สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 134 ไข่แลกผัก
สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 134 ไข่แลกผัก
“ไม่เป็นไร ข้าไม่ดื่มชา แต่พี่เสี่ยวเหอ ท่านทําดอกไม้นี้มากเกินไปแล้ว หากทําออกมามากเกินไปคงจะขายได้ถูก!”
หลี่เสี่ยวเหอยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าไม่ได้โง่ ข้ารู้ดีว่ามันไม่มีทางได้ราคาดีหากทํามากไป แต่แม่สามีของข้าไม่คิดเช่นนั้น นางเข้าใจว่าสิ่งนี้สามารถทําเงินได้จึงสั่งให้ข้าทําต่อไป แล้วจะให้ข้าอยู่บ้านเฉยๆอย่างนั้นหรือ?! ! คงเป็นไปไม่ได้”
หยุนเถียนเถียนยืนไข้ในมือออกทันที “ข้ามาหาท่านเพื่อขอแลกเปลี่ยนไข่เป็นผัก การไม่มีผักไว้กินในบ้านเป็นเรื่องแย่เสียจริง!”
หลี่เสี่ยวเหอลุกยืนด้วยความตื่นเต้น “สาวน้อย บ้านของเจ้าก็มอดไหม้ไปในไฟแล้ว? เอาไปกินเถิด จะเอาไข่มาแลกทําไมกัน?”
หยุนเถียนเถียนยิ้ม “ข้ารู้ว่าพี่เป็นคนใจกว้าง แต่แม่สามีของพี่เล่า? ข้าไม่อยากเอาสิ่งใดจากพี่ไปเฉยๆ เกรงว่าท่าน จะเดือดร้อน”
หลี่เสี่ยวเหอถอนหายใจ “ไม่เป็นไรหรอก! ไม่ว่าอย่างไร นางก็ตายก่อนข้า ซึ่งหมายความว่าข้ายังพอมีโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตที่ดี!”
หลี่เสี่ยวเหอไม่รู้ว่าควรจัดการปัญหาเรื่องแม่ผัวกับลูกสะใภ้อย่างไร เพราะตอนนี้แม่สามีของนางอายุเพียงห้าสิบปีเท่านั้น และด้วยสุขภาพร่างกายของหญิงชราในตอนนี้ คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากนางจะมีชีวิตอยู่ต่ออีกสักสิบถึงยี่สิบปี!
“เอาล่ะ! ในเมื่อเจ้านําไข่มาแล้ว หยิบผักไปจากสวนข้าได้ตามสบาย
หยุนเถียนเถียนไม่พูดอะไรพลางหยิบไข่ออกจากตะกร้า ก่อนจะเดินไปที่สวนเพื่อเก็บผักใส่ตะกร้า
หลี่เสี่ยวเหอก้มศีรษะลงอย่างเขินอายก่อนจะกล่าวออก “เถียนเถียน เจ้าเอาไข่มามากมาย เหตุใดจึงเก็บผักไปเพียงสองกํามือเล่า?”
หยุนเถียนเถียนก้มศีรษะลงมองและพบว่าในตระกร้ามีถั่วฝักยาวหนึ่งกํามือ มะเขือยาวสองลูก และแตงกวาหนึ่งลูกเท่านั้น สําหรับนางแล้ว ไข่ห้าฟองแลกกับผักจํานวนนี้ก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว เหตุใด… อ้อ! ปีนี้ผักเขียวไม่แพงเท่าไข่ หยุนเถียนเถียนตระหนักได้ทันทีว่าราคาสินค้าในยุคโบราณก็ไม่ได้ต่างจากยุคปัจจุบันมากนัก
“เอาไว้ครั้งหน้าหากไม่พอกินข้าจะมาหาพี่อีกครั้ง อีกอย่างการทําดอกไม้เช่นนี้เกรงว่าจะขายได้ราคาไม่ค่อยดีนัก ทําไมจึงไม่ให้ข้าสอนเคล็ดลับอื่นๆให้พี่สักหน่อยล่ะ?”
หลี่เสี่ยวเหอไม่เข้าใจในคําพูดของอีกฝ่าย ขณะที่เถียนเถียนนั่งลงเพื่อสอนวิธีทําผีเสื้อให้นางทีละขั้นตอน
“เจ้าทําได้อย่างไร? เรียนมาหรือ?”
หลี่เสี่ยวเหอรู้สึกเขินอายพร้อมกับมองต่ํา “เถียนเถียน เหตุใดเจ้าถึงดีต่อข้านัก?”
หยุนเถียนเถียนยิ้มพร้อมกับคิดในใจ “นางยังสบายดีใช่ไหม? หรือในสายตาของหลี่เสียวเหอการสอนวิธีการที่จะใช้หาเงินให้นางถือเป็นสิ่งที่ดี?”
แต่สําหรับหยุนเถียนเถียนแล้ว นางสอนให้โดยที่ไม่ได้หวัง สิ่งใดตอบแทนแม้แต่น้อย และไม่ได้คิดอะไรมากด้วยซ้ํา
“ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ข้าคงต้องขอตัวกลับไปทําอาหารก่อน”
หยุนเถียนเถียนจากไปพร้อมกับตะกร้าผัก โดยไม่ได้สนใจหลี่เสี่ยวเหอที่กําลังมองนางด้วยแววตาแดงก่ําเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างทาง นางบังเอิญเจอกับแม่สามีของหลี่เสียวเหอ ซึ่งหญิงชราผู้นี้ช่างอารมณ์ดีอย่างแปลกประหลาด
แต่เมื่อเห็นว่าหยุนเถียนเถียนเดินออกมาพร้อมตะกร้าผักใบหน้าของหญิงชราก็เปลี่ยนไป
หยุนเถียนเถียนก้มศีรษะพร้อมกล่าวทักทายป่าหลัว ทว่าหญิงชรากลับเมินเฉยต่อนางพร้อมพุ่งตรงเข้าไปในสวนด้วยความเกรี้ยวกราด
รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากของหยุนเถียนเถียน ดูเหมือนว่าหากไม่มีเงิน ก็ไม่สามารถคาดหวังให้ใครชื่นชอบได้
นางหลัวเดินเข้าไปในสวนและเห็นหลี่เสี่ยวเหออยู่ตรงนั้น จึงเริ่มอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง “นั่งคนเกียจคร้าน! เพราะเห็นว่างานที่ข้าให้ทํานั้นเหนื่อยมากจึงไม่อยากทําใช่หรือไม่? จนถึงป่านนี้ก็ยังไม่ยอมกลับไปทําอาหาร! แล้วหญิงผู้นั้นมาทําอะไรที่บ้านของเรา? เจ้าให้ผักนางไปงั้นหรือ? แสร้งทําเป็นคนใจกว้างอีกแล้วสินะ?”
เสียงของนางหลัวดึงดูดความสนใจสามีของหลี่เสี่ยวเหอทันที เขาจึงตะโกนออกเสียงดัง “นังผู้หญิงสกปรก! แม่ของข้าคุยกับเจ้าอยู่หูหนวกหรืออย่างไร?”
หลี่เสี่ยวเหอก้มศีรษะลงอย่างไม่พอใจและพูดว่า “เถียนเถียนมาเพื่อสอนวิธีหาเงินอีกทางหนึ่งให้ข้า ข้าคิดว่าสิ่งที่นางสอนจะสามารถทําให้เราได้เงินเพิ่มจึงเรียนรู้วิธีการทํา อีกอย่างแม้นางจะมาที่นี่เพื่อขอผัก แต่ก็ยังนําไข่มาแลกถึงห้าฟอง!”
“หากเป็นท่าน… จะไม่ยอมแลกผักเพียงเล็กน้อยกับไข่ราคาแพงเช่นนี้หรือ?! เหตุใดเจ้าต้องตําหนิข้าทั้งที่ยังไม่ทันกล่าวถามสิ่งใด?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น นางหลัวเพิกเฉยต่อคําพูดของหลี่เสี่ยวเหอทันที
สิ่งที่นางสนใจคือไข่ที่ลูกสะใภ้บอกว่าหยุนเถียนเถียนนํามาแลก หญิงชราเกิดสงสัยว่าไข่นั้นอยู่ที่ไหน?
“นําไข่มาแลกกับผักใบเขียวงั้นเหรอ? แล้วไข่นั่นอยู่ที่ใด? อย่าคิดจะขโมยไปเชียว!”
หลี่เสี่ยวเหอก้มศีรษะลงอย่างช่วยไม่ได้ นางรู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กสาวผู้ผอมบางที่อยู่ข้างหลังพวกเขา ลูกสาวตัวน้อยที่ถูกทรมานมาหลายปี เด็กน้อยกําลังสูญเสียความสุขไปจากแววดวงตา
เด็กหญิงวัยหกขวบถูกใช้ให้ทํางานอย่างหนัก ทั้งยังต้องสวมใส่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ไม่พอดีตัว อีกทั้งยังเก่าและซีดเซียว
เด็กน้อยถูกใช้งานอย่างหนักโดยไม่ได้รับอาหารเพียงพอจนทําให้เกิดการขาดสารอาหาร ผมของนางเปราะบาง และเหี่ยวเฉา ทั้งร่างกายยังซูบผอม
นางหลัวหยิบไข่เหล่านั้นและนําไปเก็บไว้ในห้องอย่างแน่นหนาราวกับเป็นสมบัติล้ําค่า
ตอนนั้นหลี่เสี่ยวเหอแอบหยิบไข่ออกมาซ่อนไว้หนึ่งใบเพื่อให้ลูกสาวได้กินสิ่งที่มีประโยชน์บ้าง นางเพียงหวังว่าแม่สามีจะไม่เห็นสิ่งที่นางกระทํา
“นังผู้หญิงขี้เกียจสันหลังยาว เหตุใดจึงไม่ทําอาหาร? อยากให้ข้าอดตายหรืออย่างไร?”
หลี่เสี่ยวเหอนั่งอยู่ในครัวเผยสีหน้าชิงชังออก แต่ก็เริ่มทําอาหารโดยไม่ได้ปริปากบ่น
การทําอาหารเป็นหน้าที่ของนาง แต่การกินขึ้นอยู่กับการอนุญาตของแม่สามีเท่านั้น
หลังจากทําอาหารเสร็จแล้ว นางหลัวนําอาหารที่หลี่เสี่ยวเหอปรุงเสร็จแยกออกเป็นสัดส่วนเพื่อแจกจ่าย
พ่อสามีและสามีของนางเป็นแรงงานหลักของบ้านจึงได้รับอาหารมากที่สุด ส่วนแม่สามีนับว่าเป็นอาวุโสจึงได้รับส่วนแบ่งที่เพียงพอเช่นกัน ซึ่งการแบ่งอาหารแล้วจะมีเพียงเท่านี้ พวกเขาปฏิบัติราวกับว่านางมิใช่คนในครอบครัว
ท้ายที่สุดพวกเขาก็ยอมแบ่งอาหารส่วนหนึ่งให้หลี่เสี่ยวเหอ ทว่ามันกลับน้อยนิดยิ่งนัก อาหารเพียงเท่านี้จะเพียงพอให้ลูกสาวของนางกินได้อย่างไร?!
หลี่เสี่ยวเหอไม่กล้าขัดขึ้น เพราะหญิงที่ให้กําเนิดลูกชายไม่ได้ก็เป็นเพียงขยะไร้ค่าเท่านั้น
เด็กสาวตัวน้อยมองไปยังอาหารในชามพร้อมกับกลืนน้ําลายอย่างเงียบๆ ก่อนจะก้มศีรษะลงกินเศษอาหารที่ตนได้รับ ภาพนี้ทําให้หลี่เสี่ยวเหอรู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก แต่ทั้งแม่และลูกสาวไม่กล้าต่อต้านเพราะไม่ว่าจะทําอย่างไรก็ไม่เป็นผล อีกทั้งหากมีปากเสียงขึ้นมาคงไม่พ้นการถูกเฆี่ยนตีอย่างรุนแรง
ไม่มีใครในหมู่บ้านนี้รู้ว่าหลี่เสี่ยวเหอที่ทั้งใจดีและใจกว้าง จะต้องทุกข์ทรมานและถูกกดขี่อยู่เป็นนิจ!
อย่างไรก็ตาม หยุนเถียนเถียนก็ไม่มีโอกาสรับรู้สิ่งเหล่านี้ เพราะนางต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปทําอาหารเช่นกัน
ควันจากอาหารปรุงอาหารลอยฟังออกจากห้องครัว กลิ่นหอมก็โชยออกไปตามลมเช่นกัน