สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 92.1 ตัวตนที่แท้จริง (1)
กู้จิ่นอวี้รู้สึกราวกับว่าตัวเองหล่นร่วงลงจากสวรรค์สู่อเวจีภายในชั่วข้ามคืน นางทั้งตกใจทั้งหวาดวิตกและเสียใจ ความน้อยอกน้อยใจที่ใกล้จะสูญเสียบิดามารดาไปถักทอขึ้นในใจนางดุจตาข่ายยักษ์ปกคลุมฟากฟ้าที่กักขังนางเอาไว้ทั้งตัว “แม่อยากจะหาเวลาจัดการให้เจ้าได้พบหน้าก็ตระกูลกู้สักครั้ง…”
แม่นางเหยาเอ่ยต่อจากนั้นอีกมากมาย ทว่ามันกลับไม่เข้าโสตกู้จิ่นอวี้เลยแม้แต่คำเดียว
แม่นางเหยาจับมือนางมาด้วยความอ่อนโยน ให้นางพักผ่อนให้เต็มที่
ยามราตรีมาเยือน กู้จิ่นอวี้นอนอยู่บนผ้าปูที่นอนอันหรูหรานุ่มสบาย เป็นครั้งแรกที่นางได้ลิ้มรสชาติของการนอนไม่หลับ
ลมนอกหน้าต่างพัดแรงกระหน่ำ ทำเอากิ่งไม้ใบหญ้ากระทบกันส่งเสียงดัง
กู้จิ่นอวี้เลิกผ้าห่มขึ้นก่อนลงจากเตียง นางเปิดประตูห้องออก ลมแรงหอบหนึ่งโถมเข้ามาปะทะชุดคลุมและผ้าไหมสีครามของนางให้กระพือขึ้น
“ไอ้หยา! คุณหนูออกมาได้อย่างไรเจ้าคะ ลมแรงเพียงนี้! ระวังจะป่วยเอานะเจ้าคะ!”
สาวใช้ที่เฝ้าเวรยามอยู่เพียงผู้เดียวรีบเดินมาหา หมายจะประคองกู้จิ่นอวี้เข้าห้องไป
กู้จิ่นอวี้เอ่ยเสียงเรียบนิ่งว่า “ข้านอนไม่หลับ อยากจะไปเดินเล่น”
“เอ่อ…แต่นี่มันดึกมากแล้วนะเจ้าคะ…” สาวใช้เอ่ย เมื่อเห็นว่ากู้จิ่นอวี้ไม่มีทีท่าว่าจะกลับห้อง จึงกลืนคำเกลี้ยกล่อมลงคอไป “เช่นนั้นคุณหนูรอสักครู่นะเจ้าคะ บ่าวจะไปเอาเสื้อกันลมมาให้!”
“อืม” กู้จิ่นอวี้พยักหน้า
สาวใช้หาเสื้อกันลมอ่อนนุ่มตัวหนึ่งจากตู้เสื้อผ้ามาสวมให้กู้จิ่นอวี้
กู้จิ่นอวี้ก้มหน้าลงมองเสื้อคลุมกันลมของตัวเอง แล้วจู่ๆ ก็พึมพำขึ้นว่า “ยอดอาชาพันธุ์ดี เสื้อหนังล้ำค่าผืนนี้ ท่านบอกบุตรชายให้นำไปแลกสุราดีมาเถิด[1]”
สาวใช้ถามด้วยความตกตะลึงว่า “คุณหนู คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ เหตุใดจู่ๆ จึงได้ร้องกลอนขึ้นมาเล่า คุณหนูอยากแต่งกลอนหรือ”
สาวใช้ไม่เข้าใจเรื่องกาพย์กลอน แต่อวี้หรูที่เป็นสาวใช้คนก่อนเข้าใจ น่าเสียดายที่อวี้หรูโดนกู้เหยี่ยนขับไล่ไปแล้ว
กู้จิ่นอวี้ดึงมุมหนึ่งของเสื้อกันลมขึ้นมา ก่อนพึมพำว่า “รู้หรือไม่ว่าเสื้อหนังล้ำค่าคืออะไร สิ่งที่อยู่บนร่างข้างตัวนี้อย่างไรเล่า บางคนไม่กินไม่ดื่มหลายภพชาติก็ยังซื้อเสื้อผ้าเช่นนี้มาสักตัวไม่ได้เลย”
ยามนี้สาวใช้เข้าใจแล้ว นางยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูเป็นคุณหนูจวนโหวเชียวนะเจ้าคะ! ไม่ใช่คนที่จะไปเปรียบเทียบกับชาวบ้านทั่วไปเหล่านั้นได้เสียหน่อย!”
“เจ้าชื่ออะไรหรือ” กู้จิ่นอวี้ถาม
“บ่าวนามว่าเสี่ยวหลีเจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบ
หลังจากอวี้หรูจากไป คนรับใช้ข้างกายกู้จิ่นอวี้ก็ถูกท่านโหวเลือกมาใหม่ทั้งกลุ่ม หมู่นี้คนที่เลือกมาล้วนเป็นคนที่ไม่คุ้นหน้าทั้งนั้น
“เจ้าเป็นคนในหมู่บ้านละแวกนี้หรือ” กู้จิ่นอวี้ถามขึ้นอีก
“เจ้าค่ะ!” สาวใช้ตอบด้วยดวงตากลมโตเป็นประกาย
กู้จิ่นอวี้พินิจมองนางตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “ดูแล้วเจ้ายังเด็กกว่าข้าทีเดียว ครอบครัวเจ้าข่มใจให้เจ้าออกมาเป็นคนรับใช้คนอื่นได้อย่างไรกัน”
สาวใช้หัวเราะคิกคัก “คุณหนูล้อกันเล่นแล้ว การที่สามารถเข้าหมู่บ้านมาเป็นสาวใช้ได้นั้นเป็นงานที่ดีที่คนในหมู่บ้านพวกเราใฝ่ฝันหากันไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ! ที่บ้านบ่าวมีพี่สาวน้องสาวสี่คน มีเพียงบ่าวที่ได้งานที่ดีกว่าใครเจ้าค่ะ!”
กู้จิ่นอวี้นิ่งอึ้ง “พี่สาวน้องสาวสี่คน…ทำงานกันหมดเลยหรือ ที่บ้านไม่มีพี่ชายเลยหรือ”
สาวใช้พยักหน้าเอ่ยว่า “มีพี่ชายหนึ่งคน น้องชายอีกหนึ่งคนเจ้าค่ะ พี่ชายจะแต่งงานแล้ว พวกเรากำลังหาเงินสินสอดทองหมั้นให้ วันหน้าน้องชายก็จะต้องแต่งงานเช่นกัน สินสอดของเขาก็ต้องหามาให้ครบ แต่ว่า หากพวกเราต่างแต่งงานกันได้ดิบได้ดีล่ะก็ สินสอดทองหมั้นที่ได้รับก็น่าจะเพียงพอให้พวกเขาได้ไปสู่ขอแต่งงานแล้ว”
ในน้ำเสียงของนางมิใช่การพร่ำบ่นเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่านางเกิดมาก็ควรทำงานเพื่อพี่ชายน้องชายอย่างไรอย่างนั้น
กู้จิ่นอวี้รู้สึกว่าทัศนคติที่มีต่อโลกของตัวเองถูกพังทลายลง
นางถูกเลี้ยงดูอยู่ในจวนโหวตั้งแต่เล็ก ที่บ้านมีพี่ชายสามคน น้องชายหนึ่งคน แม้น้องชายจะดื้อรั้น แต่ก็แค่แกล้งนางเท่านั้น ไม่ได้บีบคั้นข่มเหงนาง พี่ชายสามคนล้วนประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ต่อให้ไม่อยากพบหน้าพวกเขา แต่ก็ไม่เคยคิดจะเสียสละการเป็นน้องสาวเพื่อปูทางให้พวกเขา
กู้จิ่นอวี้ฟังสาวใช้เล่าเรื่องครอบครัวต่ออีกพักหนึ่งก็ยิ่งพบว่าท่านโหวกู้กับแม่นางเหยาเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดในโลกนี้แล้ว
นางทำใจจากพ่อแม่ที่ดีเพียงนี้ไปไม่ได้ และตัดเยื่อใยจากจวนโหวไปไม่ได้เช่นกัน
วันรุ่งขึ้น ท่านโหวกู้กับแม่นางเหยามาเยี่ยมนาง ดวงตานางบวมเป่งเหมือนลูกเหอเถาสองลูก
สาวใช้อธิบาย “เมื่อคืนคุณหนูร้องให้ทั้งคืนเลยเจ้าค่ะ…”
“เจ้าออกไปเถิด” แม่นางเหยาเอ่ย
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ออกจากห้องไปด้วยความหวาดกลัว นางกังวลมากว่าตัวเองจะดูแลรับใช้คุณหนูได้ไม่ดี ทำให้คุณหนูเสียใจ นางไม่อยากโดนไล่ออกมาจากหมู่บ้าน
ท่านโหวกู้กับแม่นางเหยามาถึงตรงหน้าเตียง ท่านโหวกู้ยืนอยู่ข้างเตียง ส่วนแม่นางเหยานั่งลงริมเตียงนั้น
“ท่านแม่…” กู้จิ่นอวี้โผเข้าสู่อ้อมอกของแม่นางเหยา น้ำตาเม็ดโตเม็ดแล้วเม็ดเล่าหยดลงบนเสื้อส่วนหน้าของแม่นางเหยา “อย่าทิ้งลูกไป…ลูกทำใจจากท่านไปไม่ได้…และทำใจจากท่านพ่อไปไม่ได้ด้วย…ลูกไม่อยากจากพวกท่านไป…”
กู้จิ่นอวี้ร้องห่มร้องไห้เสียจนดวงใจของท่านโหวว้าวุ่นยุ่งเหยิงไปหมด
เขาเอ่ยด้วยความสงสารว่า “เด็กโง่ พ่อกับแม่บอกว่าจะทิ้งเจ้าเมื่อใดกัน ข้ากับแม่เจ้าปรึกษากันแล้ว คนที่มีสิทธิตัดสินใจเรื่องนี้ก็คือเจ้า หากเจ้าอยากกลับไป…”
กู้จิ่นอวี้ร้องไห้ขัดคำพูดเขาขึ้น “ลูกไม่กลับไป ลูกจะกตัญญูตอบแทนคุณท่านพ่อท่านแม่ไปชั่วชีวิต!”
เด็กน้อยผู้น่าสงสาร กลับไปก็เป็นเด็กกำพร้า อันที่จริงแม่นางเหยาก็ทำใจไม่ได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่ากู้ซานหลังและภรรยารักใคร่เอ็นดูเจียวเจียวเพียงนั้น นางก็ยิ่งไม่อาจเฉยเมยต่อกู้จิ่นอวี้ได้
นางประคองใบหน้าของกู้จิ่นอวี้ไว้พลางเอ่ยว่า “แต่ว่า ต่อให้ไม่กลับบ้านตระกูลกู้ก็ควรจะไปจุดธูปไหว้พ่อแม่ที่แท้จริงของเจ้าเสียหน่อย”
“เจ้าค่ะ!” กู้จิ่นอวี้ขานรับทั้งน้ำตา
แม่นางเหยาพยักหน้าด้วยความปลื้มอกปลื้มใจ นางลุกขึ้นไปดูกู้เหยี่ยนด้วยกันกับท่านโหว จู่ๆ กู้จิ่นอวี้ก็คว้าแขนเสื้อนางไว้ เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ยึดเอาสถานะของพี่สาวมาหลายปีเพียงนี้ ซ้ำยังแย่งพ่อแม่แท้ๆ ที่ดีที่สุดในโลกไปอีก รอพี่สาวกลับมาแล้วข้าจะรักพี่สาวให้ดีที่สุดเลยเจ้าค่ะ รวมถึงความรักที่ท่านพ่อท่านแม่มีให้ข้ามาหลายปีนี้…ข้าจะให้พี่สาวให้หมดเลย!”
แม่นางเหยาลูบหัวนาง
สองสามีภรรยาไปดูกู้เหยี่ยนต่อ
กู้เหยี่ยนไม่ได้นอนทั้งคืน เขาตื่นเต้นส่งเสียงร้องเหมือนอึ่งอ่างอยู่ทั้งคืน อวี้หย่าร์รำคาญเขาจะตายอยู่แล้ว!
แต่เขาก็ยังคงเป็นท่านชายน้อยผู้เงียบสงบไม่สนใจใครที่น่ารักที่สุด!
กู้เหยี่ยนตื่นเต้นยิ่งนัก กระทั่งการกลอกตาใส่พ่อแท้ๆ ก็ยังลืมไปจนสิ้น
กู้เหยี่ยนเอ่ยว่า “นางชอบข้า!”
แม่นางเหยามองลูกชายด้วยความรักใคร่เหลือแสน “แม่รู้จ้ะ”
กู้เหยี่ยนเอ่ยต่ออีกว่า “ข้าก็ชอบนาง!”
แม่นางเหยาพยักหน้ายิ้มๆ “อืม”
กู้เหยี่ยนนั่งตัวตรง “ข้าอยากไปหานาง!”
แม่นางเหยากุมมือลูกชายเอาไว้ เอ่ยเสียงเบาว่า “ให้เวลานางหน่อย ให้คิดความนางตกตะกอนได้เสียก่อน”
กู้เหยี่ยนข่มมดตัวเล็กๆ นับหมื่นตัวในใจเอาไว้ “อืม ก็ได้”
……
ณ หมู่บ้าน
กู้เจียวไม่ได้ปิดบังเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถานะตัวตนของตัวเองกับคนในครอบครัวสักนิด เซวียหนิงเซียงก็อยู่ด้วย
เนื่องจากกู้เจียวกำลังบาดเจ็บและมีไข้อยู่ ซ้ำหญิงชราก็กินอาหารที่เซียวลิ่วหลังทำไม่ได้จริงๆ จึงได้เรียกตัวเซวียหนิงเซียงให้มาช่วยทำกับข้าวให้
หลังจากนางทำเสร็จเรียบร้อย หญิงชราก็เหลือไว้ให้นางกับโก่วหวาได้กิน
หญิงชราถามเรื่องแม่นางเหยากับท่านโหวกู้ขึ้นบนโต๊ะอาหาร กู้เจียวจึงบอกเล่าฐานันดรของทั้งคู่รวมถึงเรื่องที่ตนโดนอุ้มผิดไปให้ฟังอย่างคร่าวๆ
คนภายในห้องนั้น นอกจากโก่วหวาแล้ว ทุกคนต่างเข้าใจแจ่มแจ้ง ความจริงแล้วกู้เจียวคือกู้จิ่นอวี้ และกู้จิ่นอวี้ก็คือกู้เจียว ตัวตนของทั้งสองสลับกัน
ทว่าน้ำเสียงของกู้เจียวราบเรียบมาก คนที่ไม่รู้คงคิดว่านางบอกเล่าว่าคืนนี้กินผักกาดอะไรทำนองนั้นไป
เซวียหนิงเซียงตกใจจนคางแทบจะหลุดจากเบ้าแล้ว นึกไม่ถึงว่าเพื่อนบ้านที่ตนไปมาหาสู่เนิ่นนานเพียงนี้จะเป็นคุณหนูของจวนโหว นี่นางกำลังมากินข้าวที่บ้านของคุณหนูจวนโหวอยู่อย่างนั้นรึ
เซวียหนิงเซียงรู้สึกว่าตะเกียบที่ตัวเองถือนั้นใกล้จะตกลงมารอมร่อแล้ว
นางมองไปยังหญิงชรา เซียวลิ่วหลังและเสี่ยวจิ้งคง พบว่าสีหน้าของพวกเขานอกจากเหนือความคาดหมายที่กู้เจียวโดนอุ้มไปผิดตัวแล้ว หลังจากนั้นล้วนสงบนิ่งกันหมด
พวกเจ้า พวกเจ้าไม่คิดว่าฐานันดรของกู้เจียวยอดเยี่ยมกันหรือไร พ่อนางเป็นท่านโหวเชียวนะ!
หญิงชรา เคยต่อยชนะชายผู้มีอำนาจที่สุดในแคว้นจ้าวมาแล้ว แค่ท่านโหวจะนับว่าเป็นอะไรได้!
เซียวลิ่วหลัง โหวลำดับขั้นสองเป็นแค่ตำแหน่ง ไร้ซึ่งอำนาจที่แท้จริง
เสี่ยวจิ้งคง สารเลวที่รังแกเป็นแต่เด็กและสตรีจะยอดเยี่ยมสักเท่าใดกันเชียว เฮอะ!
เซวียหนิงเซียงปากอ้าตาค้างมองเพื่อนบ้านที่มีท่าทางสงบนิ่งกันทั้งโต๊ะ “…”
ดูเหมือนว่านางจะเจอเข้ากับเรื่องสุดยอดอะไรบางอย่างเข้าแล้วกระมัง
——————–
[1] จากกลอนเชิญร่ำสุราของหลี่ไป๋