สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 110 ข้อตกลง
สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 110 ข้อตกลง
หยุนเคอชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ อันที่จริงเขาไม่ได้รู้สึกลําบากใจแม้เพียงนิด ทุกครั้งที่คิดว่าจะได้แต่งงานกับหยุนเถียนเถียน เขาก็รู้สึกปลื้มปิติอย่างบอกไม่ถูก!
หยุนเถียนเถียนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “ในเมื่อเรื่องทั้งหมดมาถึงขนาดนี้แล้ว หากปฏิเสธไปก็ไร้ประโยชน์! ป้า…เชื่อข้าเถิด ข้าจัดการได้!”
“แต่ตอนนี้ข้ามีเรื่องใหญ่กว่านั้นที่ต้องทํา คือการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเฉินเฉิน! เขาเป็นลูกแท้ ๆ ของหลินชวนฮวาแต่นางกลับทุบตีเขาอย่างทารุณ ทั้งยังปล่อยเฉินเอ๋อไว้บนภูเขาตามลําพัง นางตั้งใจจะฆาตกรรมเด็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ข้าต้องการให้นางได้รับบทเรียนอันสาสม!”
ป้าจี๋ถอนหายใจทันที “เจ้าคิดน้อยเกินไป! หากเฉินเฉินต้องการจะฟ้องร้องแม่ของเขาในข้อหาฆาตกรรม เด็กน้อยอาจถูกพี่ชายฟ้องกลับในข้อหาอกตัญญูและประพฤตินอกรีต! ยิ่งไปกว่านั้น เฉินเฉินต้องถูกลงโทษโดยการโบยสามสิบไม้ เจ้าคิดว่าเด็กน้อยจะทนไหวหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหยุนเทียนเถียนถอนหายใจยาว นางรู้สึกหดหู่ต่อกฎเกณฑ์ที่ไร้ความยุติธรรมนี้ยิ่งนัก!
“แล้วข้าควรทําอย่างไร? ปล่อยนางไปอย่างนั้นหรือ? เพื่อให้พ่อรู้ความจริง แม้จะต้องไปฟ้องร้องนางที่หน่วยงานราชการ ข้าก็จะทํา!”
จี๋ชื่อแสยะยิ้ม “พ่อของเจ้า เป็นคนเช่นไรไม่รู้เลยหรือไร? ในเมื่อหลินชวนฮวากล้าทําเช่นนี้ ข้าเกรงว่านางจะหาทางออกหรือข้อแก้ตัวทั้งหมดได้แล้ว! รอดูไปก่อนเถิด… ข้าเชื่อว่าชาวบ้านไม่มีทางปล่อยให้นางรอดไปได้!”
ป้าจี๋ถอนหายใจอีกครั้ง “เอาล่ะ เถียนเถียน… คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์… ดูแลร่างกายของเจ้าให้แข็งแรงก่อนดีกว่า! เดิมที่ร่างกายของเจ้าก็แย่พอแล้ว ตอนนี้ยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ดูแลสุขภาพของเจ้าให้ดีขึ้นเถิด ชีวิตสําคัญเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด!”
“เอาล่ะ บ้านป้าไม่ได้ร่ำรวยอะไรจึงมีอาหารให้เลือกไม่มาก กินเท่าที่มีไปก่อนเถิด หลังจากที่เจ้าแต่งงานกับหยุนเคอแล้ว ป้าจะขอให้เขาออกไปล่าสัตว์เพื่อหาอาหารดี ๆ มาปรุงให้เจ้ากิน!”
หยุนเทียนเถียนเหลือบมองหยุนเค่อด้วยความเขินอาย เนื่องจากพวกเขาทั้งสองยังไม่เคยพูดคุยหรือตกลงกันถึงเรื่องนี้เลย แล้วการที่ป้าจี๋พูดเช่นนี้ จะทําให้หยุนเคอลําบากใจหรือไม่?
หลังจากนั้นป้าจี๋จึงเดินออกไป ทิ้งให้ทั้งสองนั่งมองหน้ากันโดยอย่างขวยเขินโดยไม่รู้จะพูดอะไร
“เจ้า”
“เจ้า”
ทั้งสองพูดพร้อมกันก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย!
“เจ้าพูดก่อนสิ!”
หยุนเคอก้มศีรษะลงราวกับว่าเต็มใจที่จะโดนตําหนิ
หยุนเถียนเถียนยิ้มและกล่าวว่า “ขอบคุณเจ้ามากสําหรับเรื่องวันนี้ เจ้าช่วยชีวิตข้าและเฉินเฉิน ทั้งยังต้องมาเสียเงินมากมายเพราะข้า!”
“นับว่าคุ้มค่าหากต้องใช้เงินทั้งหมดนี้เพื่อช่วยเจ้า!”
แม้ในใจจะคิดเช่นนั้นแต่หยุนเคอก็ไม่ได้พูดออกมา “เงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ ชีวิตของเจ้าสําคัญที่สุด!”
จริงๆ แล้วหยุนเคอไม่เคยสนใจถึงความสําคัญของชีวิตใครเลย หากไม่ใช่หยุนเถียนเถียน…. เขาก็อาจจะเพิกเฉยต่อเรื่องนี้!
เมื่อได้ยินดังนั้น หยุนเคอจึงพยายามพิสูจน์เพื่อให้หยุนเถียนเถียนรู้ว่าเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่สําหรับเขา!
“ไม่มีต้องกังวลเรื่องเงิน แต่ขอพูดถึงเรื่องอื่นดีกว่า”
หยุนเถียนเถียนมองไปยังเคราของหยุนเคอด้วยความสงสัย ยังมีเรื่องอะไรต้องพูดถึงอีกเหรอ?”
เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนของหยุนเถียนเถียน หยุนเคอจึงรีบแถลงไขทันที “แม้ข้าจะไม่ได้แตะต้องเจ้าเลยตอนที่อุ้มลงมาจากภูเขา แต่ในสายตาของชาวบ้าน…พวกเขาไม่ได้คิดเช่นนั้น หากเจ้าไม่ยอมแต่งงานกับข้า พวกเขาก็จะลงโทษเจ้า! แล้วเจ้าก็รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ข้าปลูกบ้านมักจะมีหญิงมากมายแวะเวียนมาเสมอ ข้าเองก็รู้สึกรําคาญจึงคิดใช้เจ้าปิดกั้นพวกนาง ข้าอยากขอให้เจ้าร่วมมือกันข้าก่อน เจ้าจะว่าอย่างไร?”
หยุนเถียนเถียนตกตะลึงต่อคําพูดของหยุนเคอ!
หยุนเคอกลัวว่าหยุนเถียนเถียนจะไม่เห็นด้วยจึงพูดต่อว่า “หากในอนาคต เราทั้งสองเจอคนที่ถูกใจในอนาคตก็ค่อยแยกย้ายกัน หากไม่… ก็อยู่เป็นเพื่อนกันไปตลอดชีวิตเถิด!”
หยุนเถียนเถียนนึกถึงไตร่ตรองต่อคําพูดเหล่านั้น หากเจอคนที่ถูกใจในอนาคตก็ค่อยแยกย้ายกัน!” แม้จะเป็นคําพูดที่ทําให้นางรู้สึกสับสน แต่ก็ถือว่าเป็นการรับประกันที่หนักแน่นเช่นกัน!
หยุนเคอรู้สึกว่าหากอยู่กับหญิงผู้นี้แล้วยังรู้สึกอึดอัด ก็สมควรอยู่เป็นโสดตลอดชีวิต!
ขณะเดียวกันหยุนเถียนเถียนก็คิดว่า หากไม่ให้ความร่วมมือกับหยุนเคอก็คงจะดูไร้ความปราณีเกินไป
หยุนเถียนเถียนจึงพยักหน้าตอบรับ หยุนเคอจึงถอนหายใจออกอย่างโล่งอก
ทั้งสองเงียบอยู่นานก่อนที่หยุนเถียนเถียนจะพูดต่อ “เราต้องไม่ให้เฉินเฉินกลับไปหาครอบครัวของเขาอีก เพราะหลินชวนฮวาไม่ได้ต้องการหรือเห็นค่าเด็กคนนี้เลย!”
“ข้าคิดมาอย่างรอบคอบแล้วว่า แม้เราจะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเฉินผิงอัน ก็ไม่สามารถทําให้อะไรดีขึ้นได้ สิ่งที่เราทําได้ดีที่สุดคือการไม่ให้หลินชวนฮวาทารุณเฉินเอ๋ออีก เช่นนั้นแล้ว… เราจึงไม่จําเป็นต้องบอกอะไรเขา!”
ทันทีที่ความโกรธในใจของหยุนเถียนเถียนผ่อนคลายลงมาก จากนั้นแผนการในหัวของนางก็เด่นชัดขึ้นในทันที
หยุนเคอไม่ได้ตอบโต้หรือเข้าแทรกแซงอะไรในแผนการนี้ เขาปล่อยให้หยุนเถียนเถียนจัดการด้วยตัวเอง อย่างมากที่สุดที่เขาจะทําก็เพียงคอยสนับสนุนเท่านั้น
แม้หยุนเถียนเถียนจะรู้ว่าหลินชวนฮวามีแผนการรับมือกับเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่ก็ไม่คาดคิดว่านางจะกล่าวอ้างอย่างไร้ยางอาย โดยการบอกกับคนอื่นว่าหยุนเถียนเถียนลักพาตัวเฉินเฉินออกไป!
เพื่อไม่ให้เฉินผิงอันมีโอกาสพูดคุยหรือรับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากชาวบ้าน หลินชวนฮวาจึงออกอุบายให้เขานั่งเกวียนชมวิวเข้าเมืองจนเหนื่อยล้า เฉินผิงอันกลับบ้านมาในตอนบ่ายก่อนจะผล็อยหลับไปอย่างเหน็ดเหนื่อย เมื่อตื่นขึ้นมา เขารีบมุ่งไปบ่อนทันที!
เฉินผิงอันมักจะใช้เงินส่วนใหญ่ไปกันการเล่นพนัน แม้จะแพ้บ่อยครั้งแต่ก็ยังติดใจ! วันนี้ชายผู้หนึ่งมาหาเขาถึงบ่อนและชวนให้นั่งเกวียนเข้าเมืองเพื่อไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน เนื่องจากชายผู้นั้นชนะพนันบ่อยครั้งในวันเดียว!
หลินชวนฮวายังคงคิดหาวิธีจัดการกับหยุนเถียนเถียนอย่างไม่ลดละ แต่ในตอนนั้นเอง…. หยุนเถียนเถียนกําลังเดินมาพร้อมกับหยุนเคอ!
เมื่อเห็นว่าชาวบ้านต่างให้ความสนใจทั้งสองคน หลินชวนฮวาจึงเดินถอยหลังเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะพูด “พวกเจ้ามาทําอะไรที่นี่? หญิงร้ายชายชั่ว!”
หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้ม “หญิงร้ายชายชั่วเหรอ? คิดจะป่าวประกาศกับชาวบ้านว่าข้าเสียบริสุทธิ์ให้หยุนเคอแล้วใช่หรือไม่? แต่เจ้าอาจยังไม่รู้ว่า… ชาวบ้านยังไม่รู้เรื่องที่เจ้าปล่อยเฉินเอ๋อไว้กลางภูเขา เช่นนี้แล้วยังจะกล้าใส่ร้ายข้าอีกหรือไม่?