวสารอีกกำมือ[1] กลับทำให้ข้ายืมร่างของจิ่งยินยินข้ามภพมาได้ แปลกจริง เหตุใดไม่ว่าจะเป็นกู้เจียวเหนียง หรือจิ่งยินยิน ล้วนแล้วแต่ถูกพิษจื่อเฉ่าด้วยกันทั้งคู่เล่า หรือว่าการข้ามภพของข้าจะเกี่ยวข้อกับพิษจื่อเฉ่า”
ใต้เท้ากั๋วซือมองดอกจื่อเฉ่าในกล่อง “สิ่งที่พวกเราเห็นคือรูปลักษณ์ของหญ้าจื่อเฉ่า แต่ไม่แน่ว่าข้างในหญ้าจื่อเฉ่าอาจจะมีสสารมืดที่พวกเรามองไม่เห็นอยู่ และอาจจะเป็นสสารพวกนั้น ที่พาเจ้ามาจากอีกมิติหนึ่ง”
กู้เจียวขมวดคิ้ว “ร่างของคนอื่นจะเกิดอาการเช่นนี้ด้วยหรือไม่”
ใต้เท้ากั๋วซือเอ่ย “เท่าที่ข้ารู้คือ ไม่”
กู้เจียวจมสู่ภวังค์ความคิด
ทันใดนั้น นางก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ รีบหยิบกล่องยาใบน้อยออกมาจากตะกร้า
“เจ้าจะทำอะไร” ใต้เท้ากั๋วซือมองนางพลางถาม
กู้เจียวเปิดกล่องยาใบน้อยออก “ในกล่องใบนี้ใส่ของข้างนอกไม่ได้ หากใส่ลงไป จะหายไปอยู่ในอีกมิติหนึ่งของมัน”
ใต้เท้ากั๋วซือพอจะเข้าใจแล้วว่านางจะทำอะไร เขาไม่ได้ห้าม เพราะเขาก็อยากรู้ผลลัพธ์เช่นกัน
กู้เจียวหยิบดอกจื่อเฉ่าตากแห้งขึ้นมาดอกหนึ่ง ใส่ลงไปเบาๆ จากนั้นนางก็ปิดฝากล่อง
นางรอเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง เปิดกล่องออก
สายตาทั้งคู่ตกลงบนในกล่องยาใบน้อย สีหน้าพลันเปลี่ยนในทันใด
[1] ขโมยไก่ไม่ได้ ดันเสียข้าวสารอีกกำมือ อยากเอาเปรียบแต่ขาดทุนเอง
……….