สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 948 หลงอีผู้น่ารัก (1)
บทที่ 948 หลงอีผู้น่ารัก (1)
……….
ชั่วขณะที่เซียวเหิงได้ยินชื่อนี้ ขอบตาพลันร้อนผ่าวขึ้นมา
เขากลับมาแล้ว
ยังคงเป็นหลงอีที่กลับมา
หลงอี เจ้าหาความทรงจำตัวเองเจอหรือยัง แล้วเจอคำตอบที่ต้องการหรือไม่
เจ้ามาไล่สังหารเจี้ยนหลู หรือว่ากลับบ้านกันเล่า
เจ้าคิดว่าจะอยู่ข้างกายข้าตลอดได้หรือไม่
เซียวเหิงมีถ้อยคำมากมายที่อยากถามหลงอี น่าเสียดายที่ยามนี้ไม่ใช่เวลามาคุยเรื่องพวกนี้
เจี้ยนหลูสี่ยอดฝีมือมาสี่คน แม้ว่าเขาจะไม่ร่ำเรียนวรยุทธ์ ก็ไม่ยากเลยที่จะสัมผัสได้ว่าพวกเขาเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจยิ่งกว่าพวกมือกระบี่ที่ตายไป
เกรงว่าพวกเขาจะเป็นนักบุญทั้งสี่ตามที่หลีเจียงผิงบอกแล้ว
หลงอี เจ้าต้องระวังนะ
“พิชิตเวหา!” นักบุญไป๋หู่เอ่ยด้วยความตกตะลึง
อีกสามคนที่เหลือก็จำเขาได้เช่นกัน บนโลกนี้มีเรื่องเหนือคาดมากมาย ทว่าสิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือภาพตรงหน้านี้
อดีตมือกระบี่ที่มีพรสวรรค์ ศิษย์สายตรงของเจ้าสำนัก นึกไม่ถึงว่ากลายเป็นศัตรูใช้เลือดล้างเจี้ยนหลูเสียแล้ว
นี่มันช่าง…
ในฐานะที่นักบุญชิงหลงเป็นหัวหน้าของนักบุญทั้งสี่ ควรจะมีสิทธิในการพูด เขาก้าวขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง สีหน้าทะมึนมองหลงอี เอ่ยอย่างน่าเกรงขาม “พิชิตเวหา! เจ้าจะเป็นศัตรูกับเจี้ยนหลูจริงๆ รึ”
เขากวาดสายตามองพวกเซียวเหิง ก่อนจะตกลงบนใบหน้าที่สวมหน้ากากไว้ของหลงอี “เจ้าอย่าได้โดนคนกลุ่มนี้หลอกเอาเชียว เจ้าไม่ใช่หลงอีอะไรนี่ด้วยซ้ำ เจ้าคือศิษย์ของเจี้ยนหลูเรา เจ้าสำนักคืออาจารย์ของเจ้า เจ้าเป็นคนที่เจ้าสำนักเลี้ยงมาจนโต สำหรับเจ้าสำนักแล้ว เจ้าก็เหมือนบุตรชายของเขา! ตอนนั้นเจ้าหายตัวไป เจ้าสำนักพยายามสุดความสามารถในการสืบหาร่องรอยของเจ้า พอทราบว่าเจ้าทำภารกิจไม่สำเร็จก็ไม่เคยถือโทษโกรธเจ้า หวังเพียงว่าจะตามหาเจ้าเจอกลับมาปลอดภัย คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะถูกคนทำความทรงจำบิดเบือน ลืมเจี้ยนหลูไปทีละนิด!”
วิญญาณทมิฬรายงานกับเจี้ยนหลูเกี่ยวกับเรื่องที่หลงอีสูญเสียความทรงจำแล้ว ส่วนสูญเสียอย่างไรพวกเขาไม่ทราบ แต่คิดว่าเป็นฝีมือคน ยามนี้จะทำให้พิชิตเวหากลายเป็นเครื่องมือสังหารในมือ
ส่วนต้นสายปลายเหตุก็คือคนกลุ่มนี้ที่ยึดหลงอีมาเป็นของตัวเอง!
“นักบุญชิงหลง” หลงอีเอ่ยขึ้น เสียงของเขาโทนเดียวและเย็นชาดุจเดียวกับมาดของเขา
เกิดอะไรขึ้น
เหตุใดเขาจึงเรียกตัวตนของตนออกมา
หรือว่า…รายงานของวิญญาณทมิฬจะเป็นเท็จ เขาไม่ได้สูญเสียความมทรงจำ
นักบุญชิงหลงมองหลงอีด้วยความตื่นตะลึง พินิจมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างละเอียด จากนั้นนัยน์ตาเขาก็หดเกร็ง “กระบี่นิลบุหลัน!”
“ว่าอย่างไรนะ” นักบุญจูเชวี่ยที่อยู่ข้างเขาก็เบิกตากว้างโตเช่นกัน จดจ้องกระบี่ในมือหลงอีนิ่ง “เป็นกระบี่นิลบุหลันจริงๆ ! แปลก นายน้อยทำกระบี่นิลบุหลันหายไปแล้วมิใช่หรือ ไยจึงมาอยู่ในมือพิชิตเวหาได้”
พอพวกเขาสองคนเอ่ยขึ้น เซียวเหิงก็หันมามองหลงอี
เขาอยู่ใกล้กับหลงอีมาก จึงเห็นชัดกว่าคนอื่น เป็นกระบี่นิลบุหลันจริงๆ
แปลกจริง เพราะกระบี่นิลบุหลันอยู่ในมือเซวียนหยวนฉีกับเหลี่ยวเฉินแท้ๆ พวกเขาพากระบี่ และพาคุณชายหมิงเย่ว์ไปเจี้ยนหลูด้วย
ดังนั้น เหตุใดกระบี่เล่มนี้จึงมาอยู่ในมือหลงอีได้
ซ่างกวานชิ่งอาศัยช่วงที่ทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากัน ถือปืนไฟวิ่งลิ่วๆ มาหา
เขาเป็นคนเดียว ณ ที่นี้ที่ไม่เคยเจอหลงอีมาก่อน หลงอีสัมผัสถึงกลิ่นอายไม่คุ้น กระบี่ยาวพลันขยับ
เซียวเหิงกดด้ามกระบี่เขาไว้ “พี่ชายข้าเอง”
ไอสังหารของหลงอีมลายหายไป
ซ่างกวานชิ่งนั่งยองๆ ลงติดกับน้องชาย “เจียวเจียวไม่เป็นไรกระมัง”
“หมดสติไปแล้ว” เซียวเหิงกอดกู้เจียวแน่น เอ่ยด้วยความปวดใจ
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลงอีผู้นี้คือองครักษ์หลงอิ่งที่เจ้าพูดถึงหรือ”
“ใช่” แต่สถานการณ์อย่างละเอียด เซียวเหิงก็รู้เพียงผิวเผินเช่นกัน
เขามีความสงสัยสามประการอยู่ในใจ หนึ่ง หลงอีได้กระบี่นิลบุหลันมาได้อย่างไร เซวียนหยวนฉีไม่มีทางทำกระบี่หาย ดังนั้นมีเพียงความเป็นไปได้สองอย่าง หากเซวียนหยวนฉีไม่เป็นฝ่ายให้หลงอีเอง หลงอีก็คงเป็นคนแย่งไป
แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน หลงอีก็เคยพบเซวียนหยวนฉี
เช่นนั้น ปัญหาก็มาแล้ว พวกเซวียนหยวนฉีไปที่ใดกัน
ประการที่สาม นักบุญชิงหลงผู้นี้เอ่ยป่าวๆ ว่าหลงอีเปรียบเหมือนบุตรชายของเจ้าสำนักเจี้ยนหลู แต่มีบุตรชายคนไหนฟื้นฟูความทรงจำแล้วไปทำลายสำนักของอาจารย์กันบ้าง
ระหว่างเจ้าสำนักเจี้ยนหลูกับหลงอีจะต้องมีความลับที่ไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้แน่
และความลับนี้ แม้แต่นักบุญทั้งสี่อาจจะไม่รู้ก็ได้
ทว่าไม่ว่าจะรู้หรือไม่ ทุกการกระทำและการช่วยเหลืออันโหดร้ายของพวกเขาล้วนไม่น่าให้อภัยได้
นักบุญไป๋หู่แค่นเสียงเย็นเอ่ย “นักบุญชิงหลง พิชิตเวหาหักหลังเจี้ยนหลูไปตั้งนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลืองน้ำลายกับเขา จัดการให้เจ้าสำนักก็จบเรื่อง!”
นักบุญชิงหลงขมวดคิ้ว เอ่ยกับหลงอี “พิชิตเวหา ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายกับเจ้า! เจ้ากลับมาเจี้ยนหลู ข้าจะร้องขอความเมตตากับเจ้าสำนักให้ บอกว่าเจ้าโดนคนพวกนี้หลอกลวงจึงทำเรื่องที่ไม่เป็นผลดีต่อเจี้ยนหลูลงไป”
หลงอีกวาดกระบี่ยาวออกไป ปราณกระบี่มหาศาลม้วนกระบี่ยาวของพวกผู้คุมกฎขึ้น ล้อมพวกเซียวเหิงไว้ ก่อนจะปักลงพื้น!
ใช้กระบี่เป็นเขตแดน ผู้บุกรุกตายสถานเดียว!
ซ่างกวานชิ่งมองกระบี่ยาวที่โอบล้อมพวกเขาไว้ อดเบิกตากว้างโตขึ้นไม่ได้ “ว้าว ไม่กระมัง เก่งกาจเพียงนี้เชียวรึ!”
เขามือซนไปชักกระบี่ที่อยู่ข้างตัว กลับพบว่าชักไม่ออกเลยด้วยซ้ำ “เรี่ยวแรงนี้ เลิศล้ำนัก”
นักบุญชิงหลงแววตาทะมึนขึ้น ชี้กระบี่ยาวไปยังหลงอี “พิชิตเวหา ดูท่าพูดดีๆ เจ้าไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลัง เช่นนั้นก็อย่ามาหาว่าพวกเราไม่เห็นแก่มิตรภาพร่วมสำนัก เลี้ยงเจ้าโตมา จะต้องฆ่าเจ้าไป ชักจะอาลัยเสียแล้ว!”
ซ่างกวานชิ่งแค่นเสียงเอ่ย “เฮ้ย ตาเฒ่า พล่ามมากเช่นนี้ จะสู้หรือไม่ หากว่ากลัวก็รีบไสหัวเหวอออ!”
ยังไม่ทันเอ่ยจบ นักบุญชิงหลงก็ฟันปราณกระบี่ใส่เขาทันที เขาตกใจส่งเสียงร้องแบบเดียวกันกับอีอีน้อยขึ้นมา
ทว่าปราณกระบี่นี้ยังไม่ทันกระทบร่างเขา ก็ถูกหลงอีต้านเอาไว้แน่นหนา
หลงอีทะยานกายขึ้นประมือกับนักบุญทั้งสี่
ถูกต้อง สี่คน เขาต่อสู้กับนักบุญสี่คนพร้อมกัน
นี่เป็นการต่อสู้ที่น่าใจหายใจคว่ำยิ่งกว่าตอนสู้กับวิญญาณทมิฬเสียอีก ทุกคนต่างเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งยุค ประกายดาบเงากระบี่รวดเร็วเสียจนเห็นเป็นภาพติดตา
ดวงตาซ่างกวานชิ่งแทบมองไม่ทันแล้ว เดี๋ยวเขาก็เล็งปืนไฟที่คนนี้ เดี๋ยวก็เล็งคนนั้น
ครู่ใหญ่ต่อมา พวกเขายังสู้กันไม่เหนื่อย กลับเป็นดวงตาเขาที่ดูจนล้าแล้ว เขาหย่อนก้นนั่งลงกับพื้น เอ่ยอย่างขมขื่น “ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว รวดเร็วเกินไปแล้ว ข้าเล็งไม่ได้!”
สายตาเซียวเหิงไล่ตามหลงอี เขารู้ว่าหลงอีโดนพิษจื่อเฉ่าแล้ว และมีความเสี่ยงที่จะสติหลุด แต่ไม่รู้ว่าตนตาฝาดไปหรือไม่ การกลับมาครานี้ของหลงอีคล้ายแข็งแกร่งขึ้นมาก
หาความทรงจำคืนมา ทำให้เขาเข้าใจว่าตัวเองคือใคร เหตุใดจึงต่อสู้
เขาไม่ใช่พิชิตเวหา
เขาคือหลงอี
นักบุญไป๋หู่โดนฝ่ามือของหลงอี กุมหน้าอกอย่างเจ็บปวด หอบหายใจเอ่ย “โตแล้วจริงๆ ด้วย นึกไม่ถึงว่าวรยุทธ์จะสูงถึงขั้นนี้แล้ว!”
เขากับวิญญาณทมิฬเป็นเด็กกำพร้าที่ขึ้นเกาะมาด้วยกัน คุณสมบัติดีเลิศกันทั้งคู่ แต่ในยี่สิบปีนี้ ความก้าวหน้าของวิญญาณทมิฬไม่สามารถเทียบได้กับเขา
เพียงไม่นาน นกบุญเสวียนอู่ก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เขากัดฟันเอ่ย “ตอนอยู่บนเกาะ เหตุใดข้าจึงไม่พบว่าเขาเก่งกาจเช่นนี้”
นักบุญไป๋หู่เอ่ย “นั่นสิ ตอนเขาเด็กๆ พวกเราต่างคิดว่าเขาแข็งแกร่งกว่าวิญญาณเล็กน้อยเท่านั้น”
พวกเขาต่างมองเขาผิดไป!
นักบุญไป๋หู่ทอดมองนักบุญใหญ่ที่กำลังประมือกับหลงอีอยู่ ตีหน้าจริงจังเอ่ย “นักบุญชิงหลง ลงมือปรานีกับเขาต่อไปไม่ได้นะ! พวกเราต้องทุ่มสุดกำลัง ร่วมกันสังหารเขาซะ!”
นักบุญชิงหลงมีประกายซับซ้อนวาบผ่านแววตา “พิชิตเวหา เจ้าบีบข้าเองนะ!”
หลงอีตอบรับเขาด้วยท่าไม้ตายอันรุนแรง!
นักบุญชิงหลงแตะปลายเท้า ตีลังกาหลบการโจมตี อาศัยการบังกายและแรงเฉื่อยจากการกระทำนี้ เขาแทงกระบี่ใส่หลงอีอย่างแรง!
ในขณะเดียวกัน นักบุญจูเชวี่ยก็โจมตีใส่ท่อนล่างของหลงอี
“พวกเราก็ร่วมด้วยเถิด!” นักบุญไป๋หู่เอ่ย
นักบุญเสวียนอู่พยักหน้า ทะยานกายขึ้นไปกับเขา ขนาบโจมตีหลงอีซ้ายขวา
หลงอีโดนโจมตีรอบด้าน นี่เป็นการโจมตีถึงชีวิตที่สุดจากนักบุญทั้งสี่!
ทุกคนต่างคิดว่าหลงอีจะโดนแทงเป็นตะแกรงแล้ว จากนั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น หลงอีทะยานขึ้นกลางอากาศ!
“คิดจะหนีรึ!”
นักบุญไป๋หู่ก็ทะยานขึ้นเวหา กลับถูกหลงอีกระทืบลงกลางกระหม่อม ร่วงลงไปอย่างแรง
“นักบุญไป๋หู่!” นักบุญเสวียนอู่พลันหน้าถอดสี
เท้านั้นของหลงอีเจือกำลังภายในเอาไว้สั่นสะเทือนศีรษะของนักบุญไป๋หู่แตก เขาหัวทิ่มลงพื้น สิ้นใจตายทันที!
อีกสามคนที่เหลือต่างเดือดดาลขึ้นมาแล้ว นักบุญชิงหลงกับนักบุญเสวียนอู่ขนาบโจมตีหลงอี นักบุญจูเชวี่ยกลับอาศัยจังหวะลอบโจมตีเซียวเหิงกับซ่างกวานชิ่งที่อยู่ด้านหลังหลงอี
หลงอีไม่รับมือกับคู่ต่อสู้อีก หันหลังพุ่งไปหานักบุญจูเชวี่ยแทน
นักบุญชิงหลงร้องขึ้น “จูเชวี่ย! ระวัง!”
นักบุญจูเชวี่ยหันกลับมา ง้างกระบี่ยาวขึ้นแทงไปยังหลงอี แต่เขายังไม่ทันใช้ปราณกระบี่ทั้งหมด ก็ถูกหลงอีที่พุ่งมาหาบีบคอเอาไว้แล้ว
หลงอีบีบคอเขาไว้ พุ่งกระแทกไปข้างหน้า ให้เขาชนเข้ากับตัวภูเขาที่ทั้งแข็งและเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง!
ก้อนหินโดนสั่นสะเทือนร่วงกราวลงมาพร้อมกับดินทราย
หลงอีไม่ได้เร้นหลบ ดวงตาลุกโชนจ้องมองเขา ก่อนจะหักคอเขาเสียงดังกร๊อบ!
เขาหันหลังมา ไอสังหารเต็มแววตา โยนนักบุญจูเชวี่ยที่สิ้นใจลงกับพื้นราวกับโยนลูกเจี๊ยบ
“จูเชวี่ย!”
“นักบุญจูเชวี่ย!”
นักบุญที่สี่ ตายไปแล้วสอง
“ว้าว” ซ่างกวานชิ่งคืนนี้ไม่รู้ร้องอุทานเช่นนี้ไปเป็นหนที่เท่าใดแล้ว เขามองหลงอีที่เจอเทพสังหารเทพ เจอภิกษุสังหารภิกษุ พลางพึมพำ “อวดดียิ่งกว่าท่านพ่ออีก”