สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 921-2 ฉลองงานแต่ง (ตอนต้น) (2)
บทที่ 921 ฉลองงานแต่ง (ตอนต้น) (2)
……….
กู้เสี่ยวเป่าเล่นจนเกือบจะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วถึงกลับมา
เขาพอก้าวเข้าบ้านก็เริ่มมองหาพี่สาว
แต่ว่าวันนี้ไม่มีพี่สาว
กู้เสี่ยวเป่ายกมือเล็กๆ ขึ้นมา หน้าตาเหม่อลอย เงยหน้าขึ้นมอง พี่ชายคนหนึ่ง พี่ชายสองคน… พี่ชายทั้งแถว
กู้ฉังชิงไม่ได้เจอกู้เสี่ยวเป่ามานานแล้ว เขายังจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอกัน เขาตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขา ตอนนี้โตขึ้นแล้ว คงไม่เป็นแบบนั้นแล้ว
กู้ฉังชิงมั่นใจมาก ย่อตัวลง อุ้มกู้เสี่ยวเป่าที่ทำหน้างงขึ้นมา
กู้เสี่ยวเป่าไม่ได้ตัวสั่นเหมือนเมื่อก่อน แต่ตัวก็ยังแข็งทื่อ
“พี่ใหญ่ เขาเหมือนยังกลัวพี่อยู่นะ ให้ข้าอุ้มเองดีกว่า” กู้เฉิงเฟิงรับตัวเสี่ยวเป่ามาอุ้ม
แน่นอนว่า พอมาอยู่ในอ้อมกอดของกู้เฉิงเฟิง กู้เสี่ยวเป่าก็ผ่อนคลายลง
กู้ฉังชิงไม่ยอมแพ้ ลองอุ้มอีกครั้ง
กู้เสี่ยวเป่าก็ตัวแข็งทื่ออีกครั้ง
กู้ฉังชิง “…”
“ฮ่าๆๆ !” กู้เฉิงเฟิงเท้าสะเอวหัวเราะลั่น “พี่ใหญ่! เสี่ยวเป่าน่ะไม่ชอบพี่จริงๆ ด้วย!”
เขาอุ้มเสี่ยวเป่ากลับมาหาตัวเอง เอ่ยอย่างภูมิใจ “เสี่ยวเป่า เจ้าชอบพี่รองที่สุดใช่ไหมล่ะ”
กู้เสี่ยวเป่ามองเขาอย่างตั้งใจ เหมือนกำลังคิดตามคำเอ่ยของเขา
ทันใดนั้น กู้เสี่ยวเป่าก็เอื้อมมือออกไป คว้าหูของเขา แล้วดึงออกจนกลายเป็นหูลู่ลม!
กู้เฉิงเฟิง “…!!”
…
ในช่วงเวลาหนึ่งปีที่กู้เจียวไม่อยู่ เมี่ยวโส่วถังก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เสี่ยวซ่งที่เคยตามกู้เจียวมาแสวงโชคที่เมืองหลวงก็กลายเป็นที่รู้จัก มีลูกค้ามากมายแวะเวียนมาไม่ขาดสาย
เถ้าแก่รองซึ่งเป็นอัจฉริยะด้านการค้า ก็กำลังวางแผนที่จะเปิดเมี่ยวโส่วถังสาขาใหม่บนถนนฉังอัน
นอกจากนี้หอเซียนเล่อ หญิงงามแห่งหอเซียนเล่อ ที่เคยบาดเจ็บและพักรักษาตัวอยู่ที่โรงหมอก็จากไปแล้ว ฮวาซีเหยาก็หายตัวไปจากเมืองหลวงเช่นกัน
เถ้าแก่รองไม่รู้ว่าทั้งสองคนไปไหน
บางคน เมื่อจากกันแล้ว อาจจะไม่ได้พบกันอีกเลยตลอดชีวิต
กู้เจียวและเซียวเหิงได้รับพระราชโองการให้จัดงานแต่งงานเร็วขึ้น เป็นวันที่สิบแปดเดือนหก ตามที่เซียวเหิงได้บอกไว้
ปลายเดือนห้า ในที่สุดท่านโหวกู้ก็เสร็จสิ้นภารกิจจากกรมโยธา เขาได้ยินข่าวการกลับมาของพ่อและลูกชายพร้อมกับชัยชนะ เขากลับไปยังจวนโหวเพื่อชำระร่างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่แห้งสบาย ก่อนจะไปคารวะท่านพ่อ
ผลก็คือเห็นสาวใช้ข้างกายกู้จิ่นอวี๋รีบร้อนมาขอพบเขา
“มีเรื่องอะไร” เขาขมวดคิ้วถาม
“ท่านโหว คุณหนู… นาง… นาง…” สาวใช้เอ่ยตะกุกตะกัก เอ่ยไม่ออก
ท่านโหวกู้ขมวดคิ้ว แล้วตรงไปยังเรือนของกู้จิ่นอวี๋
ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่ตัวตนที่แท้จริงของกู้จิ่นอวี๋ถูกเปิดเผย ท่านโหวกู้ก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก รับไม่ได้ที่ลูกสาวที่ตัวเองรักมาหลายปี กลับเป็นคนเจ้าเล่ห์เช่นนี้
เขาโกรธกู้จิ่นอวี๋
แต่กู้จิ่นอวี๋คุกเข่าลงร้องไห้ฟูมฟาย บอกว่าตัวเองเป็นแค่ลูกบุญธรรมของจวนโหว ปู่และพี่ชายต่างไม่ชอบนาง แม้แต่ในใจของแม่ก็มีแต่ลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง
นางไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยเพื่อปกป้องตัวเอง
นางสูญเสียทุกอย่างไปหมดแล้ว เหลือเพียงพ่อคนเดียว นางไม่อยากให้พ่อเกลียดนาง
ถ้าแม้แต่พ่อก็ไม่ต้องการนางแล้ว การมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีความหมายอะไรอีก
นางเอาศีรษะโขกเสา เลือดสาดกระเซ็น
ท่านโหวกู้ใจอ่อน ยกโทษให้ลูกสาว
แต่ในใจเขาก็ยังมีปม
เมื่อท่านโหวกู้ไปหากู้จิ่นอวี๋ ดวงตาทั้งสองข้างของกู้จิ่นอวี๋ก็บวมเป่งจากการร้องไห้
“จิ่นอวี๋ เป็นอะไรไป” ท่านโหวกู้ถามข้างๆ นาง
กู้จิ่นอวี๋ตาแดงก่ำ เอ่ยด้วยความน้อยใจ “ท่านพ่อ…”
ท่านโหวกู้เอ่ย “อย่าเพิ่งร้องไห้ พูดดีๆ ”
กู้จิ่นอวี๋ร้องไห้จนพูดไม่ได้ศัพท์
ชุนหลิ่วสาวใช้ข้างกายเอ่ยเสริมขึ้น “ท่านโหว ท่านคงยังไม่รู้สินะว่าคุณหนูกลับมาแล้ว! แถมยังไปรับคนอื่นเป็นพ่ออีก! ตอนนี้ไม่ใช่คุณหนูแห่งจวนติ้งอันของเราแล้ว!”
ท่านโหวกู้สีหน้าเปลี่ยนทันที “อะไรนะ”
กู้จิ่นอวี๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้น “ข้าเห็นกับตาตัวเอง พี่สาวข้าได้กลายเป็นคุณหนูตระกูลสูงแห่งแคว้นบนแล้ว และจะแต่งงานอีกครั้งในฐานะคุณหนูแห่งแคว้นบน…”
ท่านโหวกู้กำหมัด “ลูกสาวตัวดี! นางไม่เคยคำนึงถึงหน้าตาของจวนโหวเลย!”
ชุนหลิ่วเอ่ย “จริงๆ แล้วคุณหนูจะแต่งงานก็แต่งไปเถอะ เหตุใดต้องมาทำให้จวนโหวเสียหน้าด้วย ในเมืองหลวงมีตั้งหลายที่ เหตุใดไม่ไปซื้อเรือนที่อื่น กลับต้องมาซื้อตรงข้ามจวนโหว แล้วยังจงใจพูดจาดูถูกคุณหนูต่อหน้าคนรับใช้ทุกคนอีก!”
กู้จิ่นอวี๋ตวาด “ชุนหลิ่ว เจ้าหยุดพูดได้แล้ว!”
ชุนหลิ่วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “วันนี้ถึงคุณหนูจะฆ่าบ่าวให้ตาย บ่าวก็จะพูด! คุณหนูใหญ่ได้เป็นคุณหนูสูงศักดิ์แห่งแคว้นบน มาอวดสินสอดของตัวเองต่อหน้าจวนโหวและคุณหนู จงใจทำให้ท่านเหล่าโหวเข้าใจผิด จนทำให้ท่านเหล่าโหวไม่พอใจคุณหนู! ไม่เพียงเท่านั้น เดิมทีงานแต่งของนางคือเดือนสิบ แต่เพื่อแย่งความสนใจจากคุณหนู นางถึงกับเปลี่ยนวันแต่งงานให้ตรงกับวันแต่งงานของคุณหนู!”
กู้จิ่นอวี๋ปาดน้ำตา “เรื่องอื่นข้าพอจะทนได้… แต่เหตุใดพี่สาวต้องเปลี่ยนวันแต่งงานมาเป็นวันเดียวกับข้าด้วย… ข้ารู้ว่าข้าสู้พี่สาวไม่ได้… ข้าก็ไม่เคยคิดจะแข่งกับพี่สาว… ข้าแค่หวังว่าท่านพ่อท่านแม่จะมาร่วมงานแต่งงานของข้า… แต่ตอนนี้… ตอนนี้…”
ท่านโหวกู้ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นางเปลี่ยนวันแต่งงานจริงหรือ”
น้ำตาของกู้จิ่นอวี๋ไหลริน “ชุนหลิ่วไปเจอพี่สาวกับท่านแม่ที่ร้านขายเครื่องประดับ นางบอกว่าวันแต่งงานของข้าถูกกำหนดแล้ว คือวันที่สิบแปดเดือนหน้า ไม่กี่วันหลังจากนั้น พระราชโองการเปลี่ยนวันแต่งงานของพี่สาวก็ประกาศออกมา เป็นวันเดียวกับวันแต่งงานของข้า…”
ท่านโหวกู้กำหมัดแน่นจนดังกรอบ “เหลวไหลนัก! เด็กคนนี้!”
ชัดเจนเลยว่าจงใจหาเรื่องจิ่นอวี๋!
นางรู้ว่าท่านแม่นางเหยาห่วงนาง ไม่มีทางยกเลิกงานแต่งของนางแน่ ซึ่งนั่นทำให้จิ่นอวี๋ไม่มีแม่ในงานแต่งของตัวเอง!
…
ท่านโหวกู้ไม่สนใจแม้แต่จะไปคารวะท่านพ่อ รีบตรงไปตรอกปี้สุ่ยทันที
“เด็กบ้า เจ้าไปรังแกจิ่นอวี๋อีกแล้วใช่ไหม ใครอนุญาตให้เจ้าเปลี่ยนวันแต่งงาน! ใครอนุญาตให้เจ้าย้ายไปอยู่บ้านตรงข้าม! เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้…”
เขาผลักประตูเข้าไป เห็นผู้อาวุโสมากมายอยู่ในบ้าน เสียงของเขาก็หยุดลงกะทันหัน
วันนี้เซวียนหยวนฉีและเหลี่ยวเฉินมาสอนวิทยายุทธให้สามหนุ่มน้อยตามปกติ
ท่านเหล่าโหวมาเล่นกับกู้เสี่ยวเป่า
ไทเฮาจวงมาเล่นไพ่นกกระจอก พร้อมกับเสี่ยวหงหงที่ตามมาด้วย
จี้จิ่วอาวุโสและอันกั๋วกงก็อยู่ด้วย ทั้งสองกำลังจิบชาและเล่นหมากรุกอย่างสบายใจ
ไม่ต้องเอ่ยถึงผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองเยียน แค่ฮองไทเฮาและฮ่องเต้แห่งแคว้นเจาก็ทำให้เขาเข่าอ่อนแล้ว
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
เหตุใดเรือนเล็กๆ แห่งนี้ถึงมีผู้ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่มากมายเช่นนี้
“ไท ไท ไท ไทเฮา…”
“ฝ่า ฝ่า ฝ่า ฝ่าบาท…”
“พ่อ พ่อ พ่อ ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วย”
เขาเอ่ยติดอ่างอย่างมาก
พอได้ยินเขาเรียกท่านโหวเหล่าว่าพ่อ อันกั๋วกงก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขาคือใคร
เขาคือติ้งอันโหวแห่งแคว้นเจา ผู้ที่ลำเอียงจนน่าโมโห!
อันกั๋วกงได้ยินเรื่องการกระทำของเขาจากกู้เสี่ยวซุ่นมาบ้าง และรู้ว่าคนผู้นี้สมควรโดนสั่งสอน
แน่นอนว่า ในวันแรกที่เขากลับมาถึงเมืองหลวง เขาก็มาหาเจียวเจียวเพื่อเอาเรื่อง
อันกั๋วกงเอ่ยอย่างเรียบเฉย “บ้านหลังนี้ ข้าซื้อเอง”
ฮ่องเต้แห่งแคว้นเจาตรัสอย่างเคร่งขรึม “กำหนดวันแต่งงาน ข้าเป็นคนเปลี่ยน”
จวงไทเฮาตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าจะจัดงานมงคล ต้องขออนุญาตเจ้าก่อนด้วยหรือ”
ท่านโหวกู้ที่ถูกหลอกอีกครั้งโดยกู้จิ่นอวี๋ …ตอนนี้ข้าจะหนีทันไหมเนี่ย
สุดท้ายท่านโหวกู้ได้รับของขวัญสุดพิเศษจากท่านพ่อและเซวียนหยวนฉีเป็นการซ้อมคู่
…
หนึ่งวันก่อนงานแต่ง กู้เจียวได้ย้ายเข้าไปอยู่ในจวนอันกั๋วกง
สถานที่จัดงานแต่ง ได้ข้อสรุปแล้วหลังจากที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้ปรึกษากันว่าจะจัดที่จวนเซวียนผิงโหว ส่วนห้องหอจะจัดไว้ที่จวนองค์หญิง
ส่วนเรื่องหลังแต่งงาน คู่บ่าวสาวจะไปอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่พวกเขาจะตัดสินใจกันเอง
อันกั๋วกงศึกษาธรรมเนียมการแต่งงานของแคว้นเจาอย่างละเอียด ทุกอย่างจึงเป็นไปตามธรรมเนียมท้องถิ่น
ภายในจวนประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีแดงที่มีตัวอักษรมงคล ดอกไม้สองข้างทางก็ถูกเปลี่ยนเป็นดอกโบตั๋นสีแดง
ดอกโบตั๋นเหล่านี้มีราคาแพงมาก เพียงแค่หนึ่งกระถางก็เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายของครอบครัวธรรมดาๆ ไปหลายปี
อันก๋วกงไม่เคยเสียดายเงินที่ใช้ไปกับลูกสาวเลยแม้แต่น้อย และไม่คิดว่ามันมากเกินไป เงินทุกเหรียญทุกสตางค์ล้วนได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเขา เขาไม่ได้ขโมยหรือปล้นมา ดังนั้นการที่เขาจะใช้เงินทั้งหมดไปกับลูกสาวก็เป็นสิทธิ์ของเขา
ค่ำคืนล่วงเลย
อันก๋วกงนั่งเงียบๆ บนรถเข็นในสวน มองดูพระจันทร์
เซวียนหยวนฉีเดินเข้ามา “ยังไม่นอนอีกหรือ”
อังกั๋วกงหันไปยิ้มก่อนจะเอ่ย “ท่านอาสองก็ยังไม่นอนเหมือนกันหรือ”
ข้างๆ เขามีม้านั่งหิน แต่เซวียนหยวนฉีไม่ได้นั่งลง
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล ก่อนจะเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “ไม่คิดเลยว่านางจะแต่งงาน”
อังกั๋วกงหัวเราะ “ท่านอาสองพูดอะไรอย่างนั้น เจียวเจียวต้องแต่งงานอยู่แล้วสิ”
เซวียนหยวนฉีถอนหายใจ “ใช่ นางคือเจียวเจียว”
อันกั๋วกงแปลกใจเล็กน้อย อาสองเอ่ยเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร หรือว่าเขารู้ว่าเจียวเจียวคือยินยิน
“พรุ่งนี้จะลุกขึ้นยืนได้ไหม” เซวียนหยวนฉีถามขึ้นอย่างกะทันหัน
ความคิดถูกขัดจังหวะ อันกั๋วกงก้มหน้าลง หัวเราะเยาะตัวเอง “อาสองรู้แล้วสินะ”
“เห็นเจ้าฝึกทุกวัน ดูเหนื่อยมาก”
อันกั๋วกงคิดว่าเขาจะเอ่ยว่า จริงๆ แล้วเจ้าไม่ต้องลำบากขนาดนี้ ไม่ว่าเจ้าจะยืนส่งหรือนั่งส่งนางออกเรือน ความรู้สึกที่นางมีต่อเจ้าก็ไม่เปลี่ยนแปลง
แต่ที่ไหนได้ เขากลับเอ่ย “เจ้ารู้ไหม เมื่อก่อนข้ากับพี่ใหญ่คัดค้านการแต่งงานของเจ้ากับอาจื่ออย่างมาก อาจื่อเป็นหมาป่าแห่งทุ่งหญ้า เจ้าเป็นนกในกรง พวกเจ้าทั้งสอง ไม่เหมาะสมกันเลย”
เขาบอกว่าการเอ่ยประโยคยาวๆ ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขา
“แต่ เจ้าช่างกล้าหาญ เหมือนอาจื่อ”
“อาจื่อไม่ได้มองเจ้าผิดไป”
“อาจื่อแต่งงานกับคนที่ใช่แล้ว”
“หวังว่านางจะแต่งงานกับคนที่ใช่เช่นกัน”
….
วันรุ่งขึ้น หลังจากเวลาตีสี่ แม่นางเหยาไปรับช่างแต่งหน้ามาที่จวนอันกั๋วกง
กู้เจียวที่นอนหลับอย่างสบายถูกปลุกด้วยมือแสนอ่อนโยน
“เจียวเจียว ตื่นได้แล้ว” แม่นางเหยาเอ่ยเบาๆ ที่ข้างหูนาง
“หืม” กู้เจียวลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย
อวี้หยาเอ๋อร์ถือชุดเจ้าสาวสีแดงสดมาที่ข้างเตียง แสงสีแดงที่สะดุดตาสะท้อนเข้าตาของกู้เจียว
กู้เจียวตกตะลึง
อวี้หยาเอ๋อร์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณหนู ท่านจะแต่งงานแล้วนะเจ้าคะ!”