สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 100 รสชาติหอมหวาน
สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 100 รสชาติหอมหวาน
เฉินเฉินดูเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เขาจ้องมองหยุนเคอไม่วางตา
ในตอนนั้นเองหยุนเถียนเถียนก็เดินเข้ามา
“เฉินเอ๋อ ถ้าเจ้าอยากประสบความสําเร็จในอนาคต เจ้าต้องรีบตัดความสัมพันธ์ระหว่างบิดาและมารดาของเจ้าให้ได้ หรือเจ้าคาดหวังอะไรกับพวกเขา?”
“แน่นอน ถ้าเจ้ายังลังเลที่จะแยกทางกับพวกเขา งั้นก็จงใช้ชีวิตปากยื่นปากยาวไปเช่นนี้เถิด! อย่างไรเจ้ากับข้าก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด”
หยุนเถียนเถียนยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกเหมือนไม่ได้ผล นางโบกมือเตรียมจะจากไป
ใครจะคาดคิดว่า เฉินเฉินกลับจับแขนเสื้อของนางไว้แน่น และร้องให้ออกมา “ข้ารู้ว่าพี่สาวดีกับข้า ข้าจะเชื่อฟังท่าน”
หยุนเถียนเถียนถอนหายใจออกมา ถึงอย่างนั้นเด็กคนนี้ก็อายุเพียงแค่เจ็ดปีเท่านั้น จะให้แยกห่างจากครอบครัวได้อย่างไรกัน
เช่นนี้นางจึงปรับอารมณ์และกล่าวออกอย่างใจเย็น “เด็กน้อยเอ๋ย เมื่อครอบครัวไม่ได้ดีกับเรา เราจะกตัญญไปเพื่ออะไร? ยิ่งเจ้ากตัญญูต่อพวกเขามากเท่าไหร่มันเป็นการกระทําที่โง่มาก สักวันหนึ่งเดินผิงอันกับหลินชวนฮวาก็แก่ลง ข้าไม่รังเกียจเจ้าหรอกหากจะทิ้งพวกเขาไว้ตามลําพัง ตอนนี้เจ้ายังเด็กไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงความชั่วร้ายของพวกเขาได้ แต่ถ้านานไปกว่านี้มันจะยิ่งเป็นปัญหา”
“ข้ารู้ว่าเจ้ายังต้องพึ่งพาครอบครัว ดังนั้นข้าเลยไม่ได้บังคับที่จะให้เจ้าไปจากพวกเขา เฉินเฉิน ข้ายังรอได้ อดทนได้ เมื่อเจ้าพร้อมแล้วข้าจะเป็นคนพาเจ้าออกมาเอง!”
หยุนเสียนเถียนพูดจบก็หันมองหยุนเคอ
“พี่ใหญ่หยุน ข้าสามารถสอนสิ่งเหล่านี้ได้เท่าที่ข้าทําได้ ข้าไม่สามารถสอนการเขียนให้เขาได้ ข้าขอร้อง และข้าเชี่อว่าเจ้าจะไม่ได้ปฏิเสธคําขอร้องนี้”
“ข้าขอตัวไปซ่อมชุดให้เฉินเอ๋อก่อน โปรดช่วยสอนเขาด้วย”
เมื่อได้ยินคํากล่าวเช่นนี้ หยุนเคอก็รู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อเด็กสาวคนนี้กล้าที่จะขอร้องด้วยน้ําเสียงเช่นนั้น คนหัวสูงเช่นนางแต่ท่าทางที่เสนอออกมากลับน่ารักเสียจริง
แต่เมื่อได้ยินประโยคต่อมา หยุนเคอก็รู้สึกปลงตก เขาไม่น่าคาดหวังกับนางเลย…
ความเป็นจริงเขาก็ไม่คิดเกี่ยวกับมันเลยสักนิด แต่เพราะหยุนเถียนเถียนกลัวว่าเขาจะไม่ตอบรับเลยเสนอผลประโยชน์ให้
ใครจะไปรู้ว่าผลประโยชน์ขนาดนี้ใครบ้างจะไม่ตอบรับขอให้เขาช่วย แต่กลับพูดกับเขาอย่างไม่ใยดี?
หยุนเคอพ่นลมหายใจออกจมูกอย่างเย็นชา หยุนเถียนเถียนรู้สึกงุนงง นี่เขาอารมณ์ไม่ดีเหรอ หรือว่านางกล่าวอะไรผิดไป?
“พี่ใหญ่หยุน พวกเรากําลังจะร่วมมือการค้าขาย ตอนนี้เจ้าช่วยชี้แนะเฉินเฉินเถิด อย่าใจร้ายนักเลย”
เฉินเฉินตกใจกับบรรยากาศในห้องที่เริ่มจะกดดัน เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา ส่วนพี่สาวของเขาซื้อหยุนเคอแบบไม่กลัวตายเลยสักนิด
หยุนเคอหัวเราะออกมาอย่างยอมแพ้ต่อสาวน้อยตรงหน้า
หยุนเคอรู้สึกชีวิตที่จืดชืดน่าเบื่อของเขากําลังจะมีสีสันขึ้นมาเพราะสาวน้อยคนนี้ นางกล้าหาญ ร่าเริงราวกับแสงอาทิตย์ที่ส่องประกายในก้อนเมฆหนาทึบ
หยุนเถียนเถียนเห็นว่าวิธีการยั่วยุนี้ไม่ทําให้หยุนเคอหลงกล นางจริงเปลี่ยนวิธีอีกครั้ง
เด็กสาวบุ้ยปากและเขย่าแขนเสื้อของหยุนเคอเบา ๆ “พี่ใหญ่หยุน เจ้าช่วยข้าเถอะนะ นะพี่ใหญ่!”
หยุนเคอเห็นรอยยิ้มหวานก็พลันพยักหน้าตอบกลับอย่างไร้สติ
จนกระทั่งหยุนเถียนเถียนโห่ร้องเขาจึงฟื้นคืนสติ กลับมาพร้อมกับลอบสบถในใจ นี่ข้าทําอะไรโง่ๆลงไปอีกแล้ว!”
การสอนเด็กเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เขาไม่เคยคิดที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้มาก่อน
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อตกลงแล้วเขาก็ไม่สามารถกลับคําได้ หยุนเคอชี้ไปที่โต๊ะและมองไปที่เฉินเฉิน “ยังไม่รีบไปฝึกคัดตัวอักษรอีกหรือ?”
เฉินเฉินไม่กล้าเหมือนพี่สาวที่จะต่อต้านชายหนวดเคราคนนี้ เขารีบไปนั่งที่โต๊ะ กางหนังสือเริ่มใช้หมึกของตัวเอง
“แล้วเจ้ามาหาข้าทําไม?”
หยุนเคอไม่อ้อมค้อม ถามนางออกไปโดยตรงเพื่อเตือนสติของหยุนเถียนเถียน
“อ้อ ก่อนหน้านี้ที่ข้าคุยกับนายน้อยหลี่ ข้าจะทําให้เหยื่อของเจ้ามีกลิ่นที่หอมหวานเพื่อส่งไปที่ร้านอาหารของเขา เช่นนี้ข้าจึงมาสอนวิธีการนั้นให้เจ้า”
หยุนเคอไม่พูดอะไรและเดินเข้าครัวไป
เมื่อคืนเด็กคนนี้ไม่ได้ไปด้วย แต่เขาก็ยังเรียนรู้วิธีของนางมาบ้าง ถึงแม้จะไม่ได้มากนัก แต่ที่ได้มานับว่าไม่เลวเลย
หยุนเถียนเถียนยิ้ม ดูท่าหยุนเคอจะฉลาดกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก แม้ในอนาคตนางจะไม่ได้ตามขึ้นไปบนเขา แต่สักวันหนึ่งเขาจะต้องแข็งแกร่งกว่านางแน่ นางไม่อาจดูถูกความสามารถในการเรียนรู้ของคนยุคโบราณเหล่านี้ได้เลย
“เจ้าต้องลอกหนังมันออกก่อน และโรยเกลือให้ทั่วเนื้อ เสร็จแล้วรอจนถึงเย็นวันพรุ่งนี้เราถึงจะเริ่มรมควันให้มันหอมหวานน่ารับประทาน
หยุนเถียนเถียนคิดอย่างรอบคอบ กลิ่นหอมควันจากเนื้อรมควันอาจจะธรรมดาเกินไป ต้องมีลูกเล่นสักหน่อย!
“เสี่ยวเถา เจ้ามีเครื่องปรุงอะไรบ้าง เช่นซอสถั่วเหลืองหรืออะไรทํานองนั้น?”
เสี่ยวเถาไม่แม้แต่เปิดเปลือกตาขึ้น “นี่เจ้ายังต้องถามอีกเหรอ เสี่ยวเถามีทุกอย่างที่เจ้าต้องการ!”
“เยี่ยม! ข้าขอซอสถั่วเหลือสองขวด”
เสี่ยวเถาหักตัวเลขในระบบของนางอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นก็มีขวดซอสถั่วเหลืองสองขวดก็ปรากฏขึ้นมาในอากาศ โชคดีจริงๆที่ระบบนี้พร้อมใช้งานตลอดเวลา มันไม่ใช่ขวดพลาสติกเหมือนช่วงเวลาที่นางจากมา แต่มันมาในรูปแบบขวดกระเบื้อง
“พี่ใหญ่หยุน ข้าว่าทาแค่เกลือน่าจะไม่เพียงพอ ทําไมพี่ไม่ลองเอาใช้สิ่งนี้ทาไปบนนั้นด้วยล่ะ?”
พูดจบหยุนเถียนเถียนก็โยนขวดทั้งสองออกไป ไม่กลัวว่าคนตรงหน้าจะเห็นมิติของนาง ยังไงเดี๋ยวก็ต้องรู้อยู่ดี งั้นไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องปิดบัง
หยุนเคอเห็นการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติของหยุนเถียนเถียนก็รู้สึกสบายใจอย่างไม่รู้ตัว อย่างน้อยนางก็ไม่เห็นว่าเขาเป็นคนนอกดังเช่นเคย
ถึงอย่างนั้น หยุนเถียนเถียนก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะกลัวว่าชายคนนี้จะถามเรื่องมิติอย่างกะทันหัน โชคดีที่หยุนเคอรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้ตั้งนานแล้ว
เมื่อคิดดูจากสภาพ หยุนเถียนเถียนคนเดิมไม่อาจทําเช่นนี้ได้แน่ สาวน้อยคนนั้นคงตายตกไปนานแล้ว ส่วนคนที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่รู้ว่าเป็นวิญญาณมาจากที่ใด
นางคงฉวยโอกาสที่หยุนเถียนเถียนจากไป แล้วยึดครองร่างสาวน้อยคนนี้แทน
สัตว์ประหลาดย่อมมีอาวุธวิเศษเป็นของตัวเอง ไม่มีทางที่จะซ่อนความลับสองสิ่งได้พร้อมกัน
หยุนเคอเหลือบมองหยุนเถียนเถียนอย่างลึกซึ้ง และไม่ได้พูดอะไรมา แต่เดิมหยุนเถียนเถียนคิดข้อแก้ตัว แต่เมื่อหยุนเคอไม่ได้พูดอะไรออกมา นางจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
แม้ทั้งสองจะค่อนข้างคุ้นเคยกัน แต่นางก็ยังรู้สึกว่าบางอย่างเขาไม่ควรจะถาม!