สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 210 มาถึงหน้าประตู
ตอนที่ 210 มาถึงหน้าประตู
วันรุ่งขึ้น หยุนเถียนเถียนสังเกตได้ว่ามีบาง อย่างผิดปกติ
อย่างแรกคือนายน้อยหลี่และท่านนายอําเภอเดินออกมาจากบ้านของท่านปู่! ทั้งสองไม่ได้ค้างแรมที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านงั้นหรือ? แล้วย้ายไปที่บ้านท่านปู่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าท่านนายอําเภอและนายน้อยหลี่จะไม่ใช่สุภาพบุรุษนักแต่เขาก็ไม่อาจทําลายชื่อเสียงของเด็กสาวเมื่อคืนนี้ได้
แน่นอนว่าหยุนเถียนเถียนจะต้องอยากรู้อยากเห็นนางเพียงแค่ถามออกไปราวกับไม่คิดสิ่งใด แต่ชายทั้งสองกลับไม่คิดกล่าวตอบนางจึงไม่ได้เซ้าซี้หลังจากจัดการซื้อที่ดินเสร็จสิ้น กลับมีเรื่องหัวหน้าหมู่บ้านมาทําให้อยากรู้อยากเห็นเสีย
ได้!
อาจเป็นเพราะท่านปู่เคยเป็นบุรุษที่เปี่ยมไป ด้วยความเข้าใจโลกและเมตตาเขารู้จักวิธีการสั่ง สอนบุตรหลานของตนเอง หลังจากลูกชายคนโตของเขาทราบเรื่องว่าบิดาของตนรับเด็กชายอายุเจ็ดขวบเป็นหลานเขาไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจอะไรนัก
ตรงกันข้าม บุตรหลานของพวกเขาทั้งหมดกลับสนิทสนมกับเฉินเฉินยิ่ง! มันไม่ใช่เพียงความประจบสอพลอทั้งหมดปฏิบัติกับเด็กชายราวกับ ว่าเขาคือคนในตระกูลอย่างแท้จริง ไม่มีความสูงสารหรือสมเพชใดในแววตาเหล่านั้นเลย
เรื่องนี้ทําให้หยุนเถียนเถียนประหลาดใจไม่น้อยนางไม่คิดว่าในชนบทที่ห่างไกลความเจริญนี้จะมีครอบครัวที่เปี่ยมไปด้วยเหตุผลคงอยู่ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดครอบครัวของท่านปู่จึงสามัคคีและรักกันอย่างเหนียวแน่นยิ่งเพียงเท่านี้ ก็ถือว่าครอบครัวเจริญรุ่งเรืองและมีความสุขแล้ว!
คนที่หยุนเสียนเถียนรู้สึกนับถือมากที่สุดก็คือลูกชายอีกคนของท่านปู่เขาชื่อเฉินไปซึ่งอายุน้อยกว่าเฉินซ่งเพียงสองปี
เฉินไปดูคล้ายจะมีอิทธิพลบางอย่างในคําพูด ของตัวเองแม้แต่เฉินหยางซึ่งเป็นพี่ชายคนโตก็ยังเชื่อถือในคําพูดของเขาไม่น้อยในฐานะที่เขาก็เป็นลูกของท่านปู่เช่นกันและหลักความคิดคําพูดต่าง ๆ ประกอบรวมกันทําให้หยุนเวียนเถียน รู้สึกว่าเขาเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน!
แต่นี่กลับไม่ใช่ความคิดของหยุนเกียนเถียน เพียงคนเดียวชาวบ้านหลายคนต่างก็รู้สึกอย่างนี้เช่นกันยกเว้นพวกที่สร้างปัญหาไม่จบสิ้นเท่านั้นจึงจะคิดขัดแย้งกับผู้อื่น
หลังจากตัดสินแล้ว แม้เฉินไปจะรู้สึกยินดียิ่ง แต่เขาจําเป็นต้องเก็บสีหน้าและท่าทางเอาไว้ เขาเข้ารับตําแหน่งด้วยใบหน้าเคร่งขรึมและสุขุม ในขณเดียวกันเฉินซ่งกลับมองว่าเขาเป็นศัตรู แล้ว!
ตอนนี้ท่านนายอําเภอปลดเขาออกจากตําแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเป็นทางการแล้ว เฉินซึ่งไม่จําเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์อีกต่อไปการจับจ้องด้วยสายตาเกรี้ยวกราดถูกกระทําอย่างเปิดเผยชาวบ้านที่มองอยู่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว
อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของท่านปู่ล้วนแต่รักใคร่สามัคคีและเฉินไปไม่คิดหวาดกลัวอดีตหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งจิตใจชั่วช้าเช่นนั้น
หลังจากเรื่องราวในหมู่บ้านแห่งนี้ถูกตัดสินหยุนเถียนเถียนเดินทางกลับบ้านด้วยความพอใจหลังจากนี้นางตั้งใจว่าจะไปดูพื้นที่ห้าสิบไร่ของตนสักหน่อย
แม้ก่อนหน้ามันจะเป็นที่ดินรกร้าง แต่ตอนนี้มันอยู่ในครอบครองของนางแล้ว ทั้งหมดจะถูกใช้ปลูกข้าวสาลีและมันย่อมออกดอกออกผลคืนกําไรได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก
แน่นอนว่าผู้ที่รู้ข่าวเรื่องนี้คนแรกคือเฉินไปทันทีที่เขารู้ว่าชาวบ้านจะสามารถสร้างรายได้กับสิ่งนี้มุมปากของเขายกยิ้มจนหุบไม่ลง
แต่คราวนี้เฉินไปจะไม่ทําอย่างเฉินซ่งเขายังแนะนําหยุนเถียนเถียนว่าควรจ่ายค่าจ้างให้ชาว บ้านจากจํานวนงานที่ทําได้ในแต่ละวันมากกว่าซึ่งความคิดเช่นนี้ทําให้เถียนเถียนรู้สึกปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก
ส่วนความคิดของชาวบ้านก็คล้อยตามสิ่งนี้ ทั้งหมดยินดีที่จะรับเงินจากจํานวนงานที่ทําได้ในแต่ละวันหากพวกเขาขยันขันแข็ง แน่นอนว่าย่อมได้เงินเป็นกอบเป็นกําแม้งานจะหนักสักหน่อยแต่ค่าจ้างก็คุ้มยิ่ง!อย่างไรแล้วทั้งหมดก็เคยชินกับการทํางานในไร่ในสวนอยู่แล้ว
แต่หากเป็นชาวบ้านบางกลุ่มพวกเขาไม่ค่อย สนใจวลีที่ว่าทํางานให้มากเพื่อจะได้รับเงิ นมากขึ้นเพราะพวกเขาเพียงคิดว่าทุกคนควรจะได้รับค่าแรงเท่า ๆ กันมากกว่า!
ส่วนหยุนเถียนเถียนไม่คิดอะไรนักนางปล่อยให้เฉินไปจัดการงานในที่ดินห้าสิบไร่นี้อย่าง สบายใจ
แต่สิ่งที่หยุนเถียนเถียนไม่เคยคาดคิดมาก่อนกําลังจะเกิดขึ้น การซื้อที่ดินมากมายเช่นนี้กําลังจะสร้างปัญหาน่าปวดหัวให้กับนาง!
ตอนนี้ใบหน้าของนางและหยุนเคอเต็มไปด้วยความมืดครึมขณะจับจ้องแม่สื่อที่อยู่ตรงหน้า
นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com
แม่สื่อไม่ได้กล่าวสิ่งใดน่าอับอายเมื่อเดินเข้ามาในบ้านของนางแต่บ้าจริง อีกฝ่ายกําลังทําให้ นางและหยุนเคอตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก!
ทั้งหยุนเคอและหยุนเถียนเถียนต่างก็เป็นคนระมัดระวังตนเองเสมอ อีกฝ่ายเพียงกล่าวถามถึงชีวิตประจําวันของทั้งสองเท่านั้นส่วนหยุนเคอและ เถียนเถียนที่ระวังตัว ก็ไม่ได้กล่าวอะไรมากมายอบไปแต่ก็ไม่กล้าถามว่าด้วยเหตุผลใดนางจึงมา
ที่นี่…
การสนทนาดําเนินต่อไปจนกระทั่งแม่สื่อรู้สึกว่าไร้คําใดจะกล่าวต่อ นางจึงเริ่มกล่าวกับหยุนเวียน เถียนที่อยู่ตรงหน้าอย่างตรงไปตรงมา“ชาวบ้านบ อกกล่าวว่าเจ้าทั้งสองหมั้นกันแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าพิธีแต่งงานเสียทีแล้วพวกเจ้าทั้งสองคิดจะแต่งงานกันจริง ๆ หรือไม่?”
หัวใจของหยุนเคอเต้นกระหน่ําอย่างบ้าคลั่งขณะที่กําลังจะอ้าปากหยุนเสียนเถียนพูดขึ้นมา ก่อน “ท่านป้าเราสองคนอยู่ร่วมกันแล้วและจะ แต่งงานกันแน่นอน”
ถึงตอนนี้ หญิงวัยกลางคนเผยรอยยิ้มคาดเดายากออกก่อนจะกล่าวต่อ “แม่นางหยุน ตามหลักแล้วเรื่องนี้ยังสามารถผ่อนปรนได้เจ้าเพียงอาศัย อยู่ร่วมกับเขาแต่ยังมิได้เข้าหอก็คงจะคิดว่าต้องแต่งงานกับเขาเป็นธรรมดา! แต่ดั่งคําโบราณก ล่าวไว้ ชนชั้นสูงมักจะแต่งงานกับชนชั้นสูงด้วยกันสําหรับแม่นางหยุนที่มีความสามารถและใบ หน้างามงดเช่นนี้เจ้าคู่ควรกับบุรุษอื่นยิ่งกว่าเขา”
“แต่ข้าก็มิใช่จะกล่าวว่าหยุนเคอไม่เหมาะสมแต่หนวดเคราเต็มใบหน้าเช่นนี้ทําให้เขาดูโหด เหี้ยมเกินไป นอกจากนี้แล้วเขายังมีเพียงบ้านหลังใหญ่เท่านั้นส่วนไร่นาโรงงานทั้งหมด ล้วน แต่เป็นของแม่นางหยุน เพราะเหตุผลนี้เจ้ากับเขาจึงไม่ค่อยเหมาะสมกันนัก”
มุมปากของหยุนเถียนเถียนถึงกับกระตุก นางรู้สึกว่าแม่สื่อตรงหน้าช่างเจรจาไม่น้อยเลย แต่คํา พูดทั้งหมดนี้มันไม่เหยียดหยามหยุนเคอไปหน่อยหรือ?
“อย่างไรข้าจึงต้องขอบคุณท่านป้าอย่างยิ่งสําหรับคําชมแต่เราสองคนอยู่ร่วมกันแล้วซึ่ง ความสัมพันธ์นี้ไม่ควรจะพูดกล่าวออกไปหนทางของข้ามีเพียงการแต่งงานกับเขามิใช่หรือ?”
แม่สื่อถึงกับยิ้มกว้างทันที นางรู้แล้วว่าหญิงสาวตรงหน้ามิได้เต็มใจจะแต่งงานกับพรานป่าผู้นี้ ถ้าอย่างนั้นหมายความว่านางก็ยังพอมีโอกาสโน้มน้าวอีกฝ่ายอยู่!
“แม่นางหยุนไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย ด้วยรูปโฉมงดงามและความสามารถของแม่นาง ไม่มีผู้ใด กล้าที่จะดูถูกเจ้าแน่นอนข้าได้รับสารจากตระกูลหลินซึ่งอยู่ในหมู่บ้านถัดไป พวกเขาชื่นชอบเจ้า ยิ่งกว่าสิ่งใด หลินหูเป็นบัณฑิตและกําลังศึกษาเล่าเรียนข้าคิดว่าเขาจะสามารถสอบผ่านซิ่วไฉได้ในปีหน้าแม่นางหยุน… หากสิ่งที่ข้าคิดไว้ไม่ผิดพลาดเจ้าจะได้แต่งงานและกลายเป็นคุณหญิงซิ่วไฉ!”