สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 35 นายน้อยผู้ทรงอิทธิพล
“นายน้อย ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่เหตุใดจึงมีเรื่องมากมายเช่นนี้?”
“หากเจ้าถามเช่นนี้ ข้าควรจะตอบเจ้าอะไรดี… ก็อยู่ด้วยกันจะรู้ได้อย่างไร!?”
แม้หลินชวนฮวาจะรู้สึกสะใจที่ขายเด็กขี้ครอกคนนี้ได้ แต่ก็ยังไม่พอใจนักเพราะการแก้แค้นเช่นนี้มันยังไม่รุนแรงพอ!
เรื่องที่เฉินเฉิงเยี่ยถูกท่านหลินปฏิเสธทำให้หลินชวนฮวาต้องการฉีกร่างของเฉินเถียนเถียนทั้งเป็น!
วันรุ่งขึ้นชาวบ้านเกือบทุกคนมารวมตัวกัน ณ ลานบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เว้นเสียแต่ผู้ที่มีธุระข้างนอกที่ต้องไปจัดการเท่านั้น
หัวหน้าหมู่บ้านเป็นชายวัยกลางคน ใบหน้าอ่อนโยนและดูน่าเคารพยิ่ง แม้เขาจะเรียนหนังสือไม่เก่งแต่เขาสามารถกล่าวถ้อยคำให้คนทั้งหมู่บ้านยอมรับได้!
จากนั้นผู้เฒ่าทั้งสามก็ปรากฏตัวขึ้น!
คราก่อนมีผู้เฒ่าสองคน คนหนึ่งเป็นอาวุโสผู้มีอารมณ์ขัน ส่วนอีกคนเป็นอาวุโสผู้เคร่งขรึม! แท้จริงแล้วยังมีผู้เฒ่าอีกหนึ่งคนซึ่งเฉลียวฉลาดและทุกคนต่างเคารพนับถือ เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักปราชญ์หรือที่เรียกกันว่าปรมาจารย์!
ตระกูลเฉินอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเทพธิดาแห่งนี้มาหลายปีแล้ว และทุกปัญหาของตระกูลเฉินมักจะถูกผู้เฒ่าและหัวหน้าหมู่บ้านจัดการให้อยู่เสมอ… ยังไงซะวันนี้นับว่าเป็นการรวมตัวที่พบเจอได้ยากยิ่ง
เฉินเถียนเถียนไม่รู้เลยว่าควรจะรู้สึกเป็นเกียรติหรือรู้สึกเศร้า เพียงเพราะปัญหาของตนต้องทำให้หลายคนต้องเสียเวลาเพื่อมาตัดสิน
เฉินเถียนเถียนเดินออกมาใจกลางวงด้วยท่าทางน่าสงสาร นางมองไปรอบ ๆ จึงเห็นเฉินผิงอันที่มีใบหน้าซีดเซียวยืนอยู่ตรงหน้า
“ตระกูลเฉิน… สำหรับปัญหาเหล่านี้ในครอบครัวของเจ้า ข้าได้เตือนพวกผู้ใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า แค่เด็กสาวเพียงคนเดียว พวกเจ้าก็ไม่สามารถช่วยเหลือนางได้เลยงั้นหรือ?”
ชายชราตำหนิหัวหน้าครอบครัวเฉิน… ส่วนเฉินผิงอันยืนฟังด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แต่ภายในใจกลับร้อนรุ่มทว่าไม่กล้าผลีผลามต่อหน้าอาวุโส
ขณะนั้นอาวุโสหันหน้าไปหาเฉินเถียนเถียน ทุกคนจึงมองตามเขาอย่งช่วยไม่ได้ ในตอนนั้นเองที่เด็กสาวสลัดคราบความอ่อนแอทั้งหมดทิ้งพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอมพ่ายแพ้!
ชายชราพยักหน้ารับอย่างพอใจ เด็กสาวคนนี้ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา แม้ว่านางจะยังเด็กแต่ก็กล้าหาญและเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก!
เขาชื่นชมเถียนเถียนอยู่ในใจหลายต่อหลายครั้งก่อนจะกล่าวคำออกด้วยน้ำเสียงโอนอ่อน “ข้าได้ยินมาว่า สิ่งที่น่าเกลียดที่สุดในตระกูลเฉินคือแม่เลี้ยงของเจ้า… ผู้ที่ส่งลูกสาวให้ตระกูลหลี่ใช่หรือไม่?”
เฉินเถียนเถียนรู้ดีว่านี่คือเวลาที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาทุกอย่าง นางจึงก้าวไปข้างหน้าและกล่าวออกอย่างน้อบน้อม…
“ท่านผู้เฒ่า! เถียนเถียนผู้นี้สัตย์ซื่อและขี้ขลาด ไม่กล้ายุ่งกับสิ่งผิดอันใดทั้งสิ้น! ในอดีตข้าให้เกียรติแม่เลี้ยงยิ่ง แต่แม่กลับไม่เคยเมตตาหรือสงสารข้าเลย ท่านส่งตัวข้าไปยังบ้านของตระกูลหลี่ เพื่อแลกกับโอกาสที่พี่ชายจะได้เรียนหนังสือ แม้ข้าจะยังเด็ก ข้าก็รับรู้ได้ว่าต้องไปทำอะไรที่นั่น… ต่อให้ข้าจะพยายามคัดค้านเพียงใด แม่ก็ไม่ฟัง สุดท้ายจึงตบตีและส่งข้าไปยังบ้านของตระกูลหลี่ จากนั้น… ข้าพยายามใช้กลอุบายทั้งหมดที่มีจนสามารถหนีออกมาได้!”
“เถียนเถียนอดทนมาหลายปี ข้าต้องการเรียกร้องความยุติธรรม ข้าไม่เต็มใจจะทำเช่นนั้น ข้าจึงเชิญท่านผู้เฒ่ามาเพื่อให้นำสินสอดทองหมั้นของแม่กลับคืน! ในที่สุด… วันที่ข้ารอคอยก็มาถึง!”
“แต่หลังเรื่องราวจบลงกลับยังคงมีบางคนที่ไม่ยอมปล่อยข้าไป พวกเขาปล่อยข่าวลือว่าข้าเสียตัวให้ตระกูลหลี่แล้ว! วันนี้ข้ามาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง!”
ชายชราพยักหน้ารับ แม้ว่านางจะยังเด็ก แต่กลับกล้าพูดเรื่องนี้ออกมาอย่างฉะฉาน ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย ถือได้ว่าเป็นเด็กสาวมากล้าหาญและมีความมั่นใจนัก!
“แล้วเจ้ามีหลักฐานอะไรที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าได้?”
เฉินเถียนเถียนประหลาดใจเมื่อได้ยินคำถาม นี่มันอะไรกัน!
“ไม่จำเป็นต้องหาหลักฐานทางอาญาที่บอกว่าถูกข่มขืน… แต่เจ้าต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ได้!”
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เฉินเถียนเถียนจะทำอย่างไรได้เล่า? นางจึงยอมเล่าเรื่องทุกอย่างด้วยน้ำเสียงหนักแน่น!
“ในตอนที่ข้าหนีออกมา… ข้าทำให้สาวใช้ในบ้านตกใจ นางสามสามารถเป็นพยานให้ข้าได้ จากนั้นข้าเดินเท้ากลับบ้านในตอนค่ำและพ่อแม่ก็หลับไปแล้ว ดังนั้นข้าจึงไม่คิดรบกวน พอรุ่งอรุณ… ทั้งสองก็พบว่าข้าอยู่ในบ้านแล้ว”
ผู้เฒ่าเงยหน้าขึ้นมองหัวหน้าหมู่บ้าน “เจ้ามีพยานที่นางกล่าวถึงหรือไม่?”
หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าด้วยความเคารพ “นายน้อยหลี่มาที่นี่ด้วยตนเอง… และตอนนี้พักผ่อนอยู่ในบ้านของข้า!”
ทันใดนั้น ชาวบ้านที่มุงอยู่ก็ต่างแยกออกจากกัน เสี่ยวซื่อเดินนำทางหลี่ซื่อฮวาเพื่อฝ่าฝูงชนเข้ามาอย่างสง่างาม
เฉินเถียนเถียนรู้สึกกลัวจนตัวสั่น นางสร้างความขุ่นเคืองให้นายน้อยหลี่โดยการหนีออกมา ถ้าเขาให้การเท็จ แล้วสิ่งที่นางพยายามทั้งหมดจะมีประโยชน์อะไรเล่า?
นายน้อยหลี่สบตาเข้ากับนางในทันทีเมื่อเดินเข้ามาในลาน
“โอ้! เจ้าก็งดงามไม่น้อย… วันนั้นข้าก็บอกแล้วว่าเป็นการเข้าใจผิดเท่านั้น! แม่นาง… ในเมื่อพ่อกับแม่ไม่ได้รักหรือต้องการเจ้า เหตุใดจึงไม่อยู่กับข้าเล่า?”
หลังจากได้ยินอย่างนั้นเฉินเถียนเถียนเผยใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธา นางตะหวาดใส่เขาอย่างเกรี้ยวกราด “หากท่านไม่คิดจะให้เกียรติข้า ก็จงรักษาเกียรติของตนบ้าง!”
“ให้เกียรติตนเองงั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า! น่าสนใจนัก!”
เป็นอีกครั้งที่เฉินเถียนเถียนหักหน้านายน้อยหลี่และทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของหลินชวนฮวา… นางเผยแววตาแห่งความดีใจออกมาอย่างไม่ปกปิด
‘นังเด็กขี้ครอกคนนี้กล้าหักหน้านายน้อยหลี่… เช่นนี้เขาย่อมขุ่นเคืองแน่ ยังคิดว่าเขาจะยอมเป็นพยานปากเอกให้อยู่งั้นหรือ? หากเขายอมช่วยนังเด็กสารเลวนี่อยู่ข้าจะเขียนชื่อตัวเองกลับหลังทันที!’
อย่างไรซะอาวุโสทั้งหมดไม่ต้องการจะมีปัญหากับนายน้อยหลี่ เขาไอเพื่อขัดจังหวะก่อนจะกล่าวคำออก “ขอนายน้อยหลี่โปรดจงวางเรื่องอื่นไว้ก่อน ตอนนี้ได้โปรดกล่าวความจริงเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้…”
หลี่ซื่อฮวากล่าวแทรกด้วยเสียงดัง “ข้าคิดว่าหญิงคนนี้กำลังรนหาที่ตาย! คราวแรกข้าตั้งใจจะทำให้ชีวิตนางดีขึ้น อีกทั้งยังให้สาวใช้ถึงสองคนคอยปรนนิบัติ แต่นางกลับทำร้ายสาวใช้ของข้าและหลบหนีไปเสียก่อน… เช่นนี้ข้าจึงไม่ได้แตะต้องนางแม้ปลายเล็บ! เหตุใดนางจึงคิดว่าตระกูลหลี่ของข้านั้นเป็นสิ่งที่สามารถนึกอยากมาก็มา นึกอยากไปก็ไป?”
ทุกถ้อยคำยืนยันความบริสุทธิ์ของเฉินเถียนเถียนได้เป็นอย่างดี เด็กสาวถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกพร้อมกับจับจ้องนายน้อยหลี่ตรงหน้าด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
ดูเหมือนว่าผู้สืบสกุลของตระกูลหลี่จะไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ท้ายที่สุดชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของเฉินเถียนเถียนก็ถูกปลดปล่อยเพราะคำพูดของเขา!
ส่วนหลินชวนฮวาที่ยืนอยู่ด้านหลังของเฉินผิงอันได้ยินอย่างนั้นก็แทบจะทรุดลงกับพื้น!
‘เขาบ้าหรือโง่กันแน่? เหตุใดจังไม่ยอมแก้แค้น?!’
เมื่อเด็กสาวผู้นี้กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ นางก็มีบางถ้อยคำที่อยากจะกล่าว…
“นับตั้งแต่…”
แต่จู่ ๆ ผู้เฒ่าสี่ก็แทรกขึ้นมาอย่างไร้มารยาท “แม้หญิงคนนี้ยังไม่ถูกแตะต้องแต่นางก็เข้าไปอยู่ในบ้านของตระกูลหลี่จริง เรื่องนี้อย่างไรเสียก็ส่งผลต่อตระกูลเฉินไม่น้อย! พี่ใหญ่ข้าต้องขอโทษด้วย แต่ข้ารู้สึกว่าแม้นางจะไม่ต้องถูกลงโทษแต่ก็ควรจะรีบจัดการเรื่องราวทุกอย่างให้จบลงโดยเร็วที่สุด!”