สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 907 ความแตกกันหมด
บทที่ 907 ความแตกกันหมด
……….
หญ้าจื่อเฉ่ายังอยู่
นี่มันหมายความว่าอะไร
หมายความว่าหญ้าจื่อเฉ่าเป็นสิ่งของที่มาจากกล่องยาใบน้อยน่ะสิ
หรือกล่าวให้ถูกต้องก็คือ สสารลับไม่ทราบที่มานี้อยู่ในตัวหญ้าจื่อเฉ่าและมาจากกล่องยาใบน้อย
กู้เจียวกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ “แต่ว่าฉังจิ่งบอกว่าหญ้าจื่อเฉ่าบนเกาะ ประมุขเกาะรุ่นแรกเป็นคนปลูกมิใช่หรือ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
ใต้เท้ากั๋วซือครุ่นคิดพลางเอ่ย “หากต้องการรู้คำตอบ เกรงว่ามีแต่ต้องไปเกาะอั้นเย่เท่านั้นแล้ว เรื่องนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน เย่ชิงรั้งอยู่บนเกาะมิใช่หรือ บางทีรอเขากลับมาแล้ว อาจจะนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์กลับมาด้วยก็ได้”
กู้เจียวพยักหน้า “คงต้องทำแบบนั้นแล้วล่ะ”
นางกำลังจะแต่งงาน ในเวลาเช่นนี้จะทิ้งเจ้าบ่าวไว้ แล้วตัวเองวิ่งไปเกาะอั้นเย่คนเดียวไม่ได้
จู่ๆ กู้เจียวก็โพล่งขึ้น “พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ข้ากลับลืมถามท่านพ่อบุญธรรมไปเลย กำหนดวันแต่งแล้วหรือยัง”
“กำหนดแล้ว” ใต้เท้ากั๋วซือเอ่ย “วันที่สิบแปด เดือนสิบ ฤกษ์งามยามดี”
“นั่นเป็นวันเกิดครบรอบสิบแปดปีของข้าพอดีมิใช่หรือ” กู้เจียวหันหน้ามาหรี่ตามองเขา “ท่านเป็นคนคำนวณฤกษ์รึ”
ใต้เท้ากั๋วซือวางหมากอีกตัวลงไปอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน “สำนักโหรเป็นคนคำนวณ”
กู้เจียว “กั๋วซือไม่มีสำนักโหร”
ใต้เท้ากั๋วซือ “ตอนนี้มีแล้ว”
กู้เจียว “…”
ใต้เท้ากั๋วซือเอ่ย “อีกไม่กี่เดือนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่ได้ให้เจ้ารออยู่ทางแคว้นเยี่ยนเสียหน่อย คนของจวนอันกั๋วกงไปแคว้นเจากันแล้ว เรือนที่ควรสร้างก็น่าจะสร้างเรียบร้อยแล้ว ไม่กี่วันก่อนอันกั๋วกงเล่นหมากรุกกับข้า ขบวนขันหมากตระเตรียมพร้อมแล้ว สามารถออกเดินทางได้ตลอดเวลา”
“ท่านพ่อบุญธรรมช่างเอาใจใส่ยิ่งนัก!” กู้เจียวเบิกบานใจยิ่ง
นางเท้าแก้มด้วยมือข้างหนึ่ง เอาข้อศอกเท้าโต๊ะไว้อีกที มองเขาอย่างสงบท่ามกลางความวุ่นวาย “จะว่าไปแล้ว การข้ามมิติของท่านจะเกี่ยวข้องกับพิษจื่อเฉ่าหรือไม่”
ใต้เท้ากั๋วซือเอ่ยโดยไม่ต้องคิด “ไม่ สถานการณ์ของข้าไม่เหมือนของเจ้า”
กู้เจียวผิดหวัง “อ้อ”
ใต้เท้ากั๋วซือทอดมองสีราตรีในป่าพลางเอ่ยกับกู้เจียว “ดึกมากแล้ว เจ้าควรกลับได้แล้ว”
“อ้อ” กู้เจียวลุกขึ้น “ดึกมากแล้วจริงๆ ข้ากลับก่อนนะ”
“อืม” ใต้เท้ากั๋วซือขานรับ
จันทราทอแสงอ่อนกลางป่าไผ่ม่วง กู้เจียวล้วงหน้ากากออกมาจากอ้อมอก พาราชาม้าวายุทมิฬออกจากป่าไผ่ม่วง
เจอพี่ใหญ่ ต้องปิดบังใบหน้า
…
การถอนทัพจากชายแดนครานี้ กองทัพตระกูลกู้ก็ถอนออกเช่นกัน เพียงแต่ว่าเส้นทางที่พวกเขาใช้กลับแคว้นเจาไม่ได้ตรงไปเซิ่งตูของแคว้นเยี่ยน พวกเขาใช้เส้นชางโจว มีเพียงท่านเหล่าโหว กู้ฉังชิงและถังเย่ว์ซานที่แอบมาเซิ่งตู
ทั้งสามต่างพักกันที่จวนกั๋วกง
กู้เฉิงเฟิงตั้งใจโอ้อวดห้องส่วนตัวของตัวเองกับพวกเขาเป็นพิเศษ แสดงให้เห็นว่าเขาเข้ามาพักเป็นกลุ่มแรก
ทั้งสามดูหมิ่นเขามาก
กู้ฉังชิงอาบน้ำร้อนที่จวนกั๋วกง เปลี่ยนอาภรณ์แห้งสบายแล้ว ก็ไปยังตำหนักกั๋วซือ
สิ่งที่กู้ฉังชิงต้องการจะทำไม่อาจให้ผู้ใดล่วงรู้ได้ จึงรอให้น้องสาวออกมาก่อนค่อยไปหากั๋วซือ
“กั๋วซือ” เขาทักทายอย่างสุภาพ “ไม่ได้พบหลายวัน ยังเหมือนเก่าเลย สีหน้าท่านคล้ายไม่ค่อยสู้ดีนัก หมู่นี้เหนื่อยล้าเกินไปหรือ”
เรื่องของเซิ่งตูเขาพอจะรู้มาบ้าง น้องชายเขากู้เฉิงเฟิงแค่รับหน้าที่ปลอมตัวเป็นองค์กษัตริย์วรกายแข็งแรง ส่วนเรื่องในราชสำนักล้วนมีใต้เท้ากั๋วซือเป็นคนจัดการทั้งหมด
“ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์แล้ว ภายหน้าข้าก็สบายแล้ว” ถ้อยคำเขาเป็นการยอมรับกลายๆ ว่าความอ่อนแอของตัวเองมาจากการทำงานเหน็ดเหนื่อยเกินไป เขาหันไปมองกู้ฉังชิง “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ฟื้นฟูได้ดีหรือไม่”
กู้ฉังชิงเอ่ยอย่างจริงจัง “ฟื้นฟูดีมากขอรับ หลังจากกลายเป็นหน่วยกล้าตายแล้ว ข้ารู้สึกว่าวรยุทธ์ของข้าก้าวหน้ากว่าเมื่อก่อน อายุขัยของหน่วยกล้าตายสั้นกว่าคนปกติ แต่ข้าไม่นึกเสียใจเลย”
ใต้เท้ากั๋วซือยิ้มแห้ง เจ้าเบิกบานก็ดีแล้ว
กู้ฉังชิงหันไปมองกั๋วซืออย่างเคร่งขรึม “มาเยี่ยมเยือนยามวิกาลเช่นนี้ความจริงแล้วมีอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกจะมาขอบคุณท่าน เรื่องที่สอง…ยาที่ท่านให้ข้ากินกลบกลิ่นอายหน่วยกล้าตายหมดแล้ว”
ใต้เท้ากั๋วซือยิ้มจางๆ “ข้าจะไปเอาให้เจ้าเดี๋ยวนี้”
เขาเอ่ยจบก็ลุกขึ้นไปหยิบยาลูกกลอนขวดหนึ่งจากห้องหนังสือให้กู้ฉังชิง
กู้ฉังชิงรับมาถือไว้ นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามอย่างฉงน “ข้ามีเรื่องสงสัย อยากจะถามกั๋วซือมาโดยตลอด”
“เจ้าว่ามาสิ”
“เหตุใดยาที่ข้ากินที่ตำหนักกั๋วซือไม่เหมือนกับยาที่ท่านให้ข้าพกไปชายแดนหรือ สีก็ไม่ค่อยเหมือนด้วย”
ใต้เท้ากั๋วซือปากยิ้มตาไม่ยิ้ม คิดในใจว่า เพราะครั้งแรกที่ให้เจ้าคือยาลูกกลอนเออเจียว ครั้งที่สองที่ให้เจ้ากินคือยาบำรุงครบครันสมบูรณ์น่ะสิ
ใต้เท้ากั๋วซือ “หมู่นี้มีกำเดาไหลหรือไม่”
กู้ฉังชิง “มี”
“ข้าจะเปลี่ยนยาขวดใหม่ให้เจ้า เจ้าวางใจได้ ฤทธิ์ยาเหมือนกัน”
ใต้เท้ากั๋วซือไปห้องหนังสือโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า เปลี่ยนเป็นยาดอกบัวแก้ร้อนในให้
กู้ฉังชิงทิ้งค่ารักษาไว้ให้ แล้วนำยาลูกกลอนกลับไปจวนกั๋วกง
อันกั๋วกงออกคำสั่งว่า ขบวนส่งตัวเจ้าสาวจะออกเดินทางในอีกสามวัน จวนกั๋วกงวุ่นกันหัวหมุน กำลังตรวจนับสินเดิมให้ท่านชาย
ส่วนเหตุใดท่านชายต้องแต่งให้กับบุรุษนั้น พวกเขาก็ไม่ทราบ และไม่กล้าถามด้วย
เซวียนผิงโหวไม่คาดคิดว่าอันกั๋วกงจะกล้าให้กู้เจียวแต่งออกไปในฐานะท่านชายจริงๆ เขาแค่พูดเล่นเอง
ส่วนในเรือนใบเฟิงของจวนกั๋วกงกลับเป็นอีกภาพหนึ่ง
ท่านเหล่าโหว กู้เฉิงเฟิงและถังเย่ว์ซานต่างเข้าพักที่จวนกั๋วกงแล้ว ย่อมไม่มีทางไม่ได้ยินเรื่องการแต่งงานระหว่างเซียวเหิงกับกู้เจียว
กู้เฉิงเฟิงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเซียวเหิงแต่แรกแล้ว ท่านเหล่าโหวกับถังเย่ว์ซานรู้ช้ากว่าหน่อย ก่อนจะเข้าแคว้นเยี่ยนนี่เอง
ท่านเหล่าโหวเดือดดาลมาก
“เจ้าจะโกรธอะไรล่ะ” ถังเย่ว์ซานชมความคึกคักอย่างไม่กลัวจะเป็นเรื่องใหญ่ “เจ้าโมโหที่นางไม่ยอมกลับไปเป็นคุณหนูแห่งจวนโหว ดันมาเป็นท่านชายที่จวนกั๋วกง หรือว่าโมโหที่เหล่าเซียวไม่ไปส่งเทียบหมั้นให้เจ้าที่จวนโหว กลับเอาหนังสือหมั้น ของหมั้นมาส่งที่นี่แทนกันเล่า”
ตั้งแต่ติดตามเซวียนผิงโหวมา ถังเย่ว์ซานก็ได้จุดประกายทักษะไม่เป็นโล้เป็นพายขึ้นมาไม่พอ ยังจุดประกายทักษะเอ่ยแทงใจดำด้วย
เขาแทงเข้าอย่างจัง ทำเอาท่านเหล่าโหวโมโหจนควันออกหู
ถังเย่ว์ซานแบมืออย่างมีความสุขบนความทุกข์คนอื่น “นี่จะโทษนางกับเหล่าเซียวไม่ได้หรอกนะ ใครให้พวกเจ้าไม่ยอมรับนางในตอนแรกกันล่ะ ยามนี้นางไม่ยอมรับพวกเจ้าแล้ว มันก็เป็นเรื่องธรรมดามิใช่หรือไร!”
กู้เฉิงเฟิงเบ้ปาก
ยอมรับอะไรล่ะ
เด็กนั่นไม่ใช่กู้เจียวเหนียงด้วยซ้ำ
ท่านเหล่าโหวไม่เคยคิดที่จะไม่ยอมรับกู้เจียวเลย เพียงแต่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับหลานสาวเพียงนั้นก็เท่านั้น สิ่งที่เขาให้ความสนใจคือ ‘สหายน้อย’ ของตัวเอง แต่ใครจะคิดว่า ‘สหายน้อย’ จะเป็นกู้เจียว!
จนกระทั่งบัดนี้เด็กนั่นก็ยังไม่รู้ว่าเขารู้แล้วว่านางคือกู้เจียว ยังชอบสวมหน้ากากเรียกเขาว่าพี่ใหญ่อยู่เลย เขาข่มกลั้นโทสะไว้เต็มท้องแล้ว
แต่ก็ไม่อาจไปเปิดโปงได้เช่นกัน ไม่เช่นนั้นคนเปิดโปงนั่นล่ะจะกระอักกระอ่วนเอง
“พวกท่านเป็นอะไรกันน่ะ” กู้ฉังชิงสาวเท้าเข้ามาในห้อง บรรยากาศภายในห้องประหลาดยิ่งนัก น้องชายเขาหมดอาลัยตายอยาก ท่านปู่เขาสีหน้าเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง มีเพียงถังเย่ว์ซานที่สีหน้ามีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
ท่านเหล่าโหวกับกู้เฉิงเฟิงไม่อยากพูด
ถังเย่ว์ซานยิ้มแย้มแจ่มใสเอ่ย “จะเป็นอะไรได้อีกเล่า กำลังโกรธที่เด็กคนนั้นที่กำลังจะแต่งงานน่ะสิ เจ้าว่า นางมีพี่ชายสามคนแท้ๆ เสียดายไม่ได้แต่งออกจากจวนโหว ถึงเวลานั้นไม่รู้ว่าใครจะแบกนางขึ้นเกี้ยว”
กู้เฉิงเฟิงเอ่ยโดยไม่ต้องคิด “ย่อมเป็นข้าอยู่แล้ว!”
กู้เฉิงเฟิงแค่นเสียงเอ่ย “พี่ใหญ่หมั้นหมายแล้วมิใช่หรือ ตามธรรมเนียมแคว้นเจาของพวกเรา ท่าน แบกน้องสาวขึ้นเกี้ยวไม่ได้!”
เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย… กู้ฉังชิงกำหมัด “เจ้าก็ไม่ได้เช่นกัน เจ้าทำผิดกฎตระกูล ต้องปิดประตูพิจารณาตัวเอง”
กู้เฉิงเฟิงเลิกคิ้วเอ่ย “ข้าทำผิดฎตระกูลข้อไหนกัน”
กู้ฉังชิงหันหลังมามองท่านเหล่าโหว “ท่านปู่ น้องรองคือเฟยซวง มหาโจรอันดับหนึ่งของเมืองหลวง”
กู้เฉิงเฟิงสะดุ้งโหยง!
บัดซบ!
พี่ใหญ่ข้าขายข้าทั้งอย่างนี้น่ะหรือ!
แค่แบกเด็กนั่นขึ้นเขี้ยวเอง ต้องทำถึงขั้นนี้เลยรึ!
พี่ใหญ่ท่านเริ่มก่อนนะ อย่ามาโทษข้าแล้วกัน!
กู้เฉิงเฟิงถลึงตาโต เขย่งปลายเท้า สบตากับกู้ฉังชิง ชี้หน้าเขาพลางเอ่ยอย่างชั่วร้าย “พิษจื่อเฉ่าของท่านหมดอายุแล้ว! ท่านไม่ได้กลายเป็นหน่วยกล้าตายเลยด้วยซ้ำ!”
กู้ฉังชิงสูดหายใจลึก!
เขาถลึงตาโตอย่างเหลือเชื่อ ในหัวมีบางอย่างพังทลายลงมา!
ถังเย่ว์ซานหัวเราะจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว ที่แท้กู้ฉังชิงเก่งกาจขึ้นเพียงนี้ นึกว่าตัวเองกลายเป็นหน่วยกล้าตายอย่างนั้นรึ มิน่าเล่าหมู่นี้มักจะเห็นเขาแอบไปกินยา!
สามพี่น้องตระกูลกู้โด่งดังเรื่องความปรองดอง จะแตกหักกันเดี๋ยวนี้ช่างเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง
เอาละ เอาละ พวกเจ้าต่อกันเลย
ผู้บัญชาการเยี่ยงข้ายินดีชมละคร!
สองพี่น้องจึงได้เพิ่งมารู้ตัวว่าในห้องยังมีถังเย่ว์ซานด้วยอีกคน พวกเขาทะเลาะกันอย่างไรเป็นเรื่องของพวกเขา ไม่อนุญาตให้คนนอกมาชมเรื่องตลกเด็ดขาด!
กู้เฉิงเฟิงรีบหันหัวศรเล็งไปที่ถังเย่ว์ซาน มองธนูตระกูลถังที่เขาถืออยู่ในมือดุจของล้ำค่า ก่อนเอ่ยเสียงเย็น “เจ้าอ้วนถัง! เจ้ามีอะไรให้ลำพองกัน ธนูตระกูลถังสุดที่รักของเจ้าโดนเด็กนั่นลูบคลำไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้งกี่หนแล้ว!”
กู้ฉังชิงเหน็บแนม “ลูบคลำเสร็จยังวางกลับเข้าที่เดิมให้เจ้าด้วย ข้าเป็นคนดูต้นทางเอง คิดไม่ถึงกระมัง”
ถังเย่ว์ซานเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ !
ธนูของเขา!
ธนูที่เขาไม่อนุญาตให้ผู้ใดแตะต้องเด็ดขดา!
บังเอิญในขณะนั้น กู้เจียวก็กลับมาจากป่าไผ่ม่วงแล้ว แม้นางจะกลับมาก่อนกู้ฉังชิง แต่ระหว่างทางนางอ้อมไปซื้อของ จึงกลับมาช้ากว่า
นางได้ยินเสียงทะเลาะกันภายในห้องจึงเดินมาหา
นางจับหน้ากากบนหน้าไว้ กำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นถังเย่ว์ซานกอดธนูตระกูลถังสุดที่รักของตัวเองเอาไว้ ถลึงตาใส่นางด้วยความเจ็บปวด กัดฟันกรอดเอ่ย “เหล่ากู้รู้แต่แรกแล้วว่าเจ้าเป็นหลานสาวเขา!”
กู้เจียว “…!!”
ท่านเหล่าโหวเหย่ “…!!”
คืนนี้ ถังเย่ว์ซานโดนซัดอนาถยิ่ง
…
สามวันต่อมา เช้าตรู่วันหนึ่งที่อากาศกำลังดี ขบวนส่งตัวเจ้าสาวเดินทางออกจากจวนอันกั๋วกงไปอย่างเอิกเกริกโดยมีทหารม้าวายุทมิฬและหน่วยเงามืดคอยคุ้มกัน
……….