สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 946-3 พี่ใหญ่มาแล้ว (3)
บทที่ 946 พี่ใหญ่มาแล้ว (3)
……….
กู้เจียวเหยียบหน้าอกเขาด้วยเท้าข้างหนึ่ง ราวกับนายแห่งสรรพสิ่งมองมดแมลงบนพื้น “อันกั๋วกงอยู่ที่ใด”
ผู้คุมกฎเจ็ดหัวเราะเสียงเย็น ยกมือขึ้นปาดคราบเลือดตรงมุมปาก “เจ้าคิดว่า…ข้าจะบอกเจ้าหรือไม่ ข้าขอเตือนเจ้าว่า…ที่นี่คือถิ่นของเจี้ยนหลู…หากเจ้ากล้ามาวุ่นวาย…”
สายตาเขาแน่วแน่มาก เขาไม่มีทางเผยข้อมูลใดๆ ให้กับกู้เจียว
กู้เจียวไม่อยากเสียเวลากับเขา จึงชักเท้ากลับ ถือทวนพู่แดงที่มีโลหิตหยดติ๋งๆ เดินเข้าไปในหมู่บ้านประหนึ่งอสุรา ท่ามกลางสายตาจดจ้องของศิษย์เจี้ยนหลูที่ไม่กล้าเดินมาใกล้
ผู้คุมกฎเจ็ดดิ้นรนลุกขึ้นมา เขาทอดมองแผ่นหลังของกู้เจียวอย่างเย็นชา นิ้วทั้งห้ากำเข้าหากัน รวบรวมกำลังภายในสายหนึ่ง หมายจะซัดเข้าใส่แผ่นหลังกู้เจียวอย่างแรง!
ในขณะนั้นกู้เจียวบังเอิญผ่านศพของศิษย์เจี้ยนหลูคนหนึ่ง นางกระทืบส้นเท้าลงไปอย่างแรง กระบี่ยาวบนพื้นกระดอนขึ้นมา นางพลิกมือซัดด้ามกระบี่
กระบี่ยาวพุ่งทะยานเข้าใส่ผู้คุมกฎที่อยู่ด้านหลังนาง ผู้คุมกฎเจ็ดยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว ก็โดนแทงทะลุหน้าอกอย่างแรงเสียแล้ว!
ในระหว่างนี้กู้เจียวไม่ได้หันกลับไปมองเลย
ทวนพู่แดงของนางแตะพื้น พร้อมกับฝีเท้าของนาง ปลายทวนเย็นเยียบเป็นประกายฟันบนพื้นหินอ่อนเป็นเสียงบาดแก้วหูเนิบช้า มีสะเก็ดไฟสายหนึ่งเป็นประกายวาบขึ้นในบางคราด้วย
มีศิษย์พุ่งมาหานาง ทุกคนต่างล้มลงใต้ทวนพู่แดงของนาง
เหล่าศิษย์ของเจี้ยนหลูถูกสังหารจนกลัวกันหมดแล้ว
ศิษย์คนหนึ่งตัวสั่นงันงกเอ่ย “ระ…รีบไปรายงานเจ้าสำนักเร็วเข้า!”
หมู่บ้านซ่อนดาบมีสองยอดเขา เจ้าสำนัก เหล่านักบุญใหญ่และผู้คุมกฎต่างอยู่บรรพตหลัง วันนี้บังเอิญเป็นเวรผู้คุมกฎเจ็ดมาเฝ้าบรรพตหน้าพอดี
กู้เจียวเจออันกั๋วกงโดนศิษย์สี่คนมัดแบบอู่ฮวา[1]อยู่ตรงประตูหลังของบรรพตหน้า เป็นดังที่นางคาดไว้ พวกเขากำลังจะพาเขาลงเขาจากประตูด้านข้าง มุ่งหน้าไปยังท่าเรืออีกแห่ง
“ท่านพ่อบุญธรรม ท่านพ่อบุญธรรม” นางให้อันกั๋วกงพิงไหล่ตัวเอง แล้วจับชีพจรให้เขา
อันกั๋วกงค่อยๆ ฟื้นคืนสติขึ้นมา เขาลืมเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นอย่างอ่อนแรง เอ่ยกับกู้เจียว “เจียวเจียว…รีบหนีไป…ไม่ต้องสนใจข้า…รีบ…ลงเขา…”
กู้เจียวเอ่ย “ไปด้วยกันเจ้าค่ะ!”
อันกั๋วกงกัดฟัน ใช้เรี่ยวแรงที่เหลือทั้งหมดเอ่ย “บนตัวข้ามียา! จะเป็นพิษต่อ…เจ้าได้…”
กู้เจียวเห็นแต่แรกแล้ว นางช่วยแก้มัดที่เท้าให้เขา “ยาสลบแค่นี้ไม่มีผลกับข้า ข้าจะแบกท่านลงเขา”
นางเอ่ยพลางหันหลังแล้วแบกอันกั๋วกงขึ้นหลัง
แต่ในขณะที่นางหันหลังนั้น เงาร่างดุจภูตผีสายหนึ่งก็มาถึง ซัดฝ่ามือใส่หน้าอกนาง ซัดนางกับอันกั๋วกงออกไปพร้อมกัน
“เจียวเจียว!”
อันกั๋วกงไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน อุ้มกู้เจียวหมุนตัวกลางอากาศ ให้ตัวเองล้มอยู่ด้านหลัง ปกป้องกู้เจียวเอาไว้ในอ้อมกอดแน่น
เขากระแทกจนกระอักโลหิตออกมาทันที
ทั้งสองกระแทกเข้ากับหินด้านข้าง เขาใช้มือปกป้องศีรษะนางไว้
ศีรษะนางปกป้องแล้ว ทว่าแรงโจมตีมหาศาลนั่นก็ยังกระเทือนโดนกู้เจียวให้กระเด็นออกมาจากอ้อมอกเขาอยู่ดี
เบื้องหน้าคือหน้าผา
เขาโผไปคว้านางไว้ก็ไม่ทันเสียแล้ว
กู้เจียวร่วงลงไปทั้งตัว…
“เจียวเจียว” อันกั๋วกงหลุดร้องขึ้นเสียงดัง “พวกเจ้าช่วยนาง! รีบช่วยนาง! นางเป็นคนที่พวกเจ้าตามหา!”
ผู้คุมกฎที่สองที่ลอบโจมตีกู้เจียวชะงักงัน
“ว่าอย่างไรนะ นางก็คือ…”
“แย่แล้ว! นางจะตายไม่ได้!”
ผู้คุมกฎที่สองโผไปริมหน้าผา แต่เขาก็ช้าไปก้าวหนึ่ง เขายื่นมือออกไป แม้แต่ชายอาภรณ์ก็คว้าไว้ไม่ได้
เขาโงนโงนสองสามที ทรายและกรวดใต้ฝ่าเท้าเขาร่วงลงจากหน้าผา ราวกับว่าเขาก็จะลื่นลงไปด้วย
เขามองหน้าผาอันมืดทะมึนอย่างอกสั่นขวัญหาย ทั่วทั้งร่างมึนงงไปหมด
อันกั๋วกงคลานไปยังหน้าผา น้ำตาร่วงริน “เจียวเจียว…”
“เสียงอะไรน่ะ” ภายในป่า ซ่างกวานชิ่งที่กำลังถูกเซียวเหิงพยุงอยู่ เดินกะเผลกไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว
เซียวเหิงตั้งใจรวบรวมสมาธิ เงยหน้าขึ้นมอง “เหมือนจะเป็นอันกั๋วกง…เกิดเรื่องกับเจียวเจียวแล้ว!”
ลมแรงบนหน้าผาพัดขึ้นมา ทำเอาลืมตาไม่ขึ้น
ผู้คุมกฎสองยกมือบังตาไว้ พลางถอยหลังไปสองสามก้าว
ในขณะนั้นเอง เงาร่างฟ้าอ่อนสายหนึ่งก็ทะยานมาจากด้านหลัง กระโดดลงหน้าผาไปโดยไม่ลังเล ชุดคลุมของเขาสะบัดรับลม บัวบาทอันน่าทึ่งดอกหนึ่งเบ่นบานสะพรั่งอยู่ในหุบเขาอันมืดมิด
กู้เจียวร่วงหล่นลงอย่างต่อเนื่อง
ลมแรงดุจมีดปะทะใบหน้านาง
ตอนที่เครื่องบินตก…ก็เหมือนจะเป็นความรู้สึกเช่นเดียวกันนี้
ดังนั้นครานี้ก็กำลังจะตายเช่นกันหรือ
ความคิดถูกลมพัดกระจาย ในระหว่างที่กำลังสะลึมสะลือ มือแกร่งข้างหนึ่งก็คว้าข้อมือนางไว้
นางรู้สึกว่าตัวเองถูกบางอย่างดึงเอาไว้ ครั้นลืมตามอง เป็นดวงหน้าหล่อเหลาอันคุ้นเคย
“กู้ฉังชิงรึ”
กู้ฉังชิงคว้านางไว้มือหนึ่ง อีกมือเกาะหน้าผาไว้ ทว่าแรงของคนทั้งสองที่ร่วงหล่นพร้อมกันนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะหยุดลงง่ายๆ
ท้องนิ้วเขาเสียดสีกับหน้าผาจนเละ เสียดสีจนเห็นกระดูกขาวโพลน
ในที่สุด…ก็หยุดแล้ว!
กู้เจียวห้อยอยู่ใต้ร่างเขา มีของเหลวอุ่นบางอย่างหยดลงบนหน้าผากนางติ๋งๆ
นางเช็ดของเหลวบนหน้าผาก ถูปลายนิ้วไปมา “กู้ฉังชิง เจ้าบาดเจ็บ”
เจ็บมือจนเหมือนไม่ใช่ของตัวเอง กู้ฉังชิงเหงื่อเย็นท่วมตัว แต่น้ำเสียงกลับปกติ “ข้าไม่เป็นไร ยังเหลือแรงหรือไม่ ข้าจะดึงเจ้าขึ้นไปก่อน เจ้าจับข้าไว้ ข้าจะพาเจ้าขึ้นไป”
ตรงนี้หากไม่ทันระวังได้ร่วงลงไปอีกแน่
พวกเขามีฝีมือนั้นไม่ใช่เรื่องเท็จ แต่พวกเขาเป็นคน ไม่ใช่เทวดา
ร่วงลงไปได้ตายแน่
กู้ฉังชิงดึงกู้เจียวขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ให้กู้เจียวปีนมาบนหลังตน แล้วใช้แส้พันกันไว้
กู้เจียวเอ่ย “ข้าทำเองได้”
กู้ฉังชิง “อยู่นิ่งๆ”
เมื่อครู่นี้เขาเห็นหมดแล้ว นางโดนซัดฝ่ามือใส่ ต่อให้มีเกราะขวางวรยุทธ์ได้กว่าครึ่ง ก็ยังได้รับผลกระทบอยู่ดี
กู้เจียวกอดคอเขาไว้ เอ่ย “แต่เจ้าได้รับบาดเจ็บ”
กู้ฉังชิงเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ดังนั้นจึงยิ่งต้องแบกเจ้าใหญ่ ข้าตัวคนเดียว มิได้อยากมีชีวิตรอดขนาดนั้นหรอก”
กู้เจียวไม่รั้นต่อ
นึกบางอย่างขึ้นมาได้ กู้เจียวก็เอ่ยอีก “ข้ามีตะบันไฟ จะส่องทางให้เจ้า”
“ไม่ต้อง” เขามองมือซ้ายเละๆ ของตัวเอง เอ่ยอย่างราบเรียบ “ข้ามองเห็นทาง”
[1] มัดแบบอู่ฮวา ขั้นแรกให้พันเชือกรอบคอ แล้วอ้อมไปด้านหลังมัดมือที่ไพล่กันเอาไว้ เป็นการมัดต่อผู้ที่กระทำความผิดร้ายแรง