สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 19 ซ่อนอาหาร
“พ่อเชื่อแม่เสมอจนยอมส่งข้าให้นายน้อยหลี่ ท่านคงไม่ได้สนใจชื่อเสียงของข้าแล้วคงหวังเพียงให้ข้าไปให้พ้นสายตาโดยเร็วเท่านั้น” เมื่อกล่าวจบเฉินเถียนเถียนก็รีบเอามือป้องหน้าและวิ่งร้องไห้กลับบ้านไปทันที
เป็นเพราะป้าหวงปากสว่าง เฉินเถียนเถียนจึงเล่าเรื่องราวนี้ให้ฟังเพราะมั่นใจว่านางต้องเอาไปป่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้แน่
เฉินเถียนเถียนกลับมาถึงบ้านโดยไม่รู้ว่าเฉินผิงอันผู้เป็นพ่อหายไปไหน แต่นางก็สามารถเดาได้ว่าเขาต้องไปเล่นพนัน พวกเขาเห็นว่าเป็นเรื่องสนุก เพราะมีทั้งแพ้ ชนะ และเสมออย่างยุติธรรม
ส่วนหลินชวนฮวาไม่รู้ว่าเฉินเถียนเถียนกลับมาแล้วจึงนั่งแต่งตัวอยู่หน้ากระจกเพื่อชื่นชมความงามของตน เฉินเถียนเถียนแสยะยิ้มชั่วร้ายออกพร้อมกับมองด้วยสายตาเย้ยหยัน… อายุมากขนาดนี้แล้ว ยังกล้านั่งชื่นชมความงามของตนเองหน้ากระจกได้อย่างไร?!
หลินชวนฮวาไม่ใช่หญิงที่มีหน้าตางดงามอะไรนัก เพียงแต่การแสร้งพูดจาอ่อนโยนและเป็นคนดีทำให้นางดูงดงามขึ้น
‘เวลาแบบนี้นางจะแต่งตัวไปทำไมกัน? ต้องมีอะไรแน่!’
“แม่… ข้ายังต้องทำอาหารกลางวันอยู่หรือไม่?”
หลินชวนฮวาที่กำลังชื่นชมความงามของตนอย่างสุนทรีพลันชะงัก เมื่อถูกขัดจังหวะ นางจึงหันมาและโบกมือด้วยความโกรธ “ไม่ต้องทำ พ่อเจ้าไม่กลับมา ข้าก็จะออกไปข้างนอกเช่นกัน”
“แล้วข้าเล่า?”
หลินชวนฮวายกยิ้ม “เอ๊า… เจ้าต้องกินข้าวด้วยหรือ?! เมื่อตอนเช้ายังปีกกล้าขาแข็งอยู่ไม่ใช่หรือไร?! หากหิวมากก็ตายไปเสีย!”
เฉินเถียนเถียนไม่ได้โมโหหรือตอบโต้อะไรเพราะนางรู้ดีว่าทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้จึงกล่าวถามต่อ “แล้วเฉินเฉิงเยี่ย…”
“ของลูกข้า ข้าเตรียมให้เอง เจ้าไม่ต้องสาระแน!”
เฉินเถียนเถียนไม่พูดอะไรพร้อมกับเดินไปที่โรงเก็บไม้ นางไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่นางหยุนรู้ดีว่าเฉินผิงอันมีนิสัยเกียจคร้านและไม่สนใจใคร เหตุใดจึงเลือกที่จะแต่งงานกับเขาผู้ที่ทอดทิ้งนางไว้ในบ้านเสมอ
เมื่อแม่ตายไปสินสอดทองหมั้นที่เหลือทั้งหมดลูกสาวแท้ ๆ กลับไม่ได้ใช้เพราะเฉินผิงอันปล่อยให้คนอื่นครอบครองหมดสิ้น
ทุกครั้งที่หลินชวนฮวาเห็นหน้าเฉินเถียนเถียนก็อารมณ์เสียอย่างไร้สาเหตุ ใบหน้านี้งดงามโดยธรรมชาติไม่จำเป็นต้องคอยเติมแต่งดังเช่นใบหน้าของตนจึงทำให้นางรู้สึกอิจฉายิ่ง
แต่ไม่ว่าอย่างไรหลินชวนฮวาก็ทำลายใบหน้าอันงดงามนี้ไม่ได้เพราะความสวยของเฉินเถียนเถียนจะช่วยให้ลูกชายของนางมีโอกาสทางการศึกษามากขึ้น
เฉินเถียนเถียนเหนื่อยล้ามาทั้งวันจากการขึ้นไปหาอาหารบนภูเขาจึงไม่อยากมีเรื่องกับหลินชวนฮวาอีกต่อไป
‘ข้ากินไก่ที่หยุนเคอให้มาเพียงครึ่งตัว ส่วนอีกครึ่งอยู่ในเถาเป่า หากนางไม่ยอมให้ข้ากินข้าวก็ไม่เป็นไรหรอก’ เมื่อคิดได้อย่างนั้นเฉินเถียนเถียนจึงเดินกลับโรงเก็บไม้
‘แท้จริงแล้วข้าควรขอบคุณหยุนเคอที่ช่วยอุ้มข้าลงมาจากภูเขาอันสูงชัน ไม่เช่นนั้นข้าต้องเดินจนเหนื่อยตายแน่ แล้วหากถูกหลินชวนฮวากลั่นแกล้งก็คงไม่มีแรงสู้กลับ’
ขณะที่เฉินเถียนเถียนกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย หลินชวนฮวาก็เดินออกจากบ้านไปโดยไม่มีใครรู้ว่านางกำลังจะไปที่ไหน
เฉินเถียนเถียนล้มตัวลงนอนเพื่อพักผ่อนเอาแรง
แต่ทันใดนั้นเองเฉินผิงอันก็กลับมาที่บ้าน
“ชวนฮวา! ชวนฮวา!” เฉินผิงอันตะโกนเรียกภรรยาเสียงดังตั้งแต่หน้าประตูจนทำให้ได้ยินไปทั่วทั้งหมู่บ้าน
ส่วนเฉินเถียนเถียนที่กำลังเคลิ้มหลับก็ตื่นขึ้นด้วยความตกใจ แต่หลังจากนั้นนางก็พลิกตัวเพื่อจะนอนต่อ
ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงเฉินผิงอันจึงกลับบ้านมาด้วยความหิวโหย มื้อเช้าที่ผ่านมาหลินชวนฮวาไม่มีทางเลือกจึงต้องเข้าครัวเองและหุงข้าวแฉะจนกินไม่ได้
เฉินผิงอันก็เร่งเร้านางเพราะความหิว หลินชวนฮวาจึงเปลี่ยนข้าวสวยเป็นข้าวต้มทันที
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เฉินผิงอันก็ออกไปข้างนอกโดยไม่กล่าวสิ่งใดต่อ
และพอถึงเวลามื้อเที่ยงก็กลับมาที่บ้าน หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงหาอาหารกินข้างนอก แต่เนื่องจากวันนี้เขาแพ้พนันจนหมดตัวจึงทำให้ไม่มีเงินซื้ออาหารกิน
เมื่อเห็นว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงแล้วเขาจึงรีบกลับมาที่บ้านเพราะคิดว่าภรรยาผู้เป็นที่รักจะทำกับข้าวไว้รอ แต่เมื่อเข้ามาในบ้านกลับไม่เจอหลินชวนฮวา ด้วยความหิวโหยจึงทำให้เขานึกถึงเฉินเถียนเถียนขึ้นมาทันที
เฉินผิงอันตะโกนเรียกลูกสาวอยู่นานแต่ไม่มีการ ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้าไปที่โรงเก็บไม้ทันที ซึ่งประตูโรงเก็บไม้ไม่ค่อยแข็งแรงนักและแรงถีบในครานี้ก็ทำให้มันแกว่งราวกับกำลังจะพังลง
“อีนังเด็กขี้ครอกนี่มันกี่โมงแล้ว เหตุใดเจ้ายังนอนอยู่อีก?!”
เฉินเถียนเถียนลุกขึ้นนั่งด้วยความหงุดหงิด เฉินผิงอันเป็นชายชนบทที่ใช้แรงงานมาตั้งแต่เด็กจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีพละกำลังมากกว่าคนทั่วไป
“หากไม่ให้ข้านอนแล้วจะให้ข้าทำอะไร? วัตถุดิบในห้องครัวก็เก็บไปหมดแล้ว พวกท่านไม่อนุญาตให้ข้ากินอาหาร นอกจากนอนแล้วข้าจะมีเรี่ยวแรงทำสิ่งใดได้อีก?”
เฉินผิงอันจ้องหน้าลูกสาวด้วยความเกรี้ยวกราด “แม่เจ้าจะซ่อนไปเพื่อสิ่งใด? หากไม่ใช่เพราะเจ้าขโมย! ใช้ชีวิตเกียจคร้านแต่กลับขยันขโมยอาหารงั้นหรือ?!”
“พ่อ! ข้าตัวเล็กแค่นี้จะกินอาหารเยอะขนาดนั้นได้อย่างไร?! แต่เมื่อครู่ข้าเห็นแม่แต่งตัวสวยและพรมน้ำหอมก่อนจะรีบออกจากบ้านไป ดูแล้ว… แม่คงมีเรื่องต้องทำ”
เฉินผิงอันผงะ ‘เวลาเที่ยงแบบนี้ ทุกคนต่างกลับบ้านมากินข้าวและพักผ่อน แต่หลินชวนฮวากลับแต่งตัวสวยและออกจากบ้านไปเพื่อสิ่งใดกัน?’
แม้จะสงสัย แต่เฉิงผิงอันก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น!
“พอได้แล้ว เลิกพูดจาใส่ร้ายแม่เจ้าสักที รีบลุกขึ้นมาทำกับข้าวซะ ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว!”
เฉินเถียนเถียนพูดด้วยความโมโห “ท่านพ่อหูไม่ดีหรืออย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าห้องครัวไม่มีวัตถุดิบ!”
“ไร้สาระ! ข้าวสารสักเม็ดก็ไม่มีเลยหรือ?!”
เฉินเถียนเถียนกลอกตา “หากไม่เชื่อก็ไปดูเองสิ จะยืนด่าข้าอยู่ตรงนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา?”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินผิงอันจึงเดินไปดูในห้องกลัว แต่กลับพบว่าข้าวสารสักเม็ดก็ไม่มีจริง ๆ พวกหนูรู้ที่ซ่อนอาหารถึงขนาดนี้เชียวหรือ?