สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 947-2 หลงอีหวนคืน (2)
บทที่ 947 หลงอีหวนคืน (2)
……….
เขาหันไปเอ่ยกับอันกั๋วกง “อันกั๋วกง รบกวนท่านไปด้านหลังก้อนหินก่อน”
“ได้” อันกั๋วกงพยักหน้า นั่งลงด้านหลังก้อนหินด้วยการช่วยประคองของกู้ฉังชิง
จากนั้นกู้ฉังชิงก็วางกู้เจียวลงเบาๆ ให้นางพิงไหล่ของอันกั๋วกง
เรื่องนี้เกิดจากผู้อาวุโสรอง ผู้อาวุโสรองเสนอตัว เอ่ยกับกู้ฉังชิง “ท่านชาย เจ้ายังไปไม่ได้ วางคนลง ข้าจะให้ช่วยเจ้าลำบากน้อยลงได้!”
กู้ฉังชิงเดินออกมาจากด้านหลังก้อนหิน ชักกระบี่ยาวออกจากบั้นเอว หันมองพวกเขาอย่างเย็นชา เอ่ย “ไม่มีผู้ใดพาตัวน้องสาวข้าไปได้ทั้งนั้น!”
“หยุดพล่ามได้แล้ว! ตั้งกระบวน!” ผู้อาวุโสรองง้างกระบี่โจมตีเข้าใส่กู้ฉังชิง
เจี้ยนหลูโด่งดังจากวิถีกระบี่ นึกไม่ถึงว่าเจ้าหนูนี่จะกล้าใช้กระบี่กับตน ช่างไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งมวล!
อาวุธปะทะกัน แต่ละกระบวนเอาถึงตาย ทั้งสองฝ่ายไม่มีผู้ใดเหลือทางรอดและทางให้โต้คืนกันเลย
กู้ฉังชิงเป็นผู้น้อย ซ้ำยังเป็นคนแคว้นล่าง เหล่าผู้คุมกฎของเจี้ยนหลูไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ผู้คุมกฎรองลงมือจัดการเขาคนเดียวก็เป็นการให้เกียรติเขาแล้ว คนอื่นๆ ย่อมไม่เข้าร่วมด้วย
ทว่าพวกเขาดูการต่อสู้อยู่ข้างๆ ดูไปดูมา สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป
ผู้คุมกฎสาม “ยี่สิบกระบวนเข้าไปแล้ว ไยผู้อาวุโสรองยังไม่จัดการเจ้าเด็กนี่อีก”
ผุ้คุมกฎสี่ “เจ้าเด็กนี่ก็ช่างสู้เก่งนัก!”
ผู้คุมกฎห้า “กระบวนท่าของเขากลับไม่มีอะไรแปลกพิสดาร ก็แค่…”
ก็แค่มีความโหดเหี้ยมเท่านั้น
เป็นยอดฝีมือที่อาศัยปณิธานในการกระตุ้นศักยภาพ
ผู้คุมกฎแปดเอ่ย “คนผู้นี้กลับเหมาะที่จะเข้าเจี้ยนหลูของเรายิ่งนัก หากได้รับการชี้แนะจากพวกเรา หากมีเวลามากกว่านี้ละก็ อาจจะสามารถกลายเป็นยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์อีกคนหนึ่งของสำนักเราเลยก็ได้”
ผู้คุมกฎสาม “ความหมายของผู้อาวุโสแปดคือ ไม่ฆ่าเขารึ จะรับเข้าสำนักรึ”
เพิ่งจะเอ่ยจบ กู้ฉังชิงก็จงใจเผยช่องโหว่ ล่อให้ผู้อาวุโสรองเข้ามาโจมตี สุดท้ายพลิกมือหนีบกระบี่ของผุ้อาวุโสรองเอาไว้ จากนั้นเขาก็แทงกระบี่ใส่ช่องท้องของผู้อาวุโสรอง
ผู้อาวุโสรองซัดฝ่ามือใส่ไหล่เขา อาศัยแรงนี้หลุดจากการจับกุมของกู้ฉังชิง พร้อมกับขยับร่างกายตนออกจากกระบี่ยาวของกู้ฉังชิงด้วย
เขาถอยหลังไปหลายก้าว กระบี่ยาวแตะพื้น พยุงร่างกายที่แทบจะล้มลงเอาไว้
“ผู้คุมกฎรอง!”
พวกเขาสีหน้าพลันเปลี่ยน
นึกไม่ถึงว่าผู้คุมกฎเจี้ยนหลูผู้ยิ่งใหญ่จะพ่ายแพ้ให้กับเจ้าเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
“ข้ามาช่วยเจ้า!” ผู้คุมกฎแปดทะยานกายขึ้น
ผู้คุมกฎใหญ่เอ่ยขึ้น “เจ้าหก เจ้าห้า พวกเจ้าก็เข้าร่วมด้วย! ยามนี้อย่าได้คำนึงถึงคุณธรรมในยุทธภพอะไรนั่น รีบสังหารเขาซะ ทำหน้าที่เป็นสิ่งสำคัญ!”
ทั้งสามเข้าล้อมสังหารกู้ฉังชิง
วรยุทธ์ของทั้งสามล้วนไม่ด้อยไปกว่าวิญญาณทมิฬเลย พอลงมือพร้อมกัน กู้ฉังชิงจึงเจอการควบคุม
สองมือเขาเดิมก็ได้รับบาดเจ็บจากด้านล่างหน้าผาแล้ว ซ้ำยังแบกกู้เจียวปีนอยู่นาน แรงกำลังและกำลังภายในหมดเกลี้ยงแล้ว หากประมือกับวิญญาณทมิฬทั้งสามต่อ แทบเอาชนะไม่ได้เลย
แผ่นหลังเขาถูกผู้คุมกฎห้าฟันขาด อาภรณ์ไหมฉีกขาด โลหิตสีชาดสาดกระเซ็น
กู้เจียวที่กำลังหลับสนิทขมวดคิ้ว
กู้ฉังชิงบอกตัวเองว่าจะล้มไม่ได้ เขายังต้องพาน้องสาวกลับบ้าน
“ยังไม่ยอมจำนนอีกรึ เจ้าหนูเจ้านี่มันหัวรั้นจริงๆ !”
“เจ้าห้า อย่าเปลืองน้ำลายกับเขา ฆ่าเขาซะ! เจ้าแปด เจ้าตัดทางถอยเขา!”
กู้ฉังชิงโดนโจมตีทั้งหน้าทั้งหลัง ผู้คุมกฎหกอาศัยจังหวะนี้ทะยานกายขึ้น กระบี่ยาวในมือแทงเข้าใส่หัวใจเขาจากด้านหลัง
ฉึก
ของมีคมเข้าสู่ร่าง แทงทะลุจากด้านหลังสู่หน้าอก!
ผู้คุมกฎก้มหน้าลงอย่างเหลือเชื่อ มองหัวทวนที่ทะลุจากหน้าอกตนออกมา ก่อนกระอักโลหิตคำหนึ่ง
“น้องหก!”
“ผู้คุมกฎหก!”
ผู้คุมกฎห้ากับผู้คุมกฎแปดร้องเรียกขึ้นพร้อมกัน
เห็นเพียงใต้แสงจันทรา กู้เจียวที่ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นตั้งแต่เมื่อใด มือถือทวนพู่แดง แววตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็งยืนอยู่ด้านหลังผู้คุมกฎหก
ภาพนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป ทำให้พวกผู้คุมกฎใหญ่ที่ดูกันอยู่ตั้งตัวไม่ทันเช่นกัน
พวกเขาต่างนึกว่าผู้คุมกฎหกจะต้องแทงกู้ฉังชิงเข้าจังๆ แน่ๆ
ผู้ใดจะคิดว่าผู้คุมกฎหกจะโดนคนแทงทะลุหัวใจได้เล่า
กู้เจียวชักทวนพู่แดงออก โลหิตกระเซ็นโดนใบหน้าดวงน้อยอันเย็นเฉียบของนาง
ลมแรงใต้หน้าผาโชยโกรกขึ้นมา พัดเอาชุดศึกสีชาดของนางพริ้วไหว
ชุดศึกดุจเปลวเพลิงที่กำลังดื่มกินโลหิตศัตรู
พื้นที่มีดินทรายฟุ้งตลบ มียันต์ผาสุกที่ยังเหลืออุณหภูมิร่างกายอยู่นอนอยู่อย่างเดียวดาย
กู้เจียวย่ำเท้าลงหนึ่งขึ้นไป แววตาที่เต็มที่ไปด้วยไอสังหารทอดมองทุกคน ณ ที่นี้
ทุกคนต่างโดนไอสังหารของนางทำให้ตกใจกลัว เป็นมาดที่ต่างจากตอนมาของนาง แม้จะเป็นการสังหารคนเช่นกัน ทว่านางในยามนี้เจือกลิ่นอายอันธพาลทลายฟ้าทะลวงดิน ราวกับอสุราที่กลับมาจากโลกันตร์ ต้องการจะสังหารทั่วทั้งหมู่บ้านซ่อนดาบให้ราบคาบเป็นหน้ากลอง แม้แต่หญ้าสักต้นก็ไม่ให้เหลือ
กู้ฉังชิงอาศัยจังหวะนี้แกว่งกระบี่บีบผู้คุมกฎห้าและผู้คุมกฎแปดที่มัวตะลึงงันให้ถอยไป เขาทรุดลงคุกเข่ากับพื้นข้างหนึ่ง ใช้กระบี่ยาวยันร่างเอาไว้ หันกลับมามองกู้เจียวที่มีแววตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง กวาดสายตาไปยังยันต์ผาสุกที่ถูกนางเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้า ก่อนตกลงบนท้องน้อยของนางที่มีเกราะป้องกันอยู่ ก่อนจะกำหมัดแน่นทีละนิด
ผู้คุมกฎสามขมวดคิ้วเอ่ย “นี่นางเป็นอะไรไป ไยจึงรู้สึกแปลกๆ เล่า”
ผู้คุมกฎใหญ่สีหน้าเคร่งขรึม “พวกเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่านิสัยเช่นนี้ของนาง…ค่อนข้างเหมือนสภาวะเสียการควบคุมของพวกวิญญาณทมิฬเลย”
ผู้คุมกฎสามสีหน้าพลันเปลี่ยน “หรือว่านางก็โดนพิษจื่อเฉ่าเช่นกัน”
ผู้คุมกฎใหญ่เอ่ยเสียงเย็น “จับนางไว้!”
ผู้อาวุโสห้าพุ่งไปหา คนที่โดนพิษจื่อเฉ่าจะไม่ถูกสังหารตายง่ายๆ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องลงมืออย่างปรานี พยายามออกกระบวนให้ได้มากที่สุดก็พอ ทำร้ายนางให้กึ่งพิการนั่นก็เป็นเพราะนางหาเรื่องใส่ตัวเอง!
สิ่งที่ชวนตกใจได้เกิดขึ้น กู้เจียวใช้ทวนสับกระบี่ยาวของผู้คุมกฎห้าสะบั้น ก่อนจะตีลังกากลางอากาศ ขายาวเตะศีรษะของผู้คุมกฎห้าอย่างแรง ทำเอาคนทรุดลงกับพื้น!
“เจ้าห้า!” ทุกคนพากันหน้าเปลี่ยนสี!
นี่มันความเร็วรุนแรงปานใดกัน เรี่ยวแรงช่างน่าตกใจนัก
เจ้าแปดลอบโจมตีกู้เจียว กู้เจียวก็ไม่หันกลับไป นางพลิกมือใช้ทวนแทงไหล่ของผู้คุมกฎแปดเข้าอย่างจัง!
จากนั้นนางก็ยืมแรง กุมทวนพู่แดงทะยานตัวขึ้นไปทางด้านหลัง ปลายเท้าเสยคางของผู้คุมกฎห้า เตะคนร่วงลงหน้าผาไปอย่างแรง!
ผู้คุมกฎใหญ่เกิดโทสะ “รุม!”
คนอื่นๆ รวมถึงผู้คุมกฎรองที่ได้รับบาดเจ็บ ล้วนพุ่งเข้าใส่กู้เจียว
กู้เจียวยืนอยู่หน้ากู้ฉังชิง เอ่ยทีละถ้อยทีละคำ “เจ้า หลบไป”
กู้ฉังชิงแขนสั่นระริกกำกระบี่ยาวไว้ “เจียวเจียว…”
กู้เจียวจับกู้ฉังชิงที่ได้รับบาดเจ็บเอาไว้ เท้าข้างหนึ่งเหยียบบนกำแพงหิน โยนเขาไปให้อันกั๋วกงที่อยู่ด้านหลังหิน
สถานการณ์การต่อสู้ดุเดือดยิ่ง ลมปนทรายตลบอบอวลทั่วฟ้า ประกายดาบเงากระบี่เร้นวูบวาบท่ามกลางรัตติกาล กู้เจียวราวกับเครื่องจักรสังหารไร้ชีวิต ล้มผู้คุมกฎทีละคนด้วยทวนพู่แดงของนาง
“เซวียนหยวนกระบวนที่แปด กระบวนที่เก้า!!”
ผู้คุมกฎใหญ่มองวิถีทวนเซวียนหยวนที่กู้เชียวใช้ แววตาสั่นไหวรุนแรง “เจ้าคือ…”
ฉึก
ทวนพู่แดงของกู้เจียวแทงทะลุอวัยวะภายในของเขา!