สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 46 อดทนต่อความหิวโหย
เพียงแค่มองด้วยตาเปล่าก็รู้ได้ว่าหมูป่าตัวนี้มีน้ำหนักไม่น้อย เถียนเถียนถูมือไปมาอย่างปลาบปลื้ม!
เพราะพื้นดินค่อนข้างลาดชัน ดังนั้นการจะเคลื่อนย้ายสัตว์จึงไม่ง่ายนัก เถียนเถียนพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อเพิ่มความคล่องตัว
หยุนเคอเห็นอย่างนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เขารู้สึกว่าท่าทางของนางช่างขบขันยิ่ง
ชายร่างใหญ่ยืนขึ้นพร้อมกับยกหมูป่าขึ้นบ่าด้วยมือเพียงข้างเดียวและเริ่มออกเดิน ท่าทางผ่อนคลายของเขาราวกับว่าหมูป่าเบาบางราวกับกระดาษหนึ่งแผ่น!
เถียนเถียนทั้งตื่นตระหนกและปลื้มปิติในคราวเดียว
ความแข็งแกร่งนั้นคืออะไรกัน? ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!
เขาเป็นกอริลล่ากลับชาติมาเกิดรึเปล่านะ… อีกทั้งยังใจดีด้วย!
เฉินเถียนเถียนอดไมได้ที่จะชื่นชมเขาขณะมองแผ่นหลังกว้าง
แต่การเคลื่อนไหวทั้งหมดของเถียนเถียนจะรอดพ้นสายตาของหยุนเคอได้อย่างไร?
แม้จะไม่รู้ถึงความคิดของนาง แต่เขาก็สังหรณ์ใจว่ามันย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่…
ตอนนั้นเขาต้องการจะหยุดเดินเพื่อถามไถ่ แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดเพราะเขาสับสนว่าเหตุใดจึงต้องสนใจนางด้วยเล่า?
ชายร่างใหญ่สลัดความคิดทั้งหมดทิ้งพร้อมกับมุ่งหน้าไปที่ถ้ำโดยไม่หันหลังกลับ!
ความเย็นชาของหยุนเคอไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย เถียนเถียนจึงเดินตามเขาไปและไม่ปริปากพูดคำใด
แต่ในป่ายามค่ำคืนนั้นเงียบสงัด และบางครั้งก็มีแมลงตัวเล็กตัวน้อยบินก่อกวน
เถียนเถียนรู้สึกเบื่อจึงคิดพูดคุยกับเสี่ยวเถา… “เสี่ยวเถา เจ้าขายอะไรบ้าง? แล้วหมูป่าของข้าสามารถขายในพื้นที่ของเจ้าได้ไหม?”
เสี่ยวเถาตอบกลับอย่างรวดเร็ว “แน่นอน! ราคาของมันค่อนข้างสูงถึงห้าสิบหยวนต่อกิโลกรัม… นอกจากนี้เจ้ายังสามารถใช้มันเพื่อแลกกับอาหารมากมายที่เพียงพอสำหรับครึ่งเดือนได้”
“โอ้ ห้าสิบหยวนเลยงั้นหรือ? พวกเจ้าใช้เงินหยวนแลกเปลี่ยนหรือไร… ในยุคนี้เขามิได้ใช้เงินหยวนนี่ พวกเขาใช้เพียงแผ่นทองแดงเท่านั้น”
เสี่ยวเถาพ่นลมหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะกล่าวตอบ “ข้าคือพ่อบ้านที่แสนชาญฉลาด คำถามง่าย ๆ เช่นนี้ดูถูกสติปัญญาของข้าเกินไป ข้าจึงไม่คิดตอบ!”
“เฮ้อ… แน่นอนว่ามันย่อมใช้ได้ แผ่นทองแดงน่ะมีมูลค่าประมาณหกหยวน สองแผ่นก็ราวสิบสองหยวน… ตอนนี้เงินในบัญชีของเจ้าคือศูนย์ เจ้าควรจะไตร่ตรองให้ดีว่าควรทำสิ่งใด!”
เถียนเถียนถอนหายใจออกอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร แม้นางจะมีระบบที่ยอดเยี่ยม แต่นางก็ยังไม่สามารถใช้มันได้ ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ใครกันที่มีเงินสำหรับแลกเปลี่ยนกับนาง… มันหาง่ายนักหรือ?
โชคดีที่นางได้พบกับหยุนเคอ มิฉะนั้นวิญญาณที่พลัดหลงมาเช่นนี้คงต้องอดตายเพราะความหิวโหย
เสี่ยวเถากล่าวออกด้วยถ้อยคำเย็นชา “อีกหนึ่งอย่างที่เจ้าต้องเข้าใจ ห้ามให้ผู้ใดรู้ถึงการมีอยู่ของข้าเด็ดขาด… ชายคนนั้นถึงกับสามารถจัดการหมูป่าได้ในพริบตา ไม่กลัวเขารู้งั้นหรือ? เบื้องหลังของเขาไม่ธรรมดา!”
หัวใจของเถียนเถียนสั่นไหวระริกระรี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เพราะอะไรหรือ? เขาเป็นใครกัน… จ้าวแห่งสมุทรหรือสวรรค์กันล่ะ?”
เสี่ยวเถาเริ่มไม่พอใจ “หืม? ช่วยคิดให้มากกว่านี้สักหน่อย ตอนนี้ตัวตนของเจ้ายังไม่สามารถสั่งข้าได้ เช่นนี้ข้าจึงไม่จำเป็นต้องตอบ!”
เมื่อได้ฟังอย่างนั้นนางก็อดไม่ได้ที่จะชูนิ้วกลางใส่เสี่ยวเถา!
หลังจากเดินมาสักพักใหญ่ ทั้งสองก็มาถึงทางเข้าถ้ำ
หยุนเคอหยิบมีดออกมาและเริ่มกรีดลงบนผิวหนังของมัน ลึกลงไปจนถึงเนื้อด้านใน… จนในที่สุดก็ถึงช่วงท้อง ทำให้เครื่องในของมันทั้งหมดแตกโพล๊ะออกมาทันที
มันคือทักษะที่คนขายเนื้อชำนาญ แต่นางกลับค้นพบว่าเขาก็มีทักษะนี้เช่นกัน
หลังจากถลกหนังมันเสร็จสิ้น ต้องใช้เวลาอีกสักครู่ใหญ่เพื่อจัดการกับส่วนทั้งหมด แสงจันทร์สาดส่องลงมากระทบใบหน้าเคร่งขรึม หนวดเครารุงรังเต็มไปด้วยเลือดของสัตว์ป่ายิ่งทำให้ดูดุร้ายมากขึ้น
ดวงตาของเถียนเถียนเบิกกว้างพร้อมร้องถาม “เสร็จแล้วงั้นหรือ?”
หยุนเคอชี้ไปที่เนื้อหมูบนพื้นพร้อมกล่าวเชิญชวน “เจ้าเลือกเลย!”
หยุนเคอจัดการเนื้อหมูป่าอย่างดีทั้งสองชิ้นจึงมีขนาดเท่ากันทุกประการ… เช่นนี้เถียนเถียนจึงหยิบมันขึ้นมาหนึ่งชิ้นโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก
ส่วนกองหนังหมูอีกฝั่งเป็นส่วนของเสีย กลิ่นเครื่องในของมันส่งกลิ่นแปลก ๆ โชยไปทั่ว
หนังหมูพวกนี้อาจจะเก็บไว้ได้ แต่เครื่องในของมัน…
“เจ้าจะทำอะไรกับสิ่งเหล่านี้?”
หยุนเคอมองหนังหมูก่อนจะกล่าวตอบ “ข้าสามารถเก็บมันไว้ได้ ส่วนเครื่องในทั้งหมดย่อมทิ้งไป เจ้าต้องการสิ่งใดหรือไม่?”
แววตาของเถียนเถียนทอประกายเจิดจ้าพร้อมรีบร้อนกล่าวตอบ “เช่นนั้นเอาเครื่องในพวกนั้นให้ข้าเถิด!”
“เพื่ออะไร? มันกินไม่ได้!”
เมื่อได้ฟังอย่างนั้นเถียนเถียนรีบร้องตอบ “เจ้าไม่รู้หรือไรว่ารสชาติของมันยอดเยี่ยมมากหากได้รับการปรุงอย่างถูกต้อง… เมื่อปรุงเสร็จข้าจะลองเอามาให้เจ้าชิมดูว่าเป็นอย่างไร… เช่นนี้ดีไหม?”
หยุนเคอยังไม่ยอมแพ้ “หากเจ้านำพวกมันกลับไป มันก็จะเป็นเพียงของเน่าเสีย! มันไม่สามารถกินได้”
เถียนเถียนตอบกลับอย่างมั่นใจ “แล้วเหตุใดข้าจึงเก็บมันไม่ได้? หากหลินชวนฮวาต้องการเยื้อแย่งเนื้อของข้า แน่นอนว่านางต้องข้ามศพข้าไปก่อน!”
ดวงตาคู่นั้นฉายแววดื้อรั้น หยุนเคอเห็นอย่างนั้นจึงต้องยอมใจอ่อนก่อนจะชี้นิ้วออกไปด้านนอก “เสร็จสิ้นแล้ว กลับไปซะ”
แต่หยุนเคอเพิกเฉยต่อนางโดยสมบูรณ์ก่อนจะเริ่มหยิบเอาเนื้อและหนังหมูออกไปทันที
เถียนเถียนกล่าวคำลาอย่างประหม่า “งั้นคืนนี้ข้ากลับแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะมาอีกครั้ง”
หยุนเคอไม่ได้ตอบอะไรกลับ เขาเดินตรงไปยังริมธารโดยมีแสงจันทร์ช่วยนำทาง ชายร่างใหญ่ล้างมือและดับกองไฟอย่างชำนาญ
เถียนเถียนยังเด็ก อีกทั้งยังมีร่างกายซูบผอม ตอนที่ยังอยู่ในบ้าน นางต้องทำงานหนักยิ่งดังนั้นอาหารสักสิบมื้อก็คงไม่เพียงพอ!
เด็กสาวเลียนแบบท่าทางของหยุนเคอด้วยการแบกเนื้อหมูไว้บนบ่าก่อนจะเดินลงจากภูเขาไป
หยุนเคอไม่ได้ใส่ใจท่าทางนั้นก่อนจะเห็นว่านางเดินลับสายตาหายไปในความมืดแล้ว
รุ่งสาง… เถียนเถียนเอาเนื้อหมูไปล้างในลำธาร
เป็นเพราะไม่มีแป้ง นางจึงแอบย่องเข้าไปในบ้านและหยิบขี้เถ้าออกมาจากเตาไฟ
จากนั้นนางจึงเริ่มล้างเครื่องในหมูอย่างระมัดระวัง
เมื่อฟ้าสาง ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยพอดี นางนำสิ่งเหล่านี้ไปเก็บไว้ในที่เก็บของของตนก่อนจะเดินกลับไปที่โรงเก็บไม้เพียงลำพัง ซึ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นเพราะตอนนี้ยังไม่มีใครตื่น…
ไม่นานหลังจากนางผล็อยหลับไป หลินชวนฮวาก็ตื่นขึ้นมา
เมื่อคืนนางสร้างความไม่พอใจให้กับเฉินผิงอัน วันนี้นางจึงต้องรีบตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเข้าครัวทำอาหาร…
แต่ฟืนในครัวถูกใช้จนหมดสิ้นแล้ว หลินชวนฮวาเหลือบมองโรงไม้ด้วยความรังเกียจก่อนจะเดินเข้าไปอย่างไม่เต็มใจนัก
เด็กสาวตัวน้อยนอนอยู่ในนั้น นางหันหลังให้ประตูและกำลังหลับสนิท
ความรู้สึกประหลาดใจถาโถมขึ้นทันที หลินชวนฮวารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว แต่เหตุใดจึงยังมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายได้เล่า?