สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 910 จิ้งคงกับเสี่ยวเป่า
บทที่ 910 จิ้งคงกับเสี่ยวเป่า
……….
เขาแค่ชะโงกศีรษะน้อยๆ กลมเกลี้ยงออกมา
ตัวเตี้ยเกินไป สูงกว่าธรณีประตูมาแค่นิดเดียวเท่านั้น
เขาพยายามเงยหน้าขึ้นอย่างกินแรงยิ่ง ศีรษะเด็กเล็กมักจะหนัก กระทำเช่นนี้ทำให้ร่างน้อยๆ ของเขาที่เดิมทีก็ไม่มั่นคงโงนเงนไปมาคล้ายจะล้ม
ในที่สุด เขาก็ล้มก้นจ้ำเบ้า
เพียงแต่ว่า เขาไม่ได้หย่อนก้นนั่งกับพื้น แต่ถูกมือขาวอ่อนนุ่มข้างหนึ่งคว้าไว้ได้ทัน
กู้เจียวโน้มตัวลง ใช้สองมืออุ้มเขาขึ้นมาเบาๆ
เห็นดวงหน้าที่แทบจะถอดออกมาจากกู้เหยี่ยน กู้เจียวก็ร้องว้าวอุทานขึ้น
จมูกน้อยๆ ปากน้อยๆ ใบหน้ารูปไข่ดวงน้อย นี่มันกู้เหยี่ยนฉบับย่อเลยนี่นา
มนุษย์เด็กน่ารักเกินไปแล้ว!
อยากจะบีบนัก!
เด็กเล็กเปราะบางมาก สุดท้ายกู้เจียวก็ข่มความพลุ่งพล่านอยากบีบแก้มเขาเอาไว้ เพียงใช้นิ้วชี้จิ้มใบหน้าน้อยๆ ของเขาเท่านั้น
ข้างละที
นุ่มจนใจนางละลายหมดแล้ว
“จำข้าได้หรือไม่” กู้เจียวอมยิ้มถามเขา
กู้เสี่ยวเป่ามองกู้เจียวอย่างงุนงง คล้ายว่าจะจำไม่ได้แล้ว
กู้เจียวพยักหน้า “ก็จริง ตอนข้าไปเจ้าเพิ่งได้ห้าเดือนเอง พริบตาเดียว เจ้าก็หนึ่งขวบกว่าแล้ว”
กู้เสี่ยวเป่าไม่เข้าใจว่านางกำลังเอ่ยอะไร ดวงตาทั้งกลมทั้งโต กลอกกลิ้งไปมา
กู้เจียวหันไปเอ่ยกับเซวียนหยวนฉีและเหลี่ยวเฉิน “น้องชายข้า กู้เสี่ยวเป่า”
“ไอ้หยา…”
สุดปลายทางเดิน บุตรชายของท่านป้าโจวแบกกระสอบข้าวสองสามกระสอบเดินเข้าไปในบ้าน มีกระสอบหนึ่งร่วงลงมา
“ข้าไปดูหน่อย” เซียวเหิงเอ่ยกับกู้เจียว
“อื้ม” กู้เจียวพยักหน้า
“เสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่า…”
เสียงเรียกของแม่นางเหยาดังลอยมาจากล่างระเบียง
กู้เสี่ยวเป่าได้ยินเสียงมารดาก็หันร่างน้อยๆ หมายจะลงจากอ้อมแขนกู้เจียว
กู้เจียวกลัวว่าพอเขาร้อนใจขึ้นมาจะเดินสะดุด จึงอุ้มเขาผลักประตูเรือนเปิดเดินเข้าไปแทน
แม่นางเหยามองปราดไปเห็นบุตรสาวกลับบ้าน อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีคราม รูปร่างอรชร ผิวพรรณคล้ำกว่าเดิมเล็กน้อย องคาพยพโตเต็มที่ หว่างคิ้วมีความองอาจห้าวหาญเพิ่มขึ้นหลายส่วน เพริศแพร้วชวนใจสั่นกว่าเดิม
ในสายตาของแม่นางเหยา บุตรสาวงดงามที่สุดเสมอ
นางมองบุตรสาวที่ไม่ได้พบหน้ามาหนึ่งปีกว่า ดีใจจนจมูกร้อนวาบขึ้นมา
“แม่ แม่”
กู้เสี่ยวเป่ายื่นมือน้อยๆ ไปหานาง
นางหันกลับมาปาดน้ำตา ยิ้มแย้มเดินไปหากู้เจียว รับตัวกู้เสี่ยวเป่ามา “กลับมาตั้งแต่เมื่อใด…”
นางหมายถึงกลับมาถึงตรอกปี้สุ่ยเมื่อใด
เรื่องที่กู้เจียวอยู่ที่แคว้นเยี่ยน นางรู้จากปากเซียวเหิงกับกู้เหยี่ยนมาบ้างแล้ว และรู้ด้วยว่าวันนี้นางจะกลับเมืองหลวงมาด้วยกันกับคณะทูตแคว้นเยี่ยน
เพียงแต่นางได้ยินว่าในวังมีงานเลี้ยง นึกว่ากู้เจียวจะเข้าวังก่อน พองานเลี้ยงเลิกค่อยกลับบ้าน
กู้เจียวเอ่ย “เพิ่งมาถึงเจ้าค่ะ ข้าเคาะประตู เสี่ยวเป่าก็ออกมา”
แม่นางเหยามองบุตรชายอย่างขบขัน “ปกติให้เจ้าออกไปมีแต่คร้านจะออก วันนี้เป็นอะไรไป รู้ว่าพี่สาวจะกลับมาหรือ จึงได้เปิดประตูให้พี่สาวโดยเฉพาะ เรียกทักทายพี่สาวหรือยัง”
แม่นางเหยาทนไม่ไหว หัวเราะออกมา เอ่ยกับกู้เจียว “เขาเขินน่ะ”
กู้เจียวจิ้มก้นน้อยๆ ของเขาที่กระดกขึ้นมา
ใบหน้าดวงน้อยของกู้เสี่ยวเป่ายังคงซุกอยู่ในอ้อมอกแม่นางเหยา เขายกมือเล็กๆ ขึ้น ยื่นไปหลังก้นน้อยๆ ของตัวเอง ดันนิ้วกู้เจียวออกอย่างงุ่มง่าม
กู้เจียวหัวเราะยกใหญ่
“จริงสิ ข้าพาแขกสองท่านมาด้วย” เมื่อจิ้มจนพอแล้ว กู้เจียวก็เชิญเซวียนหยวนฉีกับเหลี่ยวเฉินเข้าเรือน เอ่ยกับแม่นางเหยา “แม่ทัพใหญ่เซวียนหยวนแห่งแคว้นเยี่ยน ท่านปู่ของจิ้งคง นี่ลูกชายเขาเซวียนหยวนท่านชายใหญ่ เป็น…ลุงของจิ้งคง”
เอ่ยจบ นางก็หันไปแนะนำแม่นางเหยาให้ทั้งคู่ “นี่เป็น…”
นางชะงัก
แม่นางเหยามองนางแวบหนึ่ง ขนตาสั่นไหวเล็กน้อย เอ่ยกับทั้งสองเสียงนุ่ม “ข้าเป็นแม่ของเจียวเจียว”
“ฮูหยินกู้” สองพ่อลูกประสานมือทักทายนาง
ในระหว่างสนทนากัน รถม้าของตระกูลเซวียนหยวนก็มาถึง คนรับใช้ยกหีบลงจากรถสองสามใบ เป็นของขวัญแรกพบจากพวกเขา
“คนกันเองทั้งนั้น อย่าได้เกรงใจเพียงนี้” แม่นางเหยาเอ่ย
“น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ฮูหยินโปรดรับไว้” เหลี่ยวเฉินเอ่ย
กู้เจียวพยุงแขนแม่นางเหยาพลางกระซิบ “รับไว้เถิด”
ลูกสาวเอ่ยขนาดนี้แล้ว แม่นางเหยาจึงต้องรับไว้
นางหันไปมองสองพ่อลูกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส “พวกท่านมาหาจิ้งคงกระมัง จิ้งคง เหยี่ยนเอ๋อร์กับเสี่ยวซุ่นไปเก็บผลไม้ที่สวน ไปกันสักพักแล้ว น่าจะใกล้กลับมาแล้วล่ะ เข้าไปดื่มชาข้างในก่อนเจ้าค่ะ”
สองพ่อลูกทำตามที่นางต้องการ เข้าไปในบ้านด้วยกันกับแม่นางเหยา
“เอ๋ เจ้ามาจากประตูเมืองฝั่งไหน เจออาเหิงหรือไม่” แม่นางเหยาถามกู้เจียว
เหลี่ยวเฉินคิดในใจ แค่เจอที่ไหนล่ะ ยังสาดอาหารสุนัขมาเต็มกะละมังด้วย ยามนี้ข้ายังแน่นท้องอยู่เลย
กู้เจียวเอ่ย “พวกเรากลับมาด้วยกันเจ้าค่ะ เขาไปช่วยป้าโจวแล้ว”
แม่นางเหยาปลาบปลื้ม “เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี”
วันนี้แม่นมฝางไม่อยู่ อวี้หยาเอ๋อร์ไปซื้อเครื่องหอม
แม่นางเหยาเลี้ยงลูกคนเดียวไม่ไหว จึงจ้างสาวใช้กับแม่ครัวมา ยามนี้แม่ครัวกำลังทำอาหารอยู่ในครัว สาวใช้มีนามว่าเยวียนยาง
“เยวียนยางมาได้หนึ่งปีแล้ว มือเท้าคล่องแคล่วดี” แม่นางเหยาเอ่ยกับเยวียนยาง “เทน้ำชาให้คุณหนูใหญ่กับแขกที”
เยวียนยางได้ยินคำเรียกนี้ ก็รู้ในตัวตนของกู้เจียวทันที รีบชงน้ำชามา
กู้เสี่ยวเป่ายังหลบอยู่ในอ้อมอกแม่นางเหยา แต่เขาจะแอบหันหน้ามามองกู้เจียวเป็นพักๆ หากพบว่ากู้เจียวก็กำลังมองเขาอยู่ เขาก็จะหันหน้าหนีทันที ซุกเข้าอกแม่นางเหยาอีกหน
ฟ้าข้างนอกมืดมิด แม่นางเหยาเห็นใบหน้าทั้งคู่ไม่ค่อยชัด ภายในห้องมีตะเกียงน้ำมัน
สายตาแม่นางเหยาตกลงบนใบหน้าของเหลี่ยวเฉิน จู่ๆ ก็ร้องอุทานตกใจ “ข้าเคยพบเจ้า”
เหลี่ยวเฉินหันมองนางอย่างเหลือเชื่อ “อ้อ”
แม่นางเหยาไม่ได้มีเจตนาจะจาบจ้วง แต่เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด นางจึงมองเขาต่ออีกสักพัก ก่อนจะเอ่ยอย่างมั่นใจ “ไม่ผิด ข้าเคยเจอจริงๆ เป็นวัดแถวๆ หมู่บ้านชิงเฉวียนแห่งนั้น เจ้าเป็นภิกษุของวัด…ข้าจำได้…เจ้าอาวาสยังเรียกเจ้าว่า…ศิษย์น้องหรืออะไรสักอย่างนี่ล่ะ…”
เหลี่ยวเฉินสวมบทภิกษุในชั่วพริบตา ยกมือข้างหนึ่งพนม เอ่ยเสียงนิ่ง “อามิตตาพุทธ ที่แท้โยมเหยาก็เคยเจออาตมานี่เอง”
แม่นางเหยานิ่งอึ้ง ไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ สรุปแล้วเป็นท่านชายใหญ่แห่งแคว้นเยี่ยน หรือเป็นภิกษุในวัดกันแน่
หลังจากเซียวเหิงกับพวกกู้เหยี่ยนกลับมาถึงบ้าน ก็เล่าเรื่องราวของแคว้นเยียนให้แม่นางเหยาฟังไม่น้อย แต่หลักๆ จะเกี่ยวกับกู้เจียว
กู้เจียวอธิบาย “เรื่องนี้เล่าแล้วยาว เซวียนหยวนท่านชายใหญ่เป็นทั้งลุงของจิ้งคง และเป็นอาจารย์ของจิ้งคงด้วย ตอนนั้นพวกเขาต่างเคยออกบวชที่วัดแห่งนั้น”
แม่นางเหยากระจ่าง “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
เป็นถึงท่านชายใหญ่ผู้สูงส่ง นึกไม่ถึงว่าจะวิ่งไปเป็นพระแคว้นล่าง คงจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่น้อย แม่นางเหยารู้แจ้งแก่ใจดี แต่เวลาแบบนี้ไม่เหมาะจะซักไซ้ไล่เรียง
“เจียวเจียว!”
เสี่ยวจิ้งคงก้าวข้ามธรณีประตูมาคนแรก เขามองปราดเดียวก็เห็นกู้เจียวที่อยู่ในห้องโถง
เขาหิ้วตะกร้าใบน้อยวิ่งตึกๆ มาหา โผเข้าสู่อ้อมกอดกู้เจียว “เจียวเจียว เจียวเจียว! ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว! ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก!”
เซวียนหยวนฉีนั่งอยู่เยื้องกับกู้เจียว ตั้งแต่เสี่ยวจิ้งคงเรียกเจียวเจียวคำแรก เขาก็หันมามองจิ้งคงแล้ว
นี่คือลูกของเสี่ยวลิ่วหรือ
เสียงใสแจ๋วน่าฟังจริงๆ
เซวียนหยวนฉีเหมือนต้นไม้ที่ตายแล้วซึ่งจู่ๆ ก็เปล่งประกายด้วยพลังชีวิตขึ้นมา แววตาเป็นประกายจ้องมองเสี่ยวจิ้งคง
ในสายตาเสี่ยวจิ้งคงมีแต่กู้เจียว ไม่ได้สังเกตเห็นเขา และไม่ได้สังเกตเห็นเหลี่ยวเฉินที่อยู่ข้างๆ ด้วย
เหลี่ยวเฉินมุมปากกระตุก
เจ้าเณรน้อยหน้าเหม็น ดีร้ายอย่างไรข้าก็เป็นอาจารย์เจ้ามาหลายปีนะ นึกไม่ถึงว่าเจ้าไม่แม้แต่จะมองข้าเลยสักนิด
“เจียวเจียว คิดถึงข้าบ้างหรือไม่” เสี่ยวจิ้งคงเอ่ยอย่างออดอ้อน
“คิดถึงสิ” กู้เจียวเอ่ย
เสี่ยวจิ้งคงจึงได้เงยหน้าขึ้นด้วยความพอใจ เอ่ยทักทายแม่นางเหยากับกู้เสี่ยวเป่า “โยมเหยา เสี่ยวเป่า”
ในขณะนั้นเอง กู้เสี่ยวซุ่นกับกู้เหยี่ยนก็เข้ามาในบ้าน
“ท่านพี่!”
“พี่!”
ทั้งสองแทบจะเอ่ยขึ้นพร้อมกัน และไม่คิดว่าจะได้เจอกู้เจียวที่บ้าน
ทั้งสองหยิกกันไปทีหนึ่ง เจ็บจนสะดุ้ง ไม่ได้ฝันอยู่ เจียวเจียวกลับมาจริงๆ !
ที่แตกต่างจากเณรน้อยก็คือ พวกเขาสังเกตเห็นแขกในห้องด้วย
แม่นางเหยายิ้มแนะนำให้พวกเขา “ท่านปู่ของจิ้งคง แม่ทัพใหญ่เซวียนหยวน อีกท่าน…ท่านชายของตระกูลท่านแม่ทัพ พวกเจ้าเรียกเขาว่าท่านชายใหญ่เซวียนหยวนก็ได้”
ทั้งคู่ไม่เคยเจอเหลี่ยวเฉินที่แคว้นเยี่ยน ยิ่งไปต้องเอ่ยถึงเซวียนหยวนฉีที่อยู่ชายแดนเลย
แต่ตระกูลเซวียนหยวนน่ะพวกเขารู้จัก นึกไม่ถึงว่าแม้แต่ผู้บัญชาการใหญ่ตระกูลเซวียนหยวนก็ยังมาบ้านพวกเขา
ทั้งคู่หันไปมองเซวียนหยวนฉีที่นั่งอยู่ตรงนั้นดุจภูเขาลูกเล็ก ราวกับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทวนทองอาชาเหล็กจากร่างเขาที่ไม่อาจมีใครเทียมได้
กู้เหยี่ยน “ว้าว!”
กู้เสี่ยวซุ่น “ว้าว!”
กู้เสี่ยวเป่าเอ่ยเลียนแบบ “ว้าว!”
“จิ้งคง อาจารย์เจ้ามาแหน่ะ” กู้เจียวเอ่ยเตือนเสี่ยวจิ้งคงที่ฟุบอยู่ในอกไม่ยอมลุก
“อาจารย์ข้าไม่ได้มาเสียหน่อย” เสี่ยวจิ้งคงเบ้ปากน้อยๆ เอ่ยโดยไม่หันกลับไปมอง “เขาเกียจคร้านเพียงนั้น จะมาได้อย่างไร”
เพิ่งจะเอ่ยจบ มือเรียวยาวข้างหนึ่งก็เอื้อมไปหิ้วตัวเขาขึ้นมา เอ่ยอย่างอันตราย “เจ้าว่าใครเกียจคร้านนะ”
กู้เสี่ยวเป่า “คร้าน”
เสี่ยวจิ้งคงมองเหลี่ยวเฉิน น้ำตาคลอหน่วยกลอกกลิ้ง “เสี่ยวเป่าเกียจคร้าน”
กู้เสี่ยวเป่า “เสี่ยวเป่าเกียจคร้าน…”
เอ่ยเลียนแบบเสร็จ เขาจึงได้โบกมือไปมาอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ เอ่ยเน้นย้ำอย่างจริงจัง “เสี่ยวเป่าไม่เกียจคร้าน”
……….