สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 919 อีอีและเสี่ยวเป่า
บทที่ 919 อีอีและเสี่ยวเป่า
……….
หยวนเป่าหลินกลับมาที่ห้องส่วนตัว จากนั้นน้องสาวหยวนถงก็เดินเข้ามา
น้องสาวดึงแขนนางไว้แล้วเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา “ท่านพี่ ท่านพี่ตกลงแต่งงานครั้งนี้จริงหรือ”
หยวนเป่าหลินดึงมือของตัวเองออก นอนตะแคงลงบนเตียงนอน พลิกหนังสือที่อ่านค้างอยู่ครึ่งเล่มอย่างสบายใจ “อืม”
น้องสาวนั่งลงข้างๆ นางด้วยความประหลาดใจ “แต่ท่านพี่ ท่านพี่ไม่ได้บอกว่าจะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิตหรอกหรือ”
หยวนเป่าหลินถอนหายใจ “ท่านย่าขู่จะฆ่าตัวตาย ข้าจะทำอะไรได้”
หยวนถงอุทาน “โอ้!” บีบผ้าเช็ดหน้าก่อนจะเอ่ย “เอ่ยถึงเรื่องนี้ เขายังหาเฟิ่งเหนียวให้ท่านพี่จริงๆ นะ แสดงว่าเขาจริงจังกับท่านพี่จริงๆ ”
หยวนเป่าหลินพลิกกระดาษหนึ่งหน้า ไปดูหนังสือต่อ เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ใช่เขาที่หา”
หยวนถงสงสัย “ท่านพี่รู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่เขาที่หา”
หยวนเป่าหลินเอ่ยเสียงเรียบ “ข้ารู้”
หยวนถงขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืนก่อนจะเอ่ย “เช่นนั้นข้าจะไปบอกท่านปู่!”
“ช้าก่อน” หยวนเป่าหลินวางหนังสือลง มองนางพลางเอ่ยเสียงเรียบ “อย่าทำให้การแต่งงานนี้พัง ข้าจะแต่งงานกับเขา”
หยวนถงขมวดคิ้วเอ่ย “ท่านพี่! ผู้ชายดีๆ บนโลกมีตั้งเยอะ เหตุใดท่านพี่ต้องเลือกผู้ชายที่ไม่ซื่อสัตย์”
หยวนเป่าหลินเอ่ยอย่างหมดหนทาง “เจ้าไม่เข้าใจหรอก”
หยวนถงจีบปากจีบคอ บีบผ้าเช็ดหน้าเบาๆ “ข้าไม่เข้าใจหรอก รู้แค่ว่าท่านพี่แต่งงานแล้ว คนต่อไปก็ถึงข้าเร็วๆ นี้ ตระกูลหยวนจะกลายเป็นบ้านแม่ ไม่ได้เจอพ่อแม่ทุกวัน เอ่ยคุยกับท่านพี่แบบนี้ก็ไม่ได้อีกต่อไป”
หยวนเป่าหลินอ่านหนังสือต่อ
นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ หยวนถงสูดหายใจลึก “ถ้าท่านพี่แต่งงานกับท่านชายใหญ่กู้ ข้าก็กลายเป็นญาติกับไอ้… เจ้าตัวต่อน่ะสิ!”
หยวนเป่าหลิน “เจ้าตัวต่ออะไร”
หยวนถงเหยียบเท้า “น้องชายเขาน่ะ! ไอ้ตัวไม่มีมารยาท น่ารำคาญ!”
หยวนเป่าหลินพลิกหน้าหนังสือ “อ้อ มีคนแบบนี้ด้วยหรือ ลืมไปแล้ว”
กู้เฉิงเฟิงถูกลืมสนิทโดยท่านพี่สะใภ้ “…”
…
กู้เจียวออกมาจากวัง ไปเยี่ยมองค์หญิงซิ่นหยางและซ่างกวานชิ่งที่ถนนจูเซวี่ย
ซ่างกวานชิ่งอาการดีขึ้นมากแล้ว พิษในร่างกายเกือบจะหมดแล้ว ทานยาต่ออีกเดือนก็คงหยุดได้ หลังจากนี้ต้องระวังเรื่องอาหารการกิน จะได้ไม่มีปัญหาอะไรใหญ่ๆ
ทั้งสามคนนั่งอยู่ในห้องขององค์หญิงซิ่นหยาง กู้เจียวมองไปรอบๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยเสียงเรียบ “อย่ามองหาเลย อาเหิงไม่อยู่หรอก”
ซ่างกวานชิ่งนั่งอยู่ทางขวาขององค์หญิง นำหนังสือบนโต๊ะมาบังใบหน้าด้านซ้าย เอ่ยกับกู้เจียวเสียงแผ่วเบา “รู้ว่าเจ้ามา เลยสั่งให้คนออกไป จะได้ไม่ให้พวกนางเจอกันก่อนแต่งงาน”
กู้เจียวทำหน้าไม่พอใจ โอ๊ะ
อวี้หยาเอ๋อร์กำลังอุ้มกู้เสี่ยวเป่าที่หลับสนิทอยู่ อวี้จิ่นกำลังพัดให้เสี่ยวเป่าอยู่ข้างๆ
เสี่ยวอีอี ยังไม่นอน นอนเล่นอยู่ในเปลคนเดียว โดยจับเท้าของตัวเองเล่น ส่งเสียงร้องอ้อแอ้ออกมาเป็นระยะ
นางเป็นเด็กทารกที่แสดงตัวตนชัดเจนมาก ตราบใดที่ยังไม่หลับก็จะไม่หยุดดิ้น ตรงข้ามกับกู้เสี่ยวเป่าที่แม้แต่จะร้องไห้ยังขี้เกียจ นับเป็นเด็กสองคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แม่นางเหยาให้กำเนิดกู้เสี่ยวเป่า แต่บ้านก็ยังเหมือนไม่มีเด็กเกิดใหม่
องค์หญิงซิ่นหยางให้กำเนิดเสี่ยวอีอี แต่บ้านกลับเหมือนมีเด็กเกิดใหม่ถึงสองคน
กู้เจียวเดินมาที่เปลเพื่อเล่นกับเด็ก
นางหยุดจับเท้าตัวเองเบิกตากลมโตราวกับอัญมณี จ้องมองกู้เจียวไม่กระพริบตา
นางกำลังจะขึ้นฟันซี่แรก ช่วงนี้จึงน้ำลายเลยไหลเยอะเป็นพิเศษ
กู้เจียวจำได้ว่าตอนกู้เสี่ยวเป่าอายุห้าเดือน ไม่ได้อ้วนขนาดนี้ แขนเล็กๆ ของนางดูเหมือนต้นอ่อนของต้นบัวขาวใสน่ารักน่าหยิกมาก
“ข้าขอบีบหน่อยได้ไหม” กู้เจียวถามซ่างกวานชิ่ง ซึ่งเดินมาที่เปลเด็กเหมือนกัน
ว่าจบก็ชำเลืองมองดูองค์หญิงเสด็จที่นั่งดื่มชาอยู่โต๊ะน้ำชา ก่อนจะใช้ร่างของตัวเองบังสายตาของนางไว้ ก่อนจะกระซิบกับกู้เจียวภายในเสี้ยววินาที “บีบตามสบายเลย”
เสี่ยวอีอีที่ถูกพี่ชายหลอกโดยไม่ทันตั้งตัว “…!”
กู้เจียวบีบแล้วบีบอีก
อืม สัมผัสดีจัง
เสี่ยวอีอีเป็นเด็กทารกที่ร่าเริง ชอบหัวเราะและร้องไห้ ถ้าปกติท่านพี่ชายมาหยิกนางแบบนี้ นางคงร้องไห้โวยวายไปฟ้องแม่แล้ว
แต่วันนี้ นางให้เกียรติท่านพี่สะใภ้มาก
หลังจากกู้เจียวบีบแขนเล็กๆ ของนางเสร็จ นางก็ยกเท้าเล็กๆ ของนางขึ้นสูง ราวกับกำลังถามว่า
นี่ไง ยื่นเท้าให้แล้ว อยากบีบไหม
เมื่อมีเด็กสองคนเล่นกับอีอีอยู่ องค์หญิงซิ่นหยางจึงไปทำธุระของตัวเอง
เมื่อเหลือแค่สองคนในห้อง ซ่างกวานชิ่งถามกู้เจียว “แม่ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
กู้เจียวหยุดบีบมือเสี่ยวอีอี หันไปมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจก่อนเอ่ยถาม “เหตุใดไม่ถามตั้งแต่เมื่อครู่”
ซ่างกวานชิ่งกระแอมเบาๆ ก่อนจะเอ่ย “ก็เมื่อกี้องค์หญิงอยู่ด้วย ข้ากลัวนางจะหึงนี่”
กู้เจียวเอ่ย “เจ้าเข้าใจด้วยหรือ”
ซ่างกวานชิ่งเลิกคิ้วเอ่ย “แน่นอน! ใครจะเหมือนน้องชายหนอนหนังสือผู้นั้น ที่ไม่เข้าใจผู้หญิงเอาเสียเลย”
กู้เจียวเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “แต่ข้าคิดว่าเขารู้จักพวกนางทั้งสอง มากกว่าที่เจ้ารู้จักเสียอีก”
ซ่างกวานชิ่งหน้ามืด ไม่พอใจที่กู้เจียวเอ่ยแบบนี้
กู้เจียวหยิบจดหมายที่พับไว้ออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้เขา “นี่เป็นจดหมายที่เขียนด้วยลายมือขององค์จักรพรรดินี เจ้าลองอ่านดูเองก็แล้วกันว่าพระองค์เป็นอย่างไรบ้าง”
ซ่างกวานชิ่งรีบคว้าจดหมายไป มองกู้เจียวอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ย “เมื่อกี้ยังว่าข้าอยู่เลย แล้วเหตุใดเจ้าไม่เอาจดหมายออกมาตั้งแต่แรก!”
กู้เจียวตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน “ข้าลืม”
ซ่างกวานชิ่ง “เหอะๆ ”
กู้เจียวและซ่างกวานชิ่งคุยกันโดยไม่สนใจเสี่ยวอีอีที่อยู่ในเปล เสี่ยวอีอีรู้สึกไม่พอใจจึงดึงมือของกู้เจียว
ราวกับต้องการบอกว่า อย่าไปคุยกับท่านพี่ชายหน้าเหม็นเลย มาคุยกับข้าดีกว่า
กู้เจียวยิ้มมุมปาก ยกเสี่ยวอีอีขึ้นมาอุ้ม
กู้เสี่ยวเป่าชอบกินนม กู้เจียวอุ้มเขามาทั้งวัน ตัวเองก็เลยมีกลิ่นนมติดตัว
เสี่ยวอีอีได้กลิ่นที่คุ้นเคย ใช้มือป้อมสองข้างจับชายเสื้อกู้เจียว แล้วซุกตัวเข้ามาในอ้อมกอด
กู้เจียว “…”
…
กู้เจียวคิดว่าเสี่ยวอีอีหิวจึงอุ้มไปที่สวนดอกไม้เพื่อส่งให้องค์หญิงซิ่นหยาง
เสี่ยวอีอีถูกพากลับไปหาแม่กะทันหัน จึงมึนงงไม่น้อย
ที่นางทำไปเป็นแค่ปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณ นางยังเล่นกับท่านพี่สะใภ้ไม่หนำใจเลย!
…จากนั้นก็ถูกแม่ดึงเข้าไปกอด
โอเค ตราบใดที่ยังมีนมก็ไม่ต้องการอะไรอีก
เสี่ยวอีอีกินอย่างเอร็ดอร่อย จนลืมท่านพี่สะใภ้ไปเสียสนิท
จดหมายของซ่างกวานเยียนมีทั้งหมดสามฉบับ สองฉบับส่งถึงสองพี่น้อง อีกหนึ่งฉบับส่งถึงองค์หญิงซิ่นหยาง
จดหมายที่ส่งถึงสองพี่น้องส่วนใหญ่จะอธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของแคว้นเยี่ยน และยังกล่าวถึงเรื่องที่นางได้ขึ้นครองบัลลังก์ คุยเรื่องทั่วไปเล็กน้อยเกี่ยวกับครอบครัว นอกจากนี้ เนื่องจากเพิ่งผ่านสงครามครั้งใหญ่มา มีการเปลี่ยนแปลงผู้ปกครอง และกำลังจัดการกับสิบตระกูลใหญ่ ทำให้ทุกคนในราชสำนักวุ่นวายกันมาก นางไม่สามารถมาร่วมงานแต่งงานของเซียวเหิงและกู้เจียวได้ นางรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ที่จริงทุกคนรู้ดี สถานการณ์ในแคว้นเยียนไม่ได้สงบสุขอย่างที่นางเอ่ย แค่อำนาจของสิบตระกูลใหญ่ก็ทำให้นางปวดหัวได้พักใหญ่แล้ว
ที่นางไม่มางานแต่งงานก็มีอีกเหตุผลหนึ่ง นางกลัวว่าองค์หญิงซิ่นหยางไม่อยากเจอนาง
กู้เจียวออกไปแล้ว ในห้องเหลือแค่แม่ลูกสามคน
เสี่ยวอีอีในอ้อมกอดเบิกตากว้างมองนาง ราวกับพยายามจะเข้าใจว่าแม่เป็นอะไร
ซ่างกวานชิ่งส่ายศีรษะเอ่ย “เรื่องนี้เกรงว่าท่านต้องเป็นคนบอกนางด้วยตัวเอง มิฉะนั้น ด้วยนิสัยของแม่ข้า นางคงไม่มีวันเข้าใจเรื่องนี้ได้”
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยขึ้นมาทันที “เจ้าเตรียมตัวจะกลับบ้านเมื่อใด”
ซ่างกวานชิ่งเบิกตากว้างก่อนจะเอ่ย “ทำไมหรือ ท่านแม่ไล่ข้าหรือ”
องค์หญิงซิ่นหยางมองลูกสาวในอ้อมแขนก่อนจะเอ่ย “ลูกชายทั้งสองคนอยู่กับข้าหมด แม่ของเจ้าคงเหงาน่าดู”
ซ่างกวานชิ่งเลิกคิ้วก่อนจะเอ่ย “แล้วเหตุใดไม่ให้น้องชายกลับไปเล่า”
องค์หญิงซิ่นหยางเงยหน้ามองเขา “น้องชายเจ้าไปได้ภรรยาจากแคว้นเจา เจ้าก็อยากได้ภรรยาจากแคว้นเจาเหมือนกันหรือ”
ซ่างกวานชิ่งเอ่ยอย่างจริงจัง “ก็ไม่แน่เหมือนกันนะ ถ้าเหมือนท่านแม่ ข้าก็อาจจะลองพิจารณาดู”
องค์หญิงซิ่นหยางรู้สึกเศร้าใจมากขณะเอ่ยคุยกับซ่างกวานชิ่ง แต่กลับต้องมาหัวเราะทั้งน้ำตาเพราะคำเอ่ยสุดท้ายของเขา
ว่ากันตามจริง ซ่างกวานชิ่งตั้งใจจะกลับไปแคว้นเยี่ยน
แม่ของเขาอยู่ทั้งสองแคว้น เขาเลยคิดว่าจะอยู่แคว้นละหกเดือน เพราะอย่างไรเขาก็ชอบเดินทางอยู่แล้ว
ท้ายจดหมายทั้งสามฉบับเอ่ยถึงเรื่องเดียวกัน คือเรื่องสถานะของลูกชายสองคน
นางไม่แน่ใจว่าลูกชายสองคนของนางใครอยากจะเป็นองค์ชายแห่งแคว้นเยียนบ้าง อาจจะอยากทั้งคู่ หรือไม่อยากเลยสักคน
นางเคารพการตัดสินใจของลูกชายทั้งสองคน ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร นางก็ยินดี
นี่ก็เป็นเรื่องที่องค์หญิงซิ่นหยางยังคงกังวลใจอยู่ตลอด ดังนั้นตอนนี้พระนางจึงยังไม่ได้บอกเรื่องชาติกำเนิดที่แท้จริงของเด็กทั้งสองให้กับฮ่องเต้แห่งแคว้นเจาทราบ
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ย “แม่เจ้าไม่มีปัญหาอะไร และจริงๆ แล้วข้าก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน เจ้าไปปรึกษากับน้องชายของเจ้าเถอะ”
ซ่างกวานชิ่งมีแววตาสั่นไหว “ท่าน…ไม่จำเป็นต้องปรึกษากับพ่อของข้าหน่อยหรือ”
องค์หญิงซิ่นหยางมีสีหน้าบึ้งตึงในทันที “ไม่ว่าเจ้าหรือใครก็เป็นลูกของเขา เขามีอะไรต้องเสีย!”
ซ่างกวานชิ่งลูบจมูกอย่างหงุดหงิด
เขาแค่เอ่ยขึ้นมาลอยๆ ดูสิว่าแม่ของเขาโกรธขนาดไหน
ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว แม่ของเขายังไม่หายโกรธเลย
ไม่แน่ใจว่าได้ยินคำว่าพ่อหรือไม่ เสี่ยวอีอีก็พลันนึกถึงคนคนนั้นขึ้นมา นางเริ่มหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง แม้กระทั่งพยายามลุกขึ้นนั่ง
องค์หญิงซิ่นหยางรู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่เอ่ยถึงพ่อในตอนกลางคืนเช่นนี้ ไม่เท่ากับเป็นการยุให้นางอยากเจอพ่อหรอกหรือ
เสี่ยวอีอีที่ต้องให้พ่อมากล่อมก่อนนอนทุกคืน อารมณ์ก็แปรปรวนง่ายเหลือเกิน ปากเล็กๆ บิดเบี้ยว แล้วก็ร้องไห้เสียงดังลั่นออกมา
……….