สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 121 เผยธาตุแท้
สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 121 เผยธาตุแท้
เป็นเพราะหยุนเถียนเถียนไม่ใช่คนโบราณในยุคอนุรักษ์นิยม นางจึงไม่รู้สึกเขินอายเมื่อเห็นว่าหยุนเคอกําลังจ้องมองตนที่สวมชุดบาง ๆ ด้วยใบหน้าแดงก่ํา!
โชคดีที่ใบหน้าของหยุนเคอถูกปกคลุมไปด้วยหนวดเครา อีกฝ่ายจึงไม่สามารถเห็นการแสดงออกทางสีหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
“เกิดอะไรขึ้น?”
หยุนเถียนเถียนกัดฟันตอบอย่างอุ่นเคือง “จะเกิดอะไรขึ้นได้อีกเล่า? มีคนตั้งใจเผาบ้านข้า! ดูกองฟื้นพวกนั้นสิ! ข้าควรรู้สึกเป็นเกียรติหรือไม่ที่ชายผู้นี้อุตส่าห์ตัดไม้มามากมายขนาดนั้นเพื่อนํามาใช้เผาบ้านข้า?!”
หยุนเค่อเอียงศีรษะด้วยความสงสัย “ใครกันที่อยากคร่าชีวิตของเจ้ามากถึงขนาดนี้?”
“ในหมู่บ้านนี้ นอกจากครอบครัวเฉินแล้ว จะมีใครอีกที่เป็นศัตรูของข้า?
ทันใดนั้น ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนลั่น “ไฟลุกแล้ว เร็วเข้า!”
หยุนเถียนเถียนมองตามเสียงไปและพบว่าชาวบ้านแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งวิ่งกรูกันมายังบ้านของนาง และอีกกลุ่มกําลังวิ่งไปยังบ้านของครอบครัวเฉิน
ทั้งบ้านของหยุนเถียนเถียนและบ้านของเฉินผิงอันถูกปกคลุมไปด้วยไฟอันโชติช่วงพร้อมควันโขมง!
เมื่อเห็นว่าคนมากมายกําลังห้อมล้อมเข้ามา หยุนเค่อจึงถอดเสื้อนอกออกและคลุมให้หยุนเถียนเถียนทันที เฉินผิงเหอวิ่งมาด้วยความเป็นห่วง และเมื่อเห็นว่าหลานสาวปลอดภัยจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก!
แต่เฉินผิงอันกลับไม่โชคดีนัก เป็นเพราะความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวันจึงทําให้หลับสนิทราวกับคนตาย เมื่อตื่นขึ้นก็พบว่าไฟไหม้ไปทั่วบ้านและลามมาจนถึงเตียงแล้ว!
เฉินผิงอันเอื้อมมือไปด้านข้างเพื่อจะปลุกภรรยา แต่นางไม่ได้อยู่ที่นี่!
ตอนนี้เขาอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว…. เฉินผิงอันจึงรีบหยิบเสื้อคลุมและวิ่งออกจากบ้านไปทันที เมื่อวิ่งออกมาถึงลานกว้างก็พบว่า ชาวบ้านต่างกรูกันเข้ามาเพื่อช่วยดับไฟ!
พวกเขาสาดน้ําใส่ตัวเฉินผิงอันทันทีเพื่อช่วยคลายความร้อนและบรรเทาอาการขาดน้ํา
แต่เฉินผิงอันไม่มีเวลาสนใจเรื่องนี้ เขาหันศีรษะมองดูไฟลุกโชนเผาไหม้บ้านของตน แข้งขาที่เคยแข็งแรงพลันโอนอ่อนจนทรุดลงกับพื้นอย่างน่าสมเพช
“มันจบแล้ว บ้านที่เป็นที่ซุกหัวนอนของข้ากําลังถูกไฟไหม้ เป็นไปได้อย่างไร?
เขาก็นึกถึงหลินชวนฮวาและพยายามมองหานาง!
“ชวนฮวาอยู่ที่ไหน? มีใครเห็นนางหรือไม่?”
ทุกคนในหมู่บ้านส่ายหัวปฏิเสธ
หัวหน้าหมู่บ้านเองก็รีบวิ่งมายังบ้านของเฉินผิงอันด้วยความตื่นตระหนก
หยุนเถียนเถียนรีบวิ่งเข้ามาทันที “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน. เห็นได้ชัดว่ามีคนจ้องจะฆ่าเขา! ดูเถิด เฉินผิงอันจะสามารถหาฟื้นจํานวนมากขนาดนี้ได้ด้วยตัวเองหรือ? ลานบ้า นของข้าก็เช่นกัน มีฟื้นมากมายกองอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าข้าไม่สามารถหามาได้ด้วยตัวคนเดียว!”
“เห็นได้ชัดว่ามีคนตั้งใจนําฟื้นเหล่านี้มาใช้วางเพลิง! น่าเสียดายที่ข้าเหนื่อยล้ามาทั้งวันจึงหลับสนิทจนไม่สามารถจับผู้ร้ายได้!”
คนร้ายที่ลอบวางเพลิงต้องหมายเอาชีวิตของพวกเขา และชาวบ้านที่มารวมตัวกันก็รู้สึกไม่ปลอดภัยและเริ่มกระสับกระส่ายด้วยความหวาดกลัว
ส่วนหัวหน้าหมู่บ้านมองดูฝูงชนที่กําลังตื่นตระหนกและไม่รู้ว่าจะทําอย่างไร!
จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดของชาวบ้านผู้หนึ่งดังขึ้น “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน เป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจเป็นฝีมือของท่านหลงเยว่? เพราะเมื่อกลางวันทั้งสองคนก็ต่างยั่วโมโห และพูดจาดูหมิ่นจนทําให้ท่านหลงเยวขุ่นเคือง เขาจึงเอาคืนโดยการเผาบ้านเช่นนี้!”
หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้มอย่างดูถูก “แม้หลงเยว่จะเป็นอันธพาล แต่ก็ไม่ได้ขี้ขลาดจนต้องลอบกัดเช่นนี้! หากคําพูดเพียงเท่านั้นทําให้เขากล้าเผาบ้านและฆ่าคนได้ก็นับว่าโง่เขลา!”
ชาวบ้านหยุดพูดทันทีพลางคิดในใจ “หากไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร?
ทันใดนั้น! หลี่เสี่ยวเหอก็นึกอะไรบางอย่างได้จึงตะโกนออกมาทันที “หลินชวนฮวาอยู่ที่ไหน? ไฟไหม้บ้านทั้งหลังขนาดนี้นางไม่รู้หรือ? หายไปไหน… เหตุใดจึงชักช้านัก?”
หยุนเถียนเถียนตกตะลึง ขณะที่เฉินเฉินหน้าซีดพลันทรุดตัวลงกับพื้น! เขาไม่เพียงเสียใจที่แม่ไม่ต้องการ แต่กลับใจสลายเพราะคิดว่าผู้เป็นแม่ต้องลอบวางเพลิงเพื่อฆ่า เขา…
หลี่เสี่ยวเหอครุ่นคิดถึงสิ่งที่เคยเจอก่อนจะพูดออกมา “เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าเห็นหลินชวนฮวาคลอเคลียกับชายอื่นอยู่ในเมือง และชายผู้นั้นคืออดีตสามีของนาง! เขาเป็นผู้ร้ายคดีฆาตกรรม… ต้องเป็นเขาแน่!”
ก่อนหน้านี้แม้ว่าหลี่เสี่ยวเหอจะบอกเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ให้กับทุกคนฟัง แต่ชาวบ้านต่างคิดว่านางพูดจาไร้สาระและไม่คิดเชื่อถือคํากล่าวนั้น
แต่ตอนนี้นางตะโกนเล่าเหตุการณ์นี้ท่ามกลางฝูงชนด้วย ใบหน้าจริงจัง ซึ่งหมายความว่าเรื่องนี้มีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินผิงอันก็ใบหน้าแดงก่ําด้วยความโกรธ… มันจะยิ่งแย่กว่าเดิมหากคนในหมู่บ้านเย้ยหยันว่าเขาเป็นเพียงชายที่โง่เขลา!
“ไร้สาระ! ชวนฮวาไม่ใช่คนเช่นนั้น!”
เมื่อก่อนหลี่เสี่ยวเหอหวาดกลัวเฉินผิงอันยิ่ง เพราะนางเช่าที่ดินของเขาในการทํากิน แต่ตอนนี้นางได้ซื้อโฉนดเหล่านั้นมาไว้ในครอบครองแล้ว ดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องเกรงกลัวเขาอีกต่อไป!
นางยกยิ้มเย็นชาก่อนกล่าวคํา “หากไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ! ข้าและเถียนเถียนเห็นกับตาตนเองด้วยกันทั้งคู่เพียงแต่ไม่ อยากพูด! และบ้านที่ถูกเพลิงไหม้ก็ไม่ใช่บ้านข้า ดังนั้นข้าจึงไม่จําเป็นต้องกังวล!”
หยุนเถียนเถียนครุ่นคิดถึงพฤติกรรมในอดีตของหลินชวนฮวา หากทําให้นางต้องขุ่นเคืองก็ต้องถูกโบยตี! แม้จะรู้ว่าคนบ้าบินเช่นนางสามารถทําทุกอย่างไรเพื่อความ สะใจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเลวร้ายถึงขั้นกล้าขายลูกของตนและเผาบ้านคนอื่นโดยไม่สนใจอะไรเลย
จี๋ชื่อยืนมองท่ามกลางผู้คนอย่างเงียบงันมาเนิ่นนาน ในที่สุดนางก็ไม่อาจอดทนต่อไปได้ไหว
“เพราะในสายตาเจ้า หลินชวนฮวาเป็นคนดี แต่เราทุกคนเป็นคนไม่ดี! หากเจ้าไม่อยากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราก็จะไม่บอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในเมืองวันนั้น! ทุกอย่างเป็นเพราะหลินชวนฮวาผู้เดียว! ทุกอย่างล้วนเป็นแผนการของนาง! เฉินผิงอัน… เจ้าเคยเห็นหญิงคนใดสนับสนุนให้สามีเล่นการพนันด้วยหรือ?”
“ใช่ เพราะนางยอดเยี่ยมในสายตาของเจ้า! และเถียนเถียนไม่ใช่ลูกแท้ ๆ เจ้าจึงคิดจะทําอะไรก็ได้ แต่เฉินเอ๋อเป็นลูกชายแท้ ๆ ของเจ้า!”
“เมื่อวานก่อน นางได้รับเงินค่าสินสอดไปห้าสิบตําลึง แต่เหตุใดในตอนที่เจ้าแพ้พนัน นางกลับไม่หยิบออกมาใช้หนี้ให้เจ้าสักตําลึงเดียว! ขณะที่มีดกําลังจ่ออยู่บนมือของเจ้า นางยังไม่คิดสงสาร… นางเพียงคิดว่ามือของเจ้าไม่มีค่าเท่าเงินห้าสิบตําลึง! จนทําให้เจ้าต้องพยายามทําทุกอย่างเพื่อหาเงินมาจ่ายหนี้ด้วยตนเอง!”
จี๋ชื่อและชาวบ้านต่างรุมประณามความชั่วของหลินชวนฮวาและความโง่เขลาของเฉินผิงอันอย่างเมามัน
แม้จะสงสัยในตัวภรรยา แต่เฉินผิงอันก็เลือกที่จะไม่เชื่อ! หลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยปฏิบัติต่อนางในทางที่ผิด และหลินชวนฮวาเองก็ดูแลเขาอย่างดีไม่เคยขาดตกบก พร่องสิ่งใด