สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 60 บิดางั้นหรือ
หยุนเคอยกยิ้มมุมปาก “ข้าไม่มีผู้อาวุโสในครอบครัวเกรงว่าอาจจะไปทำลายชื่อเสียงของหญิงสาว ตอนนี้เรื่องปลูกบ้านสำคัญกว่า!”
พรานป่าตรงหน้าเผยวาจาฉะฉาน หัวหน้าหมู่บ้านจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เพราะเหตุการณ์เหล่านั้นไม่สามารถอธิบายได้ด้วยประโยคเดียว พวกเขาทั้งสองคำนึงถึงชื่อเสียงของหญิงสาวและล้มเลิกความคิดนี้ไป
ดังนั้นหัวหน้าหมู่บ้านจึงตั้งใจที่จะไม่พูดถึงมันอีก หยุนเคอเองก็เดินทางกลับหลังจากทานอาหารมื้อนี้เสร็จ
เฉินเถียนเถียนกำลังหลับอยู่ในถ้ำ นางไม่เคยคาดคิดว่าจะมีใครมากังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ในชีวิตของนาง
หลังจากที่หยุนเคอทานอาหารบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว เขาก็เดินตามหัวหน้าหมู่บ้านไปเพื่อค้นหาพื้นที่สำหรับปลูกบ้าน
ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านจึงได้ทราบว่ามีพรานป่าพยายามหาเงินและต้องการจะซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้าน!
เฉินผิงอันที่อยู่ในบ่อนพนันก็ได้ยินข่าวลือเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ใครในหมู่บ้านนี้มีที่ดินมากที่สุด? แน่นอนว่าต้องเป็นตระกูลเฉิน!
เมื่อก่อนครอบครัวเฉินรับจำนำเครื่องประดับและนำเงินมาซื้อที่ดินเก็บไว้ ตอนนี้พวกเขาไม่ทำอะไรแต่มีรายได้จากค่าเช่าที่ดิน ซึ่งเพียงพอสำหรับเลี้ยงดูครอบครัวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นครอบครัวของเขามีนักปราชญ์อยู่ นับว่าเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียง!
เมื่อพูดถึงเรื่องที่มีคนกำลังหาซื้อที่ดิน เฉินผิงอันก็เกิดความคิดชั่วร้ายขึ้น โฉนดที่ดินของครอบครัวเป็นชื่อของเฉินเถียนเถียน หากเขาสามารถฉวยโอกาสในการขายที่ดินได้ เขาก็จะสามารถโอนสิ่งเรานั้นเป็นชื่อของตนเองได้เช่นกัน… นี่นับว่าเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่หรือ?
เมื่อได้ยินข่าวเฉินผิงอันจึงหยุดเดิมพันทันที เขารีบถามหาหัวหน้าหมู่บ้านและหยุนเคอเพื่อจะเสนอขายที่ดินให้!
หยุนเคอรู้จักเฉินผิงอันเป็นอย่างดี! ชายโง่เขาผู้เลี้ยงดูลูกคนอื่นดุจเทวดาแต่กลับใจร้ายและเพิกเฉยต่อลูกสาวของตน
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านกำลังหาซื้อที่ดินงั้นหรือ?”
หัวหน้าหมู่บ้านจึงถามขึ้นทันที “เฉินผิงอัน… เจ้าเองก็มีชีวิตที่ดีแล้ว สินสอดทองหมั้นของแม่นางหยุน เจ้าต้องการจะแบ่งขายหรือไม่?”
เฉินผิงอันถอนหายใจพร้อมกล่าวตอบ “นางตายตกไปแล้ว เช่นนั้นข้าจะยังเก็บไว้ให้ช้ำใจเพื่อสิ่งใดกัน? คนที่ยังมีชีวิตอยู่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ข้าเองก็ต้องการส่งเฉินเฉินไปโรงเรียนด้วย ดังนั้นข้าจึงต้องการขายที่ดินสักหน่อย เถียนเถียนเองก็คงไม่ขัดขืนหากรู้ว่าน้องชายต้องเข้าโรงเรียน!”
หัวหน้าหมู่บ้านยังไม่ได้ตอบตกลงอะไร เขาหันมามองหยุนเคออย่างครุ่นคิด แต่ไม่ว่าอย่างไรใครก็ตามที่ต้องการซื้อที่ดินต้องให้หัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนตัดสินใจ
“ที่ดินของเจ้าอยู่ที่ไหน?” ไม่ว่าอย่างไรหยุนเคอก็ต้องการซื้อที่ดินและไม่สำคัญว่าจะซื้อจากใคร
“ใต้ภูเขาเทพธิดามีพื้นที่ประมาณเจ็ดไร่ครึ่ง ข้าขอสักห้าตำลึงต่อสองไร่ครึ่ง… เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
พื้นที่แห่งนี้แต่เดิมเป็นพื้นที่ที่มีราคาถูกที่สุด แต่ด้วยความโลภจึงทำให้เขาขายในราคาที่สูงขึ้น หัวหน้าหมู่บ้านทำได้เพียงแค่ถอนหายใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
หยุนเคอไม่ต้องการพัวพันกับคนโง่เขลาเช่นนี้มากนักจึงหยิบเงินสี่สิบตำลึงออกจากกระเป๋าและส่งให้หัวหน้าหมู่บ้าน
“หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าจะรบกวนให้ท่านเป็นธุระเรื่องนี้ ไปที่หน่วยงานราชการและรับโฉนดให้ข้าที ส่วนข้าจะไปติดต่อหาวัสดุสำหรับสร้างบ้าน!”
การแสดงออกของหยุนเคอได้อธิบายทุกอย่างแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกเขินเล็กน้อยแต่เฉินผังอันก็ไม่ได้สนใจเพราะเขากำลังจดจ่อไปที่เงินในมือของหัวหน้าหมู่บ้าน!
“หยุนเคอแม้ว่าที่ดินสองไร่กว่าจะมีมูลค่าห้าตำลึงเงินแต่มันก็ไม่ได้ใหญ่มากนัก”
หยุนเคอหันกลับมาและมองไปยังหัวหน้าหมู่บ้านทันที “ข้ารู้ว่าที่ดินที่นี่ค่อนข้างแพง แต่ในอนาคตข้าก็จะอยู่ในหมู่บ้านนี้ จึงไม่เป็นไรหากจะปล่อยให้พวกเขาเอาเปรียบนิดหน่อย ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน… ข้าจะพาท่านไปดื่มเพื่อเป็นการตอบแทน แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าขอรบกวนท่านเป็นธุระที่หน่วยงานราชการให้ด้วย!”
หัวหน้าหมู่บ้านไม่พูดอะไร เขาอายเล็กน้อยเมื่อได้ยินหยุนเคอกล่าวเช่นนั้น เพราะเป็นความจริงที่ว่าเมื่อชาวบ้านวานให้เขาไปเป็นธุระที่หน่วยงานราชการให้ ทุกคนก็มักจะให้สิ่งต่าง ๆ เป็นค่าตอบแทนเสมอ
หยุนเคอหันหลังกลับและเดินจากไป ไม่นานเขาก็มาถึงจุดรอขึ้นกวียน ขณะที่นั่งอยู่ในเกวียน เขาไม่สนใจใครเลยและขอให้ลุงคนขับพาเข้าไปในเมือง
เขาจำได้ว่าเคยได้ยินเรื่องคนขายอิฐในหมู่บ้านใกล้เคียงมาก่อนและในตัวเมืองก็มีคนขายกระเบื้องด้วย
เฉินเถียนเถียนพาเฉินเฉินอยู่ในถ้ำตลอดทั้งวัน ดังนั้นนางจึงจงใจตระเตรียมอาหารเย็นไว้ให้หยุนเคอเพื่อตอบแทนสำหรับการให้ยืมสถานที่
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เฉินเถียนเถียนได้พบกับเฉินผิงอันที่กำลังฉุนเฉียว!
เฉินผิงอันกำลังมองหาเฉินเถียนเถียน เพราะที่ดินทั้งหมดอยู่ภายใต้ชื่อของนาง ดังนั้นเขาจึงต้องการลายนิ้วมือของนางเพื่อใช้ในการขายที่ดิน!
เฉินเถียนเถียนพาเฉินเฉินเดินไปถึงสนามหน้าบ้าน ตอนนั้นเองนางก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวของเฉินผิงอันทันที
“อีขี้ครอก แกบังอาจพาน้องไปไหนมา?!”
หลังจากที่ไม่ได้พบลูกสาวมาหลายวัน แต่เขากลับไม่สนใจนางเลย ไม่แม้แต่จะถามว่าลูกสาวคนนี้ได้กินอะไรบ้างหรือเปล่า!
ก่อนหน้านี้ถึงเฉินเถียนเถียนจะเห็นเรื่องไม่ดีของแม่เลี้ยงแต่ก็ไม่ได้คิดบอกกล่าวอะไรกับผู้เป็นพ่อ
“พ่อไม่เคยสนใจเลยจริง ๆ ว่าข้าไม่ได้กินข้าวมากี่วันแล้ว ไม่เห็นพ่อเคยถามเลย พอเจอกันก็เอาแต่เรียกข้าว่าอีขี้ครอก! ไม่รู้เลยว่าข้ายังเป็นลูกสาวของพ่ออยู่หรือไม่? เป็นพ่อแบบไหนกัน?”
เฉินผิงอันไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไร แต่กลับนำโฉนดที่ดินและจดหมายการโอนกรรมสิทธิ์ที่เขียนโดยหัวหน้าหมู่บ้านออกมา เขาออกคำสั่งหนักแน่น “กดลายนิ้วมือของเจ้าลงตรงนี้!”
หากเป็นเฉินเถียนเถียนคนเดิม คงจะทำตามคำสั่งโดยไม่มีคำถามหรือข้อสงสัยใด ๆ แต่ตอนนี้ นางรู้ทันทุกอย่างแล้ว
เฉินเถียนเถียนรับรู้ได้ทันทีว่าเฉินผิงอันตั้งใจจะขายที่ดินในนามของเขาเอง
“พ่อช่างเห็นแก่ตัวมากขึ้นทุกวัน ถึงขนาดต้องขายสินสอดทองหมั้นของแม่เพื่อแลกกับเงิน!”
เฉินผิงอันมองเฉินเฉินด้วยความรัก “ข้าแค่ต้องการส่งเสียให้น้องชายของเจ้าได้เล่าเรียน!”
เฉินเถียนเถียนตกตะลึงจนเผลอหัวเราะออกมา อ่านนิยาย novelza.com
“พ่อไม่ละอายที่จะพูดแบบนี้เลยหรือ? อยากส่งเฉินเอ๋อไปโรงเรียน แม่เขาอนุญาตแล้วหรือ? แต่แทนที่การขายที่ดินจะเป็นความคิดของแม่ แต่กลับเป็นพ่อ… มันหมายความว่าอย่างไร? คิดจะขายที่ดินเพื่อส่งเฉินเฉินไปโรงเรียน คิดว่าแม่จะยอมให้เขาไปงั้นหรือ?”
คำพูดเหล่านี้สร้างความขุ่นเคืองใจให้เฉินผิงอันเป็นอย่างมาก เขาตะหวาดกลับทันที “หลินชวนฮวาทำทุกอย่างตามคำสั่งของข้า!”
“อีเด็กขี้ครอก หุบปากเสีย! คิดยุยงให้ข้าเข้าใจผิดงั้นหรือ? ไม่ว่าอย่างไร เฉินเอ๋อเป็นลูกชายแท้ ๆ ของนาง!”
ลืมไปเถอะ… มันคงดูไม่สมเหตุสมผลกับหนุ่มชนบทไร้สมองคนนี้! จู่ ๆ เฉินเถียนเถียนก็นึกได้ว่าเฉินผิงอันต้องการขายที่ดิน
“หากข้าตกลง… ที่ดินนี้จะถูกขายให้ผู้ใด”
“เขาเป็นนายพรานป่าเถื่อนบนภูเขา!”
โอ้! เนื่องจากเขาต้องการขายที่ดิน ดังนั้นไม่ว่านางจะเห็นด้วยหรือไม่แต่ก็คงต้องทำตามคำสั่งของพ่อ…