สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 144 ฝากตัวเป็นศิษย์
สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 144 ฝากตัวเป็นศิษย์
ด้วยการปลอบโยนของพี่สาว เฉินเฉินสงบลง เขาจึงพยักหน้ารับเบา ๆ
ดวงตาของเฉินซิ่วไฉเปล่งประกายด้วยความชื่นชมเด็กเล็กที่สามารถสงบลงจากความตื่นตระหนกได้อย่างรวดเร็วนั้นเป็นไปได้ว่าเขาเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยม!
“ถ้าเช่นนั้น ท่านอาจารย์ทดสอบโดยการถามคําถามและเจ้าก็ตอบเท่าที่ตอบได้ ดีหรือไม่?”
เฉินเฉินไม่ตอบพี่สาว แต่ก้มหัวให้อาจารย์เฉินพร้อมกล่าวหนักแน่น “เชิญท่านอาจารย์ชี้แนะเฉินเฉินขอรับ!”
ตอนนี้เฉินซิ่วไฉยังไม่ได้เริ่มถามคําถาม แต่กลับรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก!
คําถามสองสามข้อแรกมาจากสี่หนังสือห้าคัมภีร์ เพราะหยุนเถียนเถียนตั้งใจที่จะให้เด็กคนนี้เข้าสอบในปีหน้าการสอนจึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ต้องขอบคุณพรสวรรค์ของเด็กและการฝึกฝนอย่างหนักจึงพัฒนาอยู่เสมอ
ในขณะที่เด็กน้อยตอบคําถาม เฉินซิ่วไฉก็พยักหน้ารัว ๆ ราวกับพบเจอสิ่งถูกตาต้องใจ!
เนื่องจากพ่อแม่ไม่ได้ให้ความสนใจมากเด็กคนนี้มากนัก จึงคาดการณ์ได้ว่าเขาใช้เวลาศึกษาเรื่องนี้น้อยเพียงใด เด็กอายุเจ็ดหนาวผู้นี้มีเวลาเพียงไม่กี่เดือน แต่เขาสามารถจําเนื้อหาในสี่หนังสือห้าคัมภีร์ได้ และยังรู้ข้อมูลที่ลึกซึ้งไม่เหมือนใครอีกด้วย
กล่าวตามตรงว่าเฉินซิ่วไฉพอใจมาก ไม่ใช่เรื่องยากสําหรับนักเรียนแบบนี้ที่จะเข้าสอบ เพียงแต่เมื่อสอบผ่านระดับซิ่วไฉอาจจะมีปัญหาเล็กน้อย
ในแง่ของความรู้ เฉินซิ่วไฉพอใจแล้ว
แต่ในแง่ของอุปนิสัย ยังมีข้อสงสัยอยู่บ้าง เนื่องจากพ่อแม่ของเขาไร้ศีลธรรม
“เฉินเฉิน เจ้าคิดอย่างไรกับคําว่าลูกกตัญญ?”
เฉินเฉินส่ายหน้า แม้ว่าจะสอดคล้องกับความกตัญญูกตเวทีในหนังสือ เขาต้องพึ่งพาและเชื่อฟังพ่อแม่อย่างไร้เงื่อนไข
แต่ในความเป็นจริง เขาทําเช่นนั้นไม่ได้
“ท่านอาจารย์ แม่ของข้าจิตใจอํามหิตแต่ข้าก็ไม่สามารถต่อว่านางได้ หากในอนาคตนางสูญเสียความมั่นคง ข้าย่อมให้เงินสนับสนุนนางอย่างแน่นอน ส่วนอย่างอื่นนั้นข้าทําไม่ได้ขอรับ”
“สําหรับท่านพ่อ แม้เขาจะมิใช่คนคนศีลธรรมเลวร้าย แต่เขาก็ทําร้ายข้ามามากเช่นกัน ในอนาคตหากเขาแก่เฒ่า และหมดหนทางข้าย่อมช่วยเหลือเขา แต่ได้โปรดให้อภัยลูกชายที่หยาบช้าผู้นี้ด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจและไม่สามารถทําได้มากกว่านี้ขอรับ!”
สุดท้ายก็คือสําหรับสองคนนี้ หากตอนแก่เฒ่าไม่มีที่ให้อยู่ในฐานะลูกชายเขาย่อมให้การช่วยเหลือ แต่นอกจากความช่วยเหลือด้านปัจจัยภายนอก ก็ไม่มีอะไรอื่นอีกแล้ว
อาจารย์เฉินพยักหน้า “ดีแล้วที่เจ้าไม่แค้นเคือง ข้าไม่สงสัยในตัวเจ้าแล้ว กับพี่สาวของเจ้าล่ะ เจ้าคิดเช่นไร?”
“เมื่อตอนที่ยังเด็ก ผู้น้อยโง่เขลาด้วยการยุยงของท่านแม่ ข้าทําสิ่งชั่วร้ายต่อพี่สาวมากมาย โชคดีที่พี่สาวไม่เคยเก็บมาใส่ใจและตอบแทนความขุ่นเคืองในใจข้าด้วยความดี นางเปรียบเสมือนชีวิตน้อย ๆ ของข้า ตอนนี้ข้าเปลี่ยนความคิดที่ผิดพลาดในอดีตแล้วและถือว่าพี่สาวคือพ่อแม่ผู้ให้ชีวิตใหม่แก่ข้า”
เฉินเฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขาคุกเข่าลงกับพื้นอย่างรวดเร็วก่อนจะคํานับชายชรา ”ศิษย์ขอฝากตัวด้วยขอรับท่านอาจารย์”
เฉินซิ่วไฉยิ้มอย่างพอใจ “ดีมาก! ให้พี่สาวของเจ้าหาครอบครัวในหมู่บ้านและดูแลเรื่องการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม เรื่องนี้ควรจะจัดการให้รวดเร็ว ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็แค่ทําตามธรรมเนียม
ธรรมเนียมที่ว่าก็คือค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้อาจารย์
ทั้งหมดคือเงินสองตําลึงกับเนื้อหมูชิ้นหนึ่ง เนื่องจากสุภาพบุรุษผู้นี้เป็นขุนนาง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถขอสิ่งต่าง ๆ จากลูกศิษย์ได้โดยตรง สามารถพูดได้แค่ขอบคุณอย่างสุภาพตามมารยาท
หยุนเวียนเถียนลําลาท่านอาจารย์ด้วยท่าที่สุภาพเมื่อกําลังจะหันกลับไป เฉินซิวไฉพลันหยุดนางเอาไว้
“จากความก้าวหน้าของเด็ก ข้าคิดว่าสอบถงเชิงปีหน้าคงจะไม่มีปัญหา จากนั้นต้องเริ่มเตรียมตัวสอบเยวี่ยนซื่อในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า เจ้าต้องเตรียมเงินให้พร้อมสําหรับการเข้าสอบ อย่าให้เรื่องเงินทองทําให้เด็กล่าช้า”
หยุนเวียนเถียนพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวลไป ตราบใดที่เด็กคนนี้มีสามารถสอบได้ แม้ว่าในปีหน้าเขาจะต้องไปเมืองหลวง ข้าก็จะส่งเขาไปอย่างไม่ลังเล”
ตอนนี้เฉินซิ่วไฉพึงพอใจมาก เขากลัวว่าจะพยายามอย่างหนักเพื่อสอนเด็กที่มีพรสวรรค์อยู่นาน แต่กลับถูกปัญหาการเงินในครอบครัวทําให้ไม่สามารถเข้าร่วมสอบได้
เหตุการณ์นี้ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น เมื่อมีเด็กที่ต้องลาออกจากโรงเรียน เฉินซิ่วไฉก็ได้แต่รู้สึกเสียดาย
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าวางใจฝากเด็กคนนี้ไว้กับข้าได้ ข้าไม่สามารถรับประกันสิ่งอื่นได้ แต่ผู้ที่มีความสามารถย่อมได้รับการยอมรับอย่างแน่นอน ตราบใดที่เขาขยันขันแข็ง”
หยุนเถียนเถียนก้มศีรษะลงอีกครั้งเพื่อกล่าวขอบคุณเขา “เช่นนั้นฝากท่านอาจารย์สั่งสอนเขาให้ดี ความรู้เป็นเรื่องรอง ที่สําคัญที่สุดคือความเป็นคน การปฏิบัติตนของท่านอาจารย์ ผู้น้อยชื่นชมเป็นอย่างมาก”
เฉินซิ่วไฉลูบเคราของเขาและยิ้ม จากนั้นก็โบกมือแล้วเดินเข้าไปในสวนหลังบ้านอีกครั้ง เขาไม่มีเวลาว่างมากนักเพราะยังมีนักเรียนอีกมากรอให้เขาสอนอยู่
เฉินเฉินยังคงตื่นเต้นไม่หยุดหย่อน หยุนเถียนเถียนจึงเอื้อมมือไปเคาะหัวเด็กชายเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“ท่านอาจารย์ชื่นชมเจ้ามาก ไม่ภูมิใจในตัวเองหรือ? เฉินเฉินสิ่งที่เจ้าทําในตอนนี้ เด็กคนอื่นก็ทําได้เช่นกัน ดังนั้นสิ่งเดียวที่จะสร้างความประทับใจให้อาจารย์ของเจ้าคือความสามารถและความพยายาม!”
“แม้ว่าอาจารย์จะกล่าวชื่นชมเจ้า ก็อย่าได้หลงลําพองไปกับมัน หนทางแห่งการสอบขุนนางยากเย็นยิ่ง หากเจ้าไม่สามารถทําได้ เจ้าก็เป็นเพียงคนเก่งแต่ขี้เกียจ อย่างไรก็ไม่มีวันเจริญรุ่งเรืองได้!”
เฉินเฉินพยักหน้าอย่างรู้ความ “พี่สาว ข้าเข้าใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าข้าจะมีวันนี้ได้ ข้าได้เข้าเรียนจริง ๆ!”
หยุนเถียนเถียนมองดูท่าทางตื่นเต้นของเขาและพอจะคาดเดาอารมณ์ของเด็กชายได้จึงรู้สึกทุกข์ใจขึ้นมาอีกครั้ง
ถ้าในยุคปัจจุบัน เด็กที่อายุเจ็ดขวบเพิ่งเข้าโรงเรียนประถม ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนัก จะต้องมาทะเลาะกับพ่อแม่ในเรื่องนี้หรือไม่? ยังไงซะนางคิดว่าเด็กคนนี้ย่อมมีเหตุอยู่แล้ว
แต่ราคาของความมีเหตุผลช่างสูงนัก! ต้องแลกมากับวัยเด็กที่มืดมน หยุนเถียนเถียนอดไม่ได้ที่จะสงสารเด็กชาย
“เอาล่ะ! ไม่ต้องกังวลเรื่องเรียนหรอก พี่สาวจะหาเงินมาให้ได้ นับจากนี้ไป ทุกเช้าเจ้าต้องนั่งเกวียนของลุงเฉินมาโรงเรียน และในตอนบ่ายเจ้าก็นั่งเกวียนกลับไปหลังจากเลิกเรียน ไม่มีใครมารับ เจ้าทําได้หรือไม่?”
เฉินเฉินพยักหน้าอย่างชาญฉลาด โรงเรียนของท่านอาจารย์อยู่ห่างจากจุดที่เขานั่งเกวียนเพียงไม่กี่ก้าว ไม่มีปัญหา
หยุนเถียนเถียนพาเฉินเฉินไปในเมืองด้วยความโล่งใจ เพื่อซื้อของขวัญสําหรับใช้ในการเรียน ก่อนจะพาเขาไปที่เกวียนของลุงเฉินและอธิบายอย่างละเอียด จากนั้นก็ขึ้นเกวียนมุ่งหน้ากลับไปที่หมู่บ้าน
ระหว่างทางลุงเฉินก็ถอนหายใจ “โชคดียิ่งนักที่เด็กคนนี้ตามเจ้ามา พ่อของเขาไว้ใจไม่ได้ ส่วนแม่ของเขาก็… เอ่อ! ตอนนี้ถือว่าเรื่องร้ายผ่านไปแล้ว!”
หยุนเถียนเถียนยิ้ม สําหรับเฉินผิงอันนั้นตอนนี้นางพูดอะไรไปก็จะดูไม่ดีนัก
เพราะเมื่อก่อนเคยคิดว่าเขาเป็นพ่อ ตอนนี้จึงรู้สึกว่าการพูดไม่ดีถึงคนอื่นนั้นยากเย็นยิ่ง
เฉินเฉินพยักหน้าอย่างจริงจังและพูดขึ้น ” ข้าจะเชื่อฟังพี่สาว และเมื่อข้าโตขึ้น ภายหน้าข้าจะตอบแทนความมีน้ำใจของพี่สาวให้ดี”
ลุงเฉินพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เด็กดี เป็นเรื่องสมควรแล้วที่เจ้าจะตอบแทนพี่สาวผู้นี้!”