สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 172 ร้องแรกแหกกระเชอ
ตอนที่ 172 ร้องแรกแหกกระเชอ
เดิมที่เฉินฉู่เกินและภรรยาของเขาเป็นเป้าหมายหลักในการสืบสวนของหัวหน้าหมู่บ้าน แต่พวกเขาไม่กลับบ้านมาเป็นเวลาสองวัน ในที่สุดเย็นวันนั้นทั้งคู่ก็กลับมา
ข่าวนี้ไม่สามารถปกปิดหัวหน้าหมู่บ้านและคนในหมู่บ้านได้
ทั้งคู่ยังไม่ทันได้นั่งลงก็มีคนมาที่หน้าประตูทันที แม้แต่เฉินเจียวเจียวที่ร้อนรนก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร
เฉินซึ่งถูกเชิญเข้าไปเนื่องจากเขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน แม้ว่าจะดูถูกสองสามีภรรยา แต่ก็ทําได้เพียงพูดคุยกันดีๆเท่านั้น
“เมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดเรื่องขึ้นในหมู่บ้าน โรงงานถูกขโมยของและคนร้ายวางยาพิษสุนัขที่ดูแลโรงงาน! เฉินฉู่เกินบอกข้ามาตามตรง เจ้าเป็นคนทําหรือไม่?”
เฉินฉู่เกินเป็นคนซื่อสัตย์ เขากลัวจนตัวสั่นและพูดอะไรไม่ออก!
แต่ฉู่เกินฮูหยินนั้นไม่กลัว นางเป็นคนไร้เหตุผลอยู่เสมอ ต่อหน้าเถ้าแก่จางข้างนอก นางไม่อาจเรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ แต่ในหมู่บ้านนางเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย จึงไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น
“หัวหน้าหมู่บ้าน หากมีหลักฐานก็จับเราไปหาเจ้าหน้าที่ได้เลย แต่ถ้าไม่มีหลักฐาน ท่านมาทําอะไรที่นี่ให้คนในบ้านของข้าตกใจ? เห็นสามีของข้าเป็นคนอ่อนแอจึงคิดจะรังแกเขาเช่นนั้นหรือ?”
สีหน้าของเฉินซ่งเปลี่ยนไปแต่เขาก็ยังยืนยันคําพูด
“คืนนั้นสุนัขที่โรงงานกินเนื้อผสมยาพิษเข้าไป แต่ข้าไม่ต้องการให้คนนอกรู้เรื่องนี้จึงตรวจสอบกันเองภายในหมู่บ้าน และพบว่าคืนก่อนครอบครัวของเจ้าก็กินเนื้อพอดี มันจะบังเอิญขนาดนั้นได้อย่างไร? หลี่ซุนเฉียว เจ้าไม่เคยซื้อเนื้อมาก่อนด้วยซ้ํา!”
จู่ๆฉู่เกินฮูหยินก็นั่งลงกับพื้นและโวยวายเสียงดัง “ครอบครัวเราไม่ได้กินเนื้อสัตว์มาทั้งปี เหตุใดพอกินเนื้อแค่ครั้งเดียวกลับถูกกล่าวหาว่าขโมยของ? เป็นไปไม่ได้เลยหรือที่ครอบครัวยากจนของพวกเราจะกินเนื้อสักปีละครั้ง?”
หัวหน้าหมู่บ้านหน้าซีด พิจารณาจากสิ่งที่เขาพูดดูเถิด อยากจะถามจริงๆว่าเขาไปปฏิบัติต่อเหมือนครอบครัวนี้เป็นโจรตอนไหน?
“หลีชุนเกียว หากเจ้ายังคงก่อกวนไม่เลิก ข้าคงทําได้เพียงส่งเจ้าไปให้ทางการและให้พวกเขามาสอบสวนคดี! เฉินฉู่เกินเจ้ายังจะปกป้องภรรยาของเจ้าอยู่อีกหรือ?”
เฉินฉู่เกินกลัวจนหน้าซีดเผือด สิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านพูดนั้นเหมือนต่อว่าเขาซึ่งๆหน้า!
“หรือเจ้าต้องการให้ข้าพูดออกมาตรงๆ? รองเท้าผ้าปักคราว ก่อนไม่ใช่ของเฉินเจียวเจียวลูกสาวเจ้าหรอกหรือ? ไม่ต้องการให้ข้าไว้หน้าเจ้าใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินเจียวเจียวซึ่งซ่อนตัวอยู่ในห้องก็หน้าซีดด้วยความโกรธ หากเรื่องนี้กระจายออกไป อย่าว่าแต่แต่งงานกับคนดีๆเลย แม้แต่ชาวนายากจนเหล่านั้นก็คงไม่ต้องการนาง
แน่นอนว่าฉู่เกินฮูหยินต้องรักษาชื่อเสียงของลูกสาวเอาไว้ หากนางได้แต่งงานกับคนดี ก็ยังพอจะได้รับสินสอดที่ดีตามไปด้วย
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านกล่าวเช่นนี้ออกมาควรมีจิตสํานึกบ้าง แม้ว่ารองเท้าปักนั้นจะเป็นลูกสาวข้าจริง แต่ต้องเป็นขโมยด้วยหรือ? มันจะหลุดหายตอนที่เดินเล่นไม่ได้เลยหรืออย่างไร?”
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ายังคงกล่าวโทษผู้อื่นอย่างไร้เหตุผล
“หลี่ชุนเฉียว! ทุกคนอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันและรู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี เจ้ายังจะดื้อด้านอีกหรือ? เจ้าอยากให้ข้าเข้าไปในเมืองวันพรุ่งนี้ เพื่อสอบถามกับร้านขายยาว่าเจ้าไปซื้อยาพิษมาจริงๆใช่หรือไม่?”
“บ้านใดบ้างที่ไม่มีหนู? ข้าซื้อยาพิษมาเพื่อกําจัดหนู หัวหน้าหมู่บ้านควรใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ด้วยหรือ?”
ด้วยเหตุนี้ หัวหน้าหมู่บ้านจึงจึงตระหนักว่าวันนี้คงไม่รู้ผล
หัวหน้าหมู่บ้านกําลังจะหันหลังเดินจากไป แต่ใครจะรู้ว่าหลัง จากนั้นฉู่เกินฮูหยินจะสร้างเรื่องใหญ่โตขึ้นมา “ที่พวกเจ้าทุกคนมาที่เพราะเห็นว่าสามีข้าเป็นคนซื่อๆ จึงจะรังแกเขาใช่หรือไม่? มายัดเยียดข้อหาโจรให้ข้าแบบไร้เหตุผล ต้องการบีบข้าให้ตายหรือ? ลูกสาวข้าเพิ่งอายุเท่าไหร่? พากันมาสาดโคลนใส่นาง ยังมีความเป็นคนกันอยู่หรือไม่?”
คราวนี้เฉินซึ่งไม่มีทางเลือกจริงๆ ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน เขาทนโดนใส่ร้ายให้เป็นแพะรับบาปไม่ได้!
“เอาล่ะ! เจ้าไม่ต้องมาโวยวายอยู่ตรงนี้ ข้าจะให้ท่านผู้เฒ่าเป็นคนตัดสินให้เจ้าว่าเป็นอย่างไร?”
“ตาเฒ่าพวกนั้นจะไม่ไว้หน้าเจ้าหรือ? เจ้ามาที่นี่เพื่อรังแกครอบครัวพวกข้า”
เฉินซึ่งกล่าวกับคนรอบตัวเขาอย่างโกรธจัด “พวกเจ้าไปเรียกคนในหมู่บ้านมาเถิด ในเมื่อพวกเขาบอกว่าถูกคนในหมู่บ้านของเรารังแก ก็ควรทําให้มันชัดเจนต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน!”
หลานชายตัวน้อยที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินอาของตนพูดอย่างนั้นก็วิ่งออกไปทันที ไม่ถึงชั่วเวลาจิบชาหนึ่งถ้วย ผู้คนก็แห่กันไปล้อมรอบลานบ้านของเฉินฉู่เกิน
หยุนเถียนเถียนขมวดคิ้วและเดินไปข้างหน้า “หัวหน้าหมู่บ้าน และทุกคนได้โปรดฟัง! ถ้ายังมีโจรแบบอยู่ในหมู่บ้านเรา ต่อไปเขาอาจทําร้ายใครอีกก็ได้ เพียงแค่มาหาที่บ้านก็ร้องโวยวายว่าโดนรังแก”
“ถ้าเช่นนั้น เหตุใดพวกเราไม่เล่นเป็นคนพาลบ้างล่ะ? ให้คนมาประเมินราคาบ้านและที่ดิน รวมถึงทรัพย์สินทั้งหมดของเฉินฉู่เกิน ข้าจะซื้อมันไว้เอง ครอบครัวของเฉินฉู่เกินไม่ควรอาศัยอยู่ใน หมู่บ้านเทพธิดาแห่งนี้อีกต่อไป เช่นนี้แล้วพวกข้าก็ไม่สามารถรังแกพวกเจ้าได้อีก เจ้าว่าอย่างไร?”
เมื่อฉู่เกินฮูหยินได้ยินว่านางจะจ่ายเงินก็รีบตกลงทันที แต่เฉินฉู่เกินกลับส่ายหัวซ้ําแล้วซ้ําเล่า “ไม่ได้! ไม่มีทาง!”
หากเขาถูกไล่ออกจากหมู่บ้านจริง ๆ ถึงแม้ว่าสมบัติทั้งหมดนี้จะถูกตีเป็นเงินและจ่ายให้ แต่ในอนาคตเขาจะต้องตายไปเป็นเพียงวิญญาณเดียวดาย ไม่มีแม้แต่หลุมศพของบรรพบุรุษ
“วันนี้หัวหน้าหมู่บ้านไปตามบ้านทุกหลังเพื่อสอบสวนเรื่องนี้ เหตุใดท่านถึงร้องโวยวายว่าถูกผู้คนรุมรังแก? หรือเป็นเพราะมีความผิด? หลีชุนเกี่ยว อายุท่านก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ท่านเคารพตัวเองบ้างหรือไม่? แม้แต่เด็กน้อยอย่างเฉินเฉินที่บ้านข้ายังเทียบไม่ได้!
แต่ฉู่เกินฮูหยินยังกล่าวอย่างต่อต้าน “หมู่บ้านของพวกเรามีแต่คนแซ่เฉิน เจ้าคนนามสกุลต่างถิ่นมาทําอะไรที่นี่? เหตุใดถึงต้องมาตรวจสอบตามบ้านเพื่อปัญหาเล็กน้อยของเจ้า นี่เรียกว่าการสอบสวนหรือ? ปฏิบัติกับพวกเราเหมือนเป็นโจรมากกว่า”
หยุนเถียนเถียนโกรธจนหน้าเขียว “แล้วอย่างไร? ของข้าหายในหมู่บ้านนี้ตรวจสอบไม่ได้เลยหรือ? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้ ของหายบอกว่าไร้เหตุผล แต่เห็นสมควรกับการเป็นโจร หลี่ซุนเกี่ยว ข้าจะบอกท่านเอาไว้ ที่ข้าไม่ไปแจ้งทางการก็เพราะเห็นแก่ประโยชน์ของคนหมู่บ้านเดียวกัน หรือท่านต้องการสร้างปัญหาให้ถึงจุดนั้นจริงๆ