สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 944 เด็กขี้อาย
บทที่ 944 เด็กขี้อาย
……….
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม เซียวเหิงคุยกับเซวียนผิงโหวเสร็จ จากนั้นจึงกลับไปยังจวนองค์หญิงพร้อมกับซ่างกวานชิ่ง
ซ่างกวานชิ่งหาวหวอด โบกมือให้กับเซียวเหิง “ง่วงชะมัด ข้าไปนอนก่อนล่ะ เจ้าเองก็รีบเข้านอน”
“รู้แล้ว” เซียวเหิงบอกกับเขา
ซ่างกวานชิ่งหอบปืนไฟกระบอกใหม่ของตัวเอง เดินเริงร่าจากไป
เซียวเหิงมองท่าเดินที่เหมือนกับพ่อตัวเองไม่มีผิดนั้นก็นึกขำจนต้องส่ายหน้า
ทว่าเมื่อเข้ามาถึงในห้องก็เห็นกล่องยาใบน้อยตั้งตระหง่านอยู่บนโต๊ะ
มุมปากของเขายกขึ้น เดินเข้าไปใกล้ ยกฝ่ามือเรียวยาวดุจหยกนั้นลูบมันเบาๆ
….
ยามฟ้าสาง กู้เจียวงัวเงียตื่นขึ้นมา นางรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องนางอยู่ตลอด สายแบบที่นางไม่อาจเมินเฉยได้
เมื่อนางลืมตาขึ้นก็เห็นเสี่ยวจิ้งคงนอนฟุบอยู่บนหัวเตียง
สายตาของเสี่ยวจิ้งคงจดจ่อ แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาจ้องอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้ว แต่วินาทีที่เขาพบว่านางตื่นขึ้นแล้ว ดวงหน้าน้อยของเขาก็พลันสดใสขึ้นมาในทันใด
“เจียวเจียว พี่ตื่นแล้วหรือ” เขาเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้ว
กู้เจียวมุมปากยกยิ้ม “มานานแล้วหรือ”
วันดีๆ เริ่มจากเชยชมหนุ่มน้อยรูปงาม
แม้ว่าจะไม่ใช่ข้าวปั้นวัยสามขวบแล้ว แต่เขาในวัยหกขวบก็ทั้งน่ารักทั้งหล่อเหลอไม่เบา
เสี่ยวจิ้งคงส่ายหน้า “ข้าเพิ่งมา”
“เหอะ มาตั้งครึ่งชั่วยามแล้วต่างหาก”
ใครบางคนถือม้วนหนังสือเดินเข้ามา เปิดโปงคำโกหกของเจ้าเด็กน้อยอย่างเย็นชา
เสี่ยวจิ้งคงเหลียวขวับถลึงตาใส่พี่เขยตัวแสบ เอ่ยเสียงขึงขัง “อยู่กับเจ้าหนึ่งวันยาวนานเหมือนหนึ่งปี แต่ยามอยู่กับเจียวเจียว เวลาผ่านไปไวราวพริบตา”
เอ่ยปากทีก็ร่ายยาวออกมาถึงสองสำนวน แถมยังคล้องจองกันเสียงด้วย สมกับเป็นเด็กจากห้องอัจฉริยะของกั๋วจื่อเจียน
กู้เจียวตื่นแล้วจึงไปอาบน้ำ เสี่ยวจิ้งคงเหมือนหางที่คอยตามติดนาง แอบมองนางอยู่เป็นระยะแต่กลับไม่เอ่ยคำใด
กู้เจียววางผ้าเช็ดน้ำในมือลง เอ่ยถามเขา “เป็นอะไรไปรึ”
เสี่ยวจิ้งคงสองจิตสองใจ สุดท้ายก็ตัดสินใจถามออกไปตามตรง “เจียวเจียว ในท้องของพี่มีเด็กน้อยหรือ”
กู้เจียวมองเซียวเหิงที่กำลังจัดโต๊ะหนังสือ พอจะเดาออกแล้วว่าเสี่ยวจิ้งคงไปได้ข่าวมาจากไหน
แต่งงาน อวดว่ามีลูก
สมกับเป็นเจ้าจริงๆ
กู้เจียวขานรับพลางตอบ “ใช่แล้ว มีเด็กน้อยแล้ว เด็กน้อยน่ารักเหมือนจิ้งคง”
“น่ารักเหมือนข้าหรือ”
คำพูดนั้นช่างหวานหูเหลือเกิน ทำเอาเสี่ยวจิ้งคงกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ แถมยังเฝ้ารอให้เด็กน้อยในท้องของกู้เจียวคลอดออกมาเร็วด้วยๆ
ทว่าพอนึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง เขาก็นิ่งไปก่อนจะเอ่ยเสียงงึมงำ “แต่ว่า แต่ว่า เจียวเจียวมีน้องแล้ว ยังจะชอบข้าอยู่หรือไม่ ข้ายังเป็นเด็กผู้ชายที่หล่อเหลาที่สุดในสายตาของเจียวเจียวอยู่หรือเปล่า”
กู้เจียวหัวเราะ หยิกแก้มน้อยๆ ของเขา โน้มตัวลงมาระดับเดียวดับเขาก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้ว ข้าจะชอบเจ้าตลอดไป นับวันยิ่งชอบเจ้ามากขึ้น”
“ไอ้หยา!” เสี่ยวจิ้งคงเขินจนแทบทนไม่ไหว สองแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เขาหันหลังกุมแก้มที่ร้อนผ่าวเอาไว้ “ข้าไปยกข้าวเช้ามาให้เจียวเจียวก่อนนะ”
เอ่ยจบก็วิ่งหนีไปอย่างขวยเขิน!
ทว่าพอวิ่งออกมาถึงโถงทางเดินแล้วก็พลันหยุดฝีเท้าลง ยืดแผ่นอกอยู่นอกประตูพลางเอ่ยกับเซียวเหิงที่จัดโต๊ะหนังสืออยู่หน้าประตู “เจียวเจียวชอบข้า! ข้าหล่อที่สุด! เหอะ!”
เสี่ยวจิ้งคงที่เอ่ยจบแล้วก็เดินจากไปอย่างมาดมั่น
…
ขณะที่เสี่ยวจิ้งคงไปยกอาหารเช้า เซียวเหิงกับกู้เจียวคุยกันเรื่องเมื่อคืนวาน
กู้เจียวไม่สนใจเรื่องทีหลีเจียงผิงทรยศนัก แต่สิ่งที่ทำให้นางสงสัยนั้นต่างจากเซียวเหิง
นางนึกย้อนพลางเอ่ย “ตอนที่พวกเขายื่นตะปูให้ข้า พวกเขาใช้ผ้าเช็ดหน้าสะอาดห่อไว้ ตอนที่ข้าอยู่ชายแดน เคยเห็นคนเจ็บเช่นนี้มานักต่อนัก คนทั่วไปไม่มีทางเก็บตะปูเอาไว้ แทบจะปาทิ้งทันทีด้วยซ้ำ เพื่อกันไม่ให้มีผู้ใดต้องบาดเจ็บ หรือถึงจะเก็บไว้ก็คงเก็บไว้ที่ไหนสักที่ แต่ใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อไว้แบบนั้น ราวกับกลัวว่าจะคราบเลือดและคราบสนิมบนนั้นจะหายไปอย่างไรอย่างนั้น”
เซียวเหิงมองนางด้วยสายตาชื่นชม “เจียวเจียวช่างฉลาดเสียจริง”
กู้เจียวพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่แล้ว ข้าฉลาดมาก”
เซียวเหิงหัวเราะ
ราวกับนึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง กู้เจียวถาม “แต่ว่า เจ้ารู้ว่าอย่างไรว่ามันจะกลับมาเอง ข้าไม่เห็นจะรู้มาก่อนเลย”
“เจ้าไม่รู้หรอกรึ” เซียวเหิงตกใจ เขานึกว่านางรู้ว่าต้องรับมือเจ้ากล่องยาใบน้อยของตัวเองอย่างไร
กู้เจียวส่ายหน้า
เซียวเหิงช่วงนางนึกพลางเอ่ย “จำครั้งนั้นได้หรือไม่ ที่เจ้าติดอยู่ในห้องเก็บเหล้าใต้ดินที่ถล่มลงมา”
กู้เจียวเอ่ย “จำได้ เจ้ากระโดดลงมา ตามหาข้า”
หินก้อนยักษ์ทับอกนาง หายใจแทบไม่ออก นางเหมือนจะตายอยู่รอมร่อ
ท่ามกลางความมืด มือของเขากุมมือของนางเอาไว้
กู้เจียวเอ่ย “หลังจากนั้นพวกเราก็ถูกช่วยออกมา กล่องยาของเจ้าร่วงตกลงไปในซากปรักหักพัง สถานการณ์ยามนั้นอันตรายนัก ไม่อาจขุดมันออกมาได้ แต่หลังจากที่ข้ากลับไปก็พบว่ามันอยู่ข้างกายเจ้า ตอนนั้นข้านึกว่าตัวเองตาฝาดไป จนกระทั่งหลังจากนั้นเจ้าบอกกับข้าว่ามันไม่ใช่กล่องยาธรรมดา ข้าถึงได้มั่นใจว่าครั้งนั้นข้าไม่ได้ตาฝาด”
พอเขาเอ่ยเช่นนั้น กู้เจียวถึงเรื่องหนึ่งขึ้นได้
ตอนแข่งตีคลีที่แคว้นเยี่ยน
นางจำได้ว่าตัวเองไม่ได้เอากล่องยาไปด้วย แต่ในตะกร้ากับมีมันอยู่
กู้เจียวนึกว่ากู้เสี่ยวซุ่นกับกู้เหยี่ยนใส่กล่องยาลงในตะกร้าของนาง
นอกจากนั้นตอนที่นางเพิ่งทะลุมิติมาที่นี่ กล่องยาเองก็ไม่ได้มาด้วย แต่ตอนที่นางต้องการใช้มันในยามคับขัน มันถึงได้ปรากฏตัวขึ้น
กู้เจียวมองกล่องยาใบน้อยบนโต๊ะอย่างคาดโทษ “ถ้ารู้แต่แรกว่าเป็นเช่นนี้ ข้าคงไม่เสียแรงขนมันมาด้วย”
ขนไปขนมาลำบากจะตายไป
กู้เจียวชี้ไปที่กล่องยา “เจ้าช่วยบอกตรงๆ ไม่ได้หรือไร บางครั้งไม่ได้พกเจ้าไปด้วย เจ้าคงปรากฏตัวหลายครั้งแล้วแต่ข้าไม่สังเกตเห็นใช่ไหม เจ้าจงใจใช่หรือไม่ ต้องให้หอบเจ้าไปด้วยทุกวันถึงจะพอใจใช่ไหม”
สายลมยามเช้าพัดผ่าน เจ้ากล่องยาใบน้อยนิ่งสนิท
…
เซียวเหิงทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ตอนนี้มีจุดน่าสงสัยสามอย่างที่ยังไม่คลี่คลาย
หนึ่ง เจี้ยนหลูรู้เรื่องกล่องยาน้อยได้อย่างไร
สอง เจี้ยนหลูเอากล่องยาน้อยไปทำไม
สาม หลีเจียงผิงมีเป้าหมายใดถึงได้มาเป็นสายลับในสำนักอั้นเย่ หากต้องการแก้แค้นสำนักอั้นเย่ แต่ยี่สิบปีที่ผ่านมาจะไม่มีโอกาสลงมือเลยหรือ ฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด
สองจุดแรกกู้เจียวยังจัดต้นชนปลายไม่ถูกเลยสักนิด แต่จุดที่สาม นางมีทฤษฎีของตัวเอง “เจี้ยนหลูส่งหลีเจียงผิงมาเป็นสายลับในสำนักอั้นเย่นานหลายปี นอกจากส่งข่าวให้เจี้ยนหลูแล้วเป็นปกติแล้ว เรื่องยิ่งใหญ่เดียวที่เขาทำคือขโมยกล่องยานี้”
เซียวเหิงหรี่ตา “เจ้าหมายความว่า เป้าหมายที่เขามาเป็นสายลับในอั้นเย่ก็เพื่อกล่องยาใบน้อยนี้ แต่เขาอยู่ที่เกาะอั้นเย่ตั้งแต่ยี่สิบปีก่อนแล้ว ตอนนั้นฉังจิ่งยังไม่เกิดด้วยซ้ำ เจ้าก็ยังไม่มาที่นี่ หรือพวกเขาเป็นเหมือนกั๋วซือ หยั่งรู้ล่วงหน้า”
กู้เจียวชะงักไป “ถ้าพวกเขาคิดว่ากล่องยาใบน้อยอยู่ที่เกาะอั้นเย่เล่า”
“เอ๊ะ” เซียวเหิงสงสัย
กู้เจียวเอ่ย “จื่อเฉ่าเป็นของที่มาจากกล่องยา แต่แรกเริ่มเดิมที่เจ้าเกาะคนแรกเป็นคนปลูกจื่อเฉ่า แต่ตอนนี้ข้าสงสัยว่ากล่องยาใบน้อยเคยปรากฏขึ้นบนเกาะอั้นเย่”