สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 193 หารือ
สามีข้า… คือพรานป่า
ตอนที่ 193 หารือ
“แน่นอนว่าข้าไม่สามารถปิดบังอะไรจากท่านปูได้ ข้าไตร่ตรองอยู่นานว่าจะหาผู้อาวุโสที่ไว้ใจได้จากที่ไหน แล้วจึงส่งน้องชายของข้าไป”
ชายชราขมวดคิ้วแน่น นี่เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนการรับลูกบุญธรรมไม่ได้ง่ายนัก เพราะมันเปรียบเสมือนการรับเด็กมาเป็นลูกชายแท้ ๆ ของตน
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการแจกจ่ายมรดก ดังนั้นเขาต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
“ที่จริงท่านไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก ข้าแค่อยากให้เด็กคนนี้มีชีวิตที่ดี ไม่มีอะไรต้องคาดหวัง ท่านคงรู้ดีว่าตอนนี้ข้าไม่สนใจที่ดินสามส่วนนี้เลย”
ชายชราพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่สนใจ แต่ในใจผู้อื่นมักมีความสงสัยตลอดเวลา”
หยุนเถียนเถียนครุ่นคิดอย่างรอบครอบ เพราะเหตุนี้หรือไม่หัวหน้าหมู่บ้านถึงไม่เล่าให้คุณปูฟัง? แต่ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตามตอนนี้ต่อให้เขากล่าวออก นางก็จะทําอยู่ดี
“เรื่องนี้ข้าบอกหัวหน้าหมู่บ้านแล้วหรือว่าเขายังไม่มีแจ้งท่าน แต่มันสําคัญมาก ปีหน้าเฉินเอ๋อจะต้องลงสนามสอบแล้ว”
“เฉินซึ่งรึ? เขาไม่ได้มาหาข้า เจ้าเด็กคนนี้ยิ่งโตยิ่งดื้อรั้น!”
อีกฝ่ายอายุมากแล้ว ย่อมมองเห็นโลกมามาก หยุนเถียนเถียนคาดไม่ถึงว่าท่านปูจะคิดออก
แม้ว่าปกติหัวหน้าหมู่บ้านจะยุติธรรมและไม่เห็นแก่ตัวแต่ตราบใดที่เขารู้จุดที่ได้เปรียบ เขาจะไม่จัดการเรื่องนั้นให้จบ เขาจะต้องรอหยุนเถียนเถียนมาเคาะประตูบ้านสองถึงสามรอบเพื่อให้เขาได้ประโยชน์ จากนั้นจึงค่อยรีบจัดการให้เสร็จอย่างรวดเร็ว
ข่าวที่แพร่กระจายไปก่อนหน้านั้น คาดว่าคงเป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่ปล่อยออกไปให้เฉินผิงอันรู้แล้วเข้ามาขัดขวาง เช่นนี้จึงทําให้เรื่องราวทั้งหมดยิ่งยุ่งยากมากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็ยิ่งได้ประโยชน์จากหยุนเถียนเถียนมากขึ้นเช่นกัน
มิฉะนั้นข่าวของหยุนเถียนเถียนจะแพร่กระจายมาถึงที่นี่ได้อย่างไร?
หยุนเถียนเถียนจะไม่กล่าวเรื่องที่ตนไม่มั่นใจ ต่อให้คุยกับเฉินผิงอันแล้วเฉินผิงอันไม่มีทางเล่าเรื่องน่าอับอายให้ใครฟังแน่นอนเพราะฉะนั้นข่าวที่แพร่สะพัดออกไปต้องมาจากหัวหน้าหมู่บ้าน!
“อืม… เมื่อเฉินซึ่งยังเด็ก เขาฉลาดยิ่ง แต่เมื่ออายุเยอะขึ้น เขาน่าจะมีความรู้กว้างขวาง
ยิ่งอยู่มานานแล้วจะมีความรู้กว้างขวางจริงงั้นหรือ? เห็นได้ชัดเลยว่าขนาดรู้ตัวตนของหญิงสาวตระกูลหยุนนั้นไม่ธรรมดาแต่ยังกล้าที่จะทําเรื่องเช่นนี้ ไม่ว่าเด็กคนนี้จะถูกรับเลี้ยงหรือไม่ หัวหน้าหมู่บ้านก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสําหรับการฝากดูแล แต่ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่เลวร้ายเด็กคนนี้อาจจะสะดวกสบายมากขึ้นก็เป็นได้
ยิ่งไปกว่านั้นการที่ตัวเองได้ผลประโยชน์จากคนอื่น มันทําให้ตัวเองมีราศีขึ้นมิใช่หรือ แม้แต่เจ้าเมืองยังต้องการผลประโยชน์แบบนี้แล้วหัวหน้าหมู่บ้านจะไม่ทําแบบนั้นได้อย่างไร?
“เอาเถอะ งั้นเอาอย่างนี้ เราถอยกันคนละก้าว ลูก ๆ ของข้ากตัญญทุกคนสนับสนุนข้าอย่างดี แต่ลูกชายคนโตของข้าตายตกไปเสียแล้วงั้นนําน้องชายของเจ้ามาอยู่ภายใต้ชื่อลูกชายคนโตของข้าแล้วกัน”
“ข้าจะเป็นปูของเขา แม้ไม่อาจสนับสนุนเขาได้อย่างเต็มที่ แต่อย่างไรประวัติของครอบครัวข้านั้นโปร่งใส ของใช้ในบ้านทั้งหมดล้วนแจกจ่ายให้กับลูกจนหมดสิ้น ข้าไม่มีส่วนได้หรือเสียกับทรัพย์สมบัติเหล่านั้น เด็กน้อยเฉินสมควรอยู่ภายใต้ชื่อของลูกชายคนโตข้านั้นเหมาะสมยิ่ง”
แม้คําพูดจะดูคลุมเครือ แต่หยุนเถียนเถียนก็ยังฟังออกว่าท่านปูคนนี้ต้องการให้เฉินเฉินเป็นหลานชาย
ถึงอย่างไร การรับเลี้ยงนี้จะไม่เป็นปัญหาใด ๆ เพราะลูกหลานของท่านผู้เฒ่าแต่ละคนล้วนมีอนาคตที่ดี นิสัยไม่ได้เลวร้าย คิดดูแล้วว่าคงไม่อาจทําให้เฉินเฉินเดือดร้อนได้ในอนาคต
ยิ่งไปกว่านั้น ลูกหลานทั้งหมดล้วนแยกบ้านออกไปแลว แม้ว่าจะมีบางอย่างผิดพลาด แต่ก็คงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก
ด้วยวิธีนี้ เฉินผิงอันจะต้องอยู่ไม่สุขแน่
เดิมที่เฉินเฉินเป็นลูกชายของตัวเอง เมื่อได้เป็นหลานชายของอาวุโสผู้นี้ เช่นนั้นเขาจะต้องเรียกลูกชายตัวเองว่าลุง
เดิมที่เฉินผิงอันไม่ได้มีค่าในสายตาของหยุนเถียนเถียนแม้แต่น้อยยิ่งตอนนี้มีวิธีแก้ปัญหาแล้ว นางจะคิดถึงเฉินผิงอันเพื่ออะไร?
“ขอบคุณท่านมาก ท่านวางใจเถิด นิสัยของเฉินเฉินไม่ได้เลวร้ายตอนนี้เขาอยู่กับข้าแล้ว ข้าจะสอนเขาอย่างดีเพื่อไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของท่าน!”
ชายชราพยักหน้าอย่างใจเย็น “ความอัปยศอดสูยังไม่ถึงขั้นนั้นข้าเกรงว่าชายชราอย่างข้าคงไม่อาจมีเรี่ยวแรงสั่งสอนเขาได้ดี เด็กคนนั้นมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม เจ้าต้องสั่งสอนเขาให้ดี”
“ตอนนี้ข้ามาคิดดูแล้ว เฉินผิงอันนั้นโง่เขลาและตัดสินใจผิดพลาดเฉินเฉิงเยี่ยคนนั้นได้เรียนแต่ขาดปัญญาไปหลายส่วนอีกทั้งความแน่วแน่ยังไม่เพียงพอ แต่ลูกชายคนเล็กที่ถูกทอดทิ้งไปกลับไม่พูดไม่จาทว่าขยันขันแข็งในการเล่าเรียนยิ่ง…”
หยุนเสียนเถียนยิ้มเยาะ “ตอนที่ข้ารับเลี้ยงเด็กคนนี้ เดิมทีเพื่อแก้แค้นหลินชวนฮวา ให้นางมองลูกชายที่เกลียดแสนเกลียดแต่สุดท้ายมีอนาคตไกล ให้นางเสียใจกับสิ่งที่กระทํา ในเมื่อไม่สามารถแก้แค้นหลินชวนฮวาได้ตรง ๆ ข้าก็ต้องเลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้ดีที่สุด!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้ข้าจะไปที่ห้องโถงบรรพบุรุษเพื่อเพิ่มชื่อเด็กคนนั้นมาไว้ในลําดับวงศ์ตระกูล!”
ชายชราผู้เฉลียวฉลาดคนนี้กําลังนอนเอนอยู่บนเก้าอี้และโบกพัดไปมาไม่หยุด เขาเผยรอยยิ้มอ่อนออกมาอย่างมีความสุข
หยุนเถียนเถียนไม่ได้คิดมากกับเรื่องที่ตกลงไว้ไหสุราถูกทิ้งไว้ให้กับท่านปูแล้วนางก็เดินหันหลังจากไป
ตอนนั้นเอง ลูกสะไภ้คนที่สองเดินออกมาจากการให้อาหารไก่ที่สวนหลังบ้าน และนางได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูดกล่าวกันเมื่อครู่
นางรู้สึกไม่เข้าใจอย่างยิ่งว่าเหตุใดชายชราจึงยอมแบกรับเรื่องเหล่านี้ไว้กับตนเอง หลังจากคิดไตร่ตรองอยู่นานนางก็รู้สึกว่าทั้งหมดจะต้องส่งผลเสียอย่างแน่นอน ท้ายที่สุดแล้วเด็กที่ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูในบ้านของพวกเขาจะมีความฉลาดและกตัญญได้อย่างไร?
“ท่านพ่อ! ถ้านําเฉินเฉินมาที่บ้านของเราจริง เราไม่ได้ประโยชน์อะไรสักนิดทําไมเราต้องลําบากด้วย?”
ชายชราไม่ได้ตําหนิลูกสะใภ้คนนี้ เพียงแค่โบกพัดไปมาพลางถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “พวกเจ้าต้องมองให้ไกลกว่านี้ ฐานะของเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลย นางห่วงใยน้องชายคนนี้มากเรายืนดูความทุกข์ยากที่นางได้รับ หากนางเกลียดชังขึ้นมาเกรงว่าจะคงไม่อาจรับมือได้ไหว”
“ตอนนี้มีโอกาสเราก็ควรทํา ความเมตานี้ย่อมได้บุญคุณถ่านหินในหิมะจะทําให้คนจดจําเสมอเมื่อถึงเวลาถ่านหินก้อนนั้นอาจจะเป็นมีสีสันเพิ่มขึ้นก็ได้”
ลูกสะใภ้เม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะกล่าวตอบอย่างไม่พอใจ “ท่านพ่อมั่นใจถึงสถานะที่แท้จริงของเด็กเมื่อครู่แล้วงั้นหรือ?”