สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 912 ครอบครัวพร้อมหน้า
บทที่ 912 ครอบครัวพร้อมหน้า
……….
อีกไม่กี่วันบ้านป้าโจวจะฉลองวันเกิด ซื้อข้าวสาร แป้งก๋วยเตี๋ยวและเครื่องเทศ เซียวเหิงช่วยยกเข้าไปให้ บังเอิญเจอหลานชายของป้าโจวที่ทบทวนบทเรียนอยู่
เด็กคนนั้นมีหลายคำที่อ่านไม่ออก ลำดับขีดก็เขียนไม่เป็น เซียวเหิงจึงถือโอกาสสอนเขาอยู่พักหนึ่ง
เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน พวกเด็กๆ ก็ไปเล่นที่เรือนท้าย เซวียนหยวนฉีไปเพลิดเพลินกับความสุขภายในครอบครัวกับจิ้งคงที่เรือนท้ายเช่นกัน
แม้ว่าบุตรชายจะไม่เลว แต่บุตรชายก็พ้นวัยน่ารักน่าเอ็นดูไปแล้ว ไหนเลยจะน่าสนุกเท่าเสี่ยวจิ้งคง
กู้เจียวเก็บเสื้อผ้าอยู่ในห้องฝั่งตะวันออก นางวางชุดกระโปรงสวยงามไว้เต็มเตียงอย่างเป็นระเบียบ
เมื่อเซียวเหิงเข้ามาในห้อง นางกำลังเพลิดเพลินกับเสื้อผ้าอาภรณ์ของตัวเองทีละชุดอยู่
หว่างคิ้วนางเผยสีหน้าเสพสุขออกมา ซ้ำยังเจือความภูมิใจไว้ด้วยเล็กน้อย
เซียวเหิงมาหยุดข้างกายนาง มองนางด้วยความขบขัน “เกิดเรื่องอะไรขึ้น เบิกบานใจเพียงนี้” เอ่ยพลางเบนสายตาตกลงบนเสื้อผ้าเต็มเตียง สีหน้าเขาตกตะลึง “เสื้อผ้ามากมายเพียงนี้ เอามาจากไหนรึ”
กู้เจียวยักคิ้วเอ่ย “ท่านแม่ข้าตัด!”
เซียวเหิงหัวเราะอย่างผิดคาด “เรียกท่านแม่แล้วรึ”
กู้เจียวกะพริบตาปริบๆ “…อืม”
เด็กคนนี้ก็มีตอนที่เขินอายเหมือนกันหรือนี่ เซียวเหิงทนไม่ไหว หัวเราะออกมา
“เจ้าหัวเราะอะไร” กู้เจียวถามอย่างเคร่งขรึม
เซียวเหิงกระแอมในลำคอ “อะแฮ่ม ไม่มีอะไร”
เจ้าน่ารักน่ะสิ
แน่นอนว่า รอยยิ้มของเซียวเหิงไม่เพียงเพราะขบขันนางเท่านั้น ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญมากด้วย เขารู้สึกดีใจแทนนางจากใจจริง
เขาไม่รู้ว่านางผ่านอะไรมาบ้าง ถึงได้มีปมในใจเช่นนั้น
แต่ไม่ว่าอย่างไร วันนี้นางข้ามผ่านมันมาได้แล้ว
อันที่จริงเซียวเหิงรู้ว่าเสื้อผ้าเหล่านี้แม่นางเหยาเป็นคนตัดให้นาง เดือนสามปีที่แล้วพวกเขาออกจากเมืองหลวงไป ยามนี้เป็นเดือนห้า เป็นเวลาถึงหนึ่งปีสองเดือนเต็มๆ แม่นางเหยาไม่ได้พบกู้เจียวเลย
แต่แม่นางเหยาไม่มีวันไหนไม่คิดถึงกู้เจียว นางอยู่ว่างๆ ก็ตัดเสื้อผ้าให้กู้เจียว ไม่ได้ตัดให้กู้เสี่ยวเป่าเท่าใดนัก
พวกนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่แม่นางเหยาตั้งใจคัดสรรที่ดีที่สุดให้ ยังมีอีกมากที่แม่นางเหยารังเกียจที่ตัดได้ไม่ดีพอ แถมยังไม่ได้เอาออกมาเสียด้วยซ้ำ
กู้เจียวอวดเสื้อผ้าของตัวเองให้เซียวเหิงดูเสร็จ ก็เริ่มนั่งริมเตียง พับพวกมันทีละชุด
เซียวเหิงนั่งอยู่ริมเตียงอีกฝั่ง ยื่นเสื้อผ้าให้นาง ยื่นไปพลาง เอ่ยไปพลาง “จะบอกข่าวดีให้เจ้าฟังข่าวหนึ่ง ข่าวร้ายข่าวหนึ่ง เจ้าจะฟังข่าวไหนก่อน”
“ข่าวดี” กู้เจียวเอ่ย
ดูท่าคืนนี้เด็กสาวนางนี้จะมีความสุขจริงๆ ไม่เช่นนั้นจากนิสัยของนาง ต้องฟังข่าวร้ายก่อนแล้ว
เซียวเหิงได้รับผลกระทบจากอารมณ์ของนางไปด้วย มุมปากหยักยกขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว “ข่าวดีคือ งานแต่งของพวกเราเลื่อนขึ้นมาไวขึ้น ไม่ต้องรอเดือนสิบสองแล้ว”
“เอ๋” กู้เจียวที่กำลังพับผ้าชะงักงันไป สีหน้าตกใจมองเขา
เซียวเหิงเอ่ย “ท่านลุงฮ่องเต้เป็นคนเปลี่ยน เปลี่ยนเป็นวันที่สิบแปดเดือนหน้า ยังไม่ทันจะได้ป่าวประกาศออกไปสู่ภายนอก เหตุผลนะหรือ เพราะฮองไทเฮาแคว้นเจาประชวร ต้องมีงานมงคลมาล้างชง ดังนั้นการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นจึงเลื่อนขึ้นมา”
กู้เจียว ท่านย่าก็เล่นลูกไม้เช่นกันหรือนี่
จวงไทเฮาที่ถูกเซวียนผิงโหวอวดลูกสาวคนเล็กทั้งวี่ทั้งวันทำเอากระทบกระเทือนใจเจียนคลั่ง ในที่สุดก็ละทิ้งหลักการไปแล้ว นางต้องการเหลนชายตัวน้อย ยามนี้ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้!
เซียวเหิงมองนางอย่างอ่อนโยน เอ่ย “แต่เจ้าวางใจได้ แค่เลื่อนวันขึ้นมา พิธีการไม่มีทางทำลวกๆ อย่างแน่นอน”
ความจริงแล้ว องค์หญิงซิ่นหยางเริ่มตระเตรียมเรื่องพิธีการตั้งแต่ปีใหม่แล้ว ทุกอย่างพร้อมสรรพแล้ว
เซียวเหิงเห็นนางเงียบไป จึงเอ่ย “แน่นอนว่า หากเจ้าไม่อยากให้เลื่อนละก็ ข้าจะให้คนไปแก้วันกลับคืนดังเดิม”
กู้เจียววางมาดจริงจังเอ่ย “จะเลื่อนขึ้นมาหรือไม่เลื่อนก็แล้วแต่ ที่สำคัญคืออยากล้างชงให้ท่านย่า”
เซียวเหิงกลั้นยิ้มไว้
“แล้ว ข่าวร้ายคืออะไรรึ” กู้เจียวถาม
เอ่ยถึงเรื่องนี้ เซียวเหิงก็แหงนหน้าทอดถอนใจ “เฮ้อ ข่าวร้ายก็เพราะพวกเราจะแต่งงานกันแล้ว ข้ากลับคืนตัวตนเซียวเหิง ไม่ใช่เซียวลิ่วหลังอีกต่อไป ตามกฎแล้ว ก่อนพิธีแต่งงานข้าไม่อาจมาพักที่นี่ได้อีก มิหนำซ้ำท่านปู่ก็กลับมาช้า ดังนั้นการบ้านของจิ้งคงกับกู้เหยี่ยนและกู้เสี่ยวซุ่น…คงต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
กู้เจียว ฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ !
…
ราตรีมาเยือน ทั้งครอบครัวนั่งกินข้าวด้วยกันในห้องโถง
เสี่ยวจิ้งคงยืนหยัดจะนั่งข้างกู้เจียว เขายังคงใช้จานชามช้อนที่เป็นของตัวเองและยังคงกินอาหารเจอยู่
เซวียนหยวนฉีนั่งอีกฝั่งของเขา ฟังเขาอวดอุปกรณ์รับประทานอาหารของตัวเองอย่างน่ามันเขี้ยว “ชามไม้ใบนี้เจียวเจียวเป็นคนทำให้ ช้อนนี้เจียวเจียวก็เป็นคนทำให้ ลายบนตะเกียบพี่เสี่ยวซุ่นก็สลักให้…”
เขาเล่าอย่างชำนาญคล่องแคล่ว เหมือนนับสมบัติอยู่ในบ้านของตนเอง เห็นได้ชัดเลยว่าบ้านนี้เลี้ยงดูและปกป้องเขาอย่างดี
กู้เสี่ยวเป่าไปคว้าตะเกียบเขา คว้าอุปกรณ์รับประทานอาหารที่เขาอุตส่าห์จัดวางไว้เรียบร้อยยุ่งเหยิงไปหมด เขาก็ไม่ได้โกรธ ทำเพียงหยิบชามไม้ใบหนึ่งยื่นให้กู้เสี่ยวเป่า “เจ้าเล่นได้แค่อันนี้นะ เดี๋ยวตะเกียบกับช้อนจะทิ่มเอา”
กู้เสี่ยวเป่ารับชามไม้มาอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะเริ่มเล่นอย่างเงอะงะ
เซวียนหยวนฉีไม่เคยคิดเลยว่า เขายังจะมีวันได้อยู่พร้อมหน้ากับคนในครอบครัวที่นอกเหนือจากบุตรชายตัวเอง
มื้ออาหารนี้ ทุกคนกินกันอย่างเบิกบาน
สายตาเซวียนหยวนฉีตกลงบนร่างเสี่ยวจิ้งคงกับกู้เจียวเป็นระยะ กลับไปกลับมาสับเปลี่ยน แม้แต่เหลี่ยวเฉินยังสังเกตเห็น
มองจิ้งคงไม่แปลกหรอก อย่างไรเสียก็เป็นหลานชายตัวเอง แต่เหตุใดจึงเอาแต่มองเด็กสาวนางนั้นเล่า
เซวียนหยวนฉีสะทกสะท้อนใจเสียงเบา “ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่นางใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้”
“ท่านพ่อ ท่านพูดอะไรน่ะ” เหลี่ยวเฉินนึกว่าบิดากำลังคุยกับตน เขาได้ยินไม่ชัด
“อ่า ไม่มีอะไร” เซวียนหยวนฉีเอ่ย “กินข้าวเถิด”
…
มื้ออาหารผ่านไป เซวียนหยวนฉีได้เวลากลับแล้ว
คนของอันกั๋วกงสร้างเรือนที่เมืองหลวงไว้ล่วงหน้า เซวียนหยวนฉีกับเหลี่ยวเฉินก็เข้าพักที่นั่นเช่นกัน
เซวียนหยวนฉีบอกลาทั้งครอบครัว กู้เจียวจูงมือเสี่ยวจิ้งคงไปส่งสองพ่อลูกที่หน้าประตู
“เจ้าคุยกับท่านปู่ลุงสักเดี๋ยว ข้าจะไปต้มน้ำ” กู้เจียวเอ่ยกับเสี่ยวจิ้งคง
“ขอรับ เจียวเจียว!” เสี่ยวจิ้งคงพยักหน้า ปล่อยมือของกู้เจียวออก
กู้เจียวหันหลังเข้าไปในบ้าน
เซวียนหยวนฉีคุกเข่าลงข้างหนึ่ง มองเขาอย่างลุ่มลึก หยิบเม็ดขาวที่ติดมุมปากเขาออก ก่อนเอ่ยอย่างอาทร “จิ้งคง อยากไปอยู่กับปู่ลุงสักสองสามวันหรือไม่”
“เพราะอะไรหรือ” เสี่ยวจิ้งคงถาม
เซวียนหยวนฉีเอ่ย “เพราะว่า ปู่ลุงคิดถึงเจ้ามาก อยากเห็นเจ้าบ่อยๆ ”
เสี่ยวจิ้งคงส่งเสียงอ้อ เอ่ย “หากท่านคิดถึงข้าละก็ มาเยี่ยมข้าก็ได้นี่นา! ข้าไปไม่ได้หรอก พี่เขยนิสัยไม่ดีไปแล้ว ข้าต้องอยู่เป็นเพื่อนเจียวเจียว! จะปล่อยให้เจียวเจียวโดดเดี่ยวไม่ได้!”
เซวียนหยวนฉียิ้ม ตบลงบนบ่าน้อยๆ ของเขาพลางเอ่ย “ได้ จะไม่ให้เจียวเจียวโดดเดี่ยว”
เสี่ยวจิ้งคงส่งทั้งคู่ออกจากประตูบ้าน ยืนอยู่ในธรณีประตูโบกมือให้ทั้งสอง เอ่ยลาอย่างน่าเอ็นดู “ลาก่อนท่านปู่ลุง! ลาก่อนท่านอาจารย์!”
สองพ่อลูกควบม้าจากไป
เสี่ยวจิ้งคงปิดประตูเรือน เขย่งเท้าขัดดานประตู เสร็จสิ้นการทำตัวน่าเอ็นดู
ใบหน้าดวงน้อยของเขาเคร่งขรึม สองมือไพล่หลัง เดินด้วยฝีเท้าของนายใหญ่เจ้าที่อยู่ข้างบ้าน
…
หลังออกมาจากตรอก เซวียนหยวนฉีก็เอ่ยกับบุตรชาย “จิ้งคงมีชีวิตที่ดีมาก เจ้าทำถูกแล้วที่ฝากฝังเขาไว้กับกู้เจียว”
เหลี่ยวเฉินเอ่ย “ข้าไม่ได้เป็นคนฝากฝัง เจ้าเณรน้อยนั่นเลือกเองต่างหาก”
เซวียนหยวนฉีตกใจเล็กน้อย “อย่างนั้นรึ”
เหลี่ยวเฉินเอ่ย “ใช่น่ะสิ ครอบครัวที่จะรับเลี้ยงเขาพลิกลิ้น บังเอิญเด็กนั่นมาซื้อภูเขาที่วัด เจ้าเณรน้อยเลยลงเขาไปกับนาง”
เซวียนหยวนฉีคล้ายคิดอะไรบางอย่างอยู่ “นั่นก็ช่างเป็น…วาสนาจริงๆ ”
เหลี่ยวเฉินมองเขาอย่างลุ่มลึก “ท่านพ่อ ไฉนข้าจึงรู้สึกว่าท่านปฏิบัติต่อเด็กนั่นค่อนข้างแตกต่างเป็นพิเศษเลยเล่า”
เซวียนหยวนฉีปรายตามองบุตรชายพลางเอ่ย “อย่าเอาแต่เรียกเด็กนั่น ๆ ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่”
เหลี่ยวเฉินหัวเราะ “ท่านพ่อ นางอายุน้อยกว่าข้าสิบสองปี! นางเป็นบุตรสาวบุญธรรมของอันกั๋วกงกับพี่หญิง ตามลำดับศักดิ์แล้ว นางต้องเรียกข้าว่าท่านอาด้วยซ้ำ!”
เซวียนหยวนฉีอ้าปากอยากเอื้อนเอ่ยแต่ยั้งไว้ “สรุปก็คือ ห้ามเรียกนางว่าเด็กนั่น”
“ทราบแล้ว ท่านพ่อ จะเรียกชื่อนาง พอใจแล้วกระมัง” เหลี่ยวเฉินเอ่ยพลางมองบิดาแวบหนึ่ง “คงไม่ใช่ว่าแม้แต่ชื่อก็ยังไม่ให้เรียกหรอกกระมัง”
ในขณะที่เซวียนหยวนฉีกำลังคิดว่าจะตอบบุตรชายอย่างไรดี ทันใดนั้น สองหูเขาก็ขยับ หันหน้าขวับ “มีคนไปที่ตรอกปี้สุ่ย! เป็นยอดฝีมือ!”
เหลี่ยวเฉินหรี่ตาลงก่อนจะเอ่ย “ข้าจะไปดูหน่อย!”
เอ่ยจบ เขาก็ใช้วิชาตัวเบาเข้าสู่ราตรีสีมืดไปเลย
…
กู้เจียวกำลังสระผมให้เสี่ยวจิ้งคงอยู่เรือนท้าย นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายกลิ่นหนึ่งเข้าประชิดอย่างรวดเร็ว คล้ายจะพุ่งมาหาเสี่ยวจิ้งคง
แววตานางขยับไหว หันหลังปกป้องเสี่ยวจิ้งคงไว้ด้านหลัง แล้วดึงทวนพู่แดงออกมาจากด้านข้าง
ทว่าไม่รอให้นางลงมือ เหลี่ยวเฉินก็เร่งรุดมาถึงแล้ว
เหลี่ยวเฉินไม่เปิดโอกาสให้คนผู้นั้นได้เข้าไปในเรือน ซัดฝ่ามือใส่คนกระเด็น
เหลี่ยวเฉินไล่ตามไป
กู้เจียวเรียกอวี้หยาเอ๋อร์มาหา ให้นางสระผมให้เสี่ยวจิ้งคงต่อ ส่วนนางจะไล่ตามออกไปด้วย
เหลี่ยวเฉินขวางอีกฝ่ายเข้าไปในซอยฝั่งตรงข้าม ทั้งสองประมือกันอุตลุดพัลวัน
แต่วรยุทธ์ของอีกฝ่ายสู้เหลี่ยวเฉินไม่ได้ เหลี่ยวเฉินฟาดฝ่ามือไปอีกหน ซัดอีกฝ่ายกระเด็นไปกระแทกกำแพงด้านหลังอย่างแรง
เหลี่ยวเฉินมองเขาอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นใคร มีจุดประสงค์อะไร”
อีกฝ่ายกุมหน้าอกที่เจ็บแปลบ ไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่กัดฟันตวาด “นี่เจ้ากำลังโจมตีในจังหวะคนกำลังอ่อนแอ! หากข้าอยู่ในช่วงสมบูรณ์พร้อมดี ไม่มีทางแพ้ให้กับเจ้าหรอก!”
กู้เจียวมาหยุดข้างกายเหลี่ยวเฉิน จ้องมองอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยความตกใจ “เป็นเจ้ารึ”