สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 176 ค้าขาย
สามีข้า… คือพรานป่า
ตอนที่ 176 ค้าขาย
หยุนเถียนเถียนพยายามเมินเฉยสายตาที่ร้อนแรงของหยุนเคอและถามซ้ําอีกครั้ง “เป็นอย่างไรบ้าง? แค่บะหมี่ธรรมดา นายน้อยหลี่พอจะกินได้หรือไม่?”
ดวงตาของหลี่ซื่อฮวาเป็นประกาย “เจ้าจะทํากิจการนี้กับข้าอีกครั้งหรือ? หากเจ้าไม่กังวลเรื่องแป้ง เราสามารถซื้อจากในเมืองหลวงมาก่อนก็ได้ ถึงแม้จะราคาแพงไปหน่อย แต่ปัญหาคือบะหมีจะต้องไม่เหมือนกับที่อื่นใช่หรือไม่?”
หยุนเถียนเถียนหยิบถุงขนาดเล็ก ซึ่งปิดผนึกด้วยกระดาษน้ํามันออกมาจากแขนเสื้อของนางอย่างใจเย็น อันที่จริงมันถูกนําออกมาจากเสี่ยวเถาแต่ใช้แขนเสื้อกว้าง ๆ เป็นที่กําบังเอาไว้
“ท่านดูนี่สิ โรยสิ่งนี้ลงไปในน้ําซุปเพียงเล็กน้อยก็จะช่วยเพิ่มรสชาติของบะหมี่ได้มาก หรือจะนําไปผัดใส่อาหารก็อร่อยยิ่งขึ้นที่นี้นายน้อยหลี่ก็สามารถอาศัยสิ่งนี้รักษาลูกค้าไว้ได้”
“ข้าจะมอบเครื่องปรุงห่อนี้ให้นายน้อยหลี่เพื่อเป็นการชดเชยเรื่องที่สูตรถูกขโมย แต่ท่านต้องระวังหากใส่มากเกินไปจะเกิดผลเสียถ้าท่านต้องการซื้อเพิ่มอีก ราคาห่อเล็กยี่สิบตําลึง มั่นใจได้เลยว่าสูตรนี้จะไม่มีวันรั่วไหล
หลี่ชื่อฮวาเอื้อมมือไปหยิบถุงกระดาษน้ํามันและเปิดดูเล็กน้อยมีเครื่องปรุงรสสีเหลืองอยู่ข้างในนั้น
“ข้าได้เขียนสูตรบะหมี่เอาไว้ให้แล้ว ท่านสามารถนําไปใช้ได้
เลย”
หลี่ซื่อฮวารับมันไป หญิงผู้นี้ใจกว้างมากไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่รับไว้
“นายน้อยหลี่อันที่จริงนี่ไม่ใช่สิ่งสําคัญที่สุด ข้าต้องการขายแป้งให้ท่านมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ท่านจะหาซื้อแป้งมากมายจากในเมืองหลวงท่านสามารถมาซื้อกับข้าในราคาที่ถูกและยุติธรรมอย่างแน่นอนแต่มีข้อแม้เพียงอย่างเดียว คือท่านห้ามถามว่าข้านําของเห ล่านี้มาจากที่ใด เนื่องจากข้าไม่ต้องการเปิดเผยให้ใครรู้”
หลี่ซื่อฮวาถูกน้ําเสียงของหยุนเถียนเถียนครอบงําไปชั่วขณะ เขาอยากรู้ว่านางจะหาแป้งมากมายมาจากที่ใด แต่เมื่อเอ่ยปากตั้งแต่แรกแสดงว่านางคงไม่อยากให้ถามจริง ๆ
“เจ้าสามารถหาแป้งได้ครั้งละเท่าไหร่? ถ้าเจ้าอยากขายแป้งให้ข้าจริง ๆ ข้าเองก็มีร้านธัญพืชอยู่ในมือ ตระกูลใหญ่หลายตระกูลเมื่อต้องขนมที่ทําจากแป้ง พวกเขาก็มาซื้อที่ร้านของข้าหากเจ้าสามารถจัดหามาได้ข้าก็ยินดีทํากิจการนี้กับเจ้า”
ในตอนนี้เสี่ยวเถาแจ้งเตือนหยุนเถียนเถียนด้วยน้ําเสียงเย็นชา “เจ้านายเมื่อมั่นใจว่ามีความสมดุลระหว่างเวลาและพื้นที่ก็ง่ายที่จะซื้อแป้งและธัญพืชอย่างเพียงพอ ในยุคของท่านข้าวไม่ได้ปนเบี้อนปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงจึงราคาแพง แต่ในยุคนี้ข้าวให้ผลผลิตสูงและยังราคาถูกมาก”
หยุนเถียนเถียนกล่าวอย่างนุ่มนวล “ข้าสามารถให้ท่านได้มากเท่าที่ต้องการแต่ท่านก็ต้องมีข้าวดีๆมาแลกเปลี่ยนกับข้า”
หลี่ซื่อฮวารีบตอบตกลงโดยไม่ลังเล โดยทั่วไปแล้วข้าวราคาถูกมากและขายไม่ค่อยดีนัก ทุกครัวเรือนมีที่ดินสําหรับเพาะปลูกมากมายมีเพียงคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นเท่านั้นที่จะไปร้านขายธัญพืชเพื่อซื้อข้าว
ทุกปีเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว ชาวนาจะนําข้าวมาขายในเมืองต่อให้ราคาจะตกต่ําเพียงใด ข้าวก็จะวางขายเต็มไปหมด กล่าวได้ว่าสามารถซื้อเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสําหรับเกษตรกรที่จะอยู่รอดหลังจากจ่ายภาษีแล้วมีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่จะมีเงินเหลือใช้ ในเขตมณฑลที่จํานวนประชากรเบาบางแห่งนี้ จึงเหลือพื้นที่ว่างเปล่าสําหรับเพาะปลูกเป็นจํานวนมาก
ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากสงครามในช่วงปลายราชวงศ์ก่อนส่งผลให้จํานวนประชากรทางตอนใต้ลดลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกษตรกรอยู่รอดได้มากขึ้นทางการจึงสนับสนุนให้พ่อค้าขนส่งธัญพืชจากเหนีอลงใต้แต่ไม่อนุญาตให้ที่ดินถูกทิ้งร้างเมื่อพบว่าที่ดินของผู้ใดถูกปล่อยให้รกร้างจะต้องเสียภาษีเพิ่ม
หยุนเถียนเถียนไม่สนใจมากนัก “ถ้าเช่นนั้นนายน้อยหลีไปเตรียมตัวเถิด ท่านนําข้าวมาได้เท่าไหร่ข้าก็จะให้แป้งแก่ท่านเท่านั้นเพียงแต่ท่านต้องคิดส่วนต่างราคาและนําส่วนต่างนั้นมาจ่ายให้ข้า”
หลี่ซื่อฮวาเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะทําให้ร้านอาหารของเขากลับมาดีขึ้นแต่ยังส่งผลดีต่อกิจการร้านขายธัญพืชอีกด้วยเขาพอใจมากและพูดคุยกับนางต่อแต่หยุนเถียนเถียนก็แสดงท่าที่หลีก
เลี่ยง
“ในเมื่อจุดประสงค์ของนายน้อยหลี่สําเร็จลุล่วงแล้ว ข้าคงไม่สะดวกคุยกับท่านต่อ ครอบครัวเล็ก ๆของพวกเราไม่สามารถนั่ง ๆ นอน ๆ เหมือนนายน้อยหลี่ได้”
ในตอนที่เจรจาการค้าหญิงสาวผู้นี้มีท่าที่น่าเอ็นดูมากแต่เมื่อจบเรื่องแล้วนางก็หันหน้าไปราวกับจํากันไม่ได้ หลี่ซื่อฮวารู้สึกหมดหนทางยิ่งนัก
อันที่จริงเหตุผลของหยุนเถียนเถียนคือตอนที่นางมาถึงยุคนี้ครั้งแรก ในตอนนั้นนางกําลังนอนอยู่บนเตียงเพื่อจะถูกเชือดโดยนายน้อยหลี่เป็นผู้อยู่เบื้องบนแค่คิดถึงช่วงเวลาแห่งความอ่อนแอนี้หยุนเถียนเถียนก็ไม่สามารถนั่งคุยกับนายน้อยหลีได้อย่างสงบใจยิ่งไปกว่านั้นในฐานะตํารวจ หยุนเสียนเถียนรู้สึกไม่สบายใจที่ได้ เห็นนายน้อยหลี่มีชีวิตของหญิงสาวมากมายอยู่ในกํามือ
หยุนเถียนเถียนออกไปแล้ว หยุนเคอก็จ้องมองนายน้อยหลี่ด้วยความเย็นชา
ที่นี่ไม่ต้อนรับเขา! หลี่ซื่อฮวาคิดอย่างหงุดหงิดและลุกขึ้นเตรียมจะจากไป
ทันที่ที่เดินออกจากลานบ้าน ก็มองเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งปรากฏตัวข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ และมองมาด้วยแววตาหลงใหล
ตรงกันข้ามกับหยุนเถียนที่เว้นระห่างและไม่มีท่าที่สนใจเขา นางยังดูดีกว่ามากเมื่อเทียบกับหญิงสาวคนนี้
สาวน้อยที่มาดักรอหลี่ซื่อฮวาหน้าบ้านหยุนเถียนเถียนก็คือเฉินไฉอีลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน
เฉินไฉ่อีก้มหน้าลงด้วยความเขินอายยามได้เจอชายที่ตนหมายปอง แต่เมื่อเห็นว่านายน้อยหลีไม่สนใจและกําลังจะหันหลังเดินจากไปก็ไม่รู้ว่านางเอาความกล้ามาจากไหนร้องทักเขาออกไป
“ผู้น้อยนามว่าเฉินไฉอี ก่อนหน้านี้ก็เคยเจอนายน้อยหลี่”
หลี่ซื่อฮวาเหลือบมองนาง หญิงสาวก้มหน้าลงอย่างอ่อนช้อยและปฏิบัติตนตามมารยาทที่คุณหนูในห้องหอพึงกระทํา
ด้วยความที่นางเป็นแค่สาวชาวนา หญิงสาวที่ได้รับการศึกษาจากตําราแค่ไม่กี่ประโยค ไม่ว่าจะเรียนเก่งแค่ไหนก็ไม่เคยฝึกฝนมารยาทจึงทําให้กิริยาของนางค่อนข้างแข็งกระด้างอย่างบอกไม่ถูก
แม้แต่การแต่งกายของนางก็นับว่าดูดีแค่เฉพาะตอนที่อยู่ในหมู่บ้านเทพธิดาเท่านั้น เมื่อออกไปข้างนอกยังถือว่าห่างชั้นกับคุณหนูตระกูลใหญ่อยู่มาก สิ่งนี้ยิ่งทําให้สมบัติผู้ดีของนางดูแย่ลงไปอีก