สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 62 คลุมถุงชน
“อย่ามัวแต่สนใจความชั่วร้ายของมนุษย์ ยิ่งเห็นก็จะยิ่งรู้สึกแย่!”
เฉินเฉินพยักหน้า ภายในเวลาแค่สี่ห้าวันเขาก็อ่านคัมภีร์สามอักษรอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะขอหนังสือเล่มอื่นจากบิดา แต่ว่าพี่สาวของเขาก็ได้มอบตำราแซ่ร้อยสกุลให้แทน
หัวใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความกตัญญูต่อพี่สาว ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือผู้ที่พาเขาไปสู่โลกใบใหม่และได้เห็นโลกในมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิม
หลังจากศึกษาบทเรียนสำหรับวันนี้ เฉินเถียนเถียนเตรียมอาหารเย็นในถ้ำ เมื่อสองพี่น้องกินข้าวเสร็จก็เหลืออาหารอีกส่วนไว้ให้เจ้าของถ้ำด้วย ก่อนจะออกจากภูเขาเทพธิดาและกลับไปที่ลานหน้าบ้าน
ในที่สุด เฉินเฉิงเยี่ยก็พบกับอาจารย์ที่ยอมรับเขาเป็นศิษย์ ซึ่งความจริงแล้วอยู่ที่เมืองข้าง ๆ เนื่องจากเขาฝึกฝนอย่างหนัก อาจารย์จึงจำใจต้องรับเขาเป็นศิษย์ อีกไม่กี่วันหลังจากนี้เฉินเฉิงเยี่ยจะได้ไปเรียนที่เมืองข้าง ๆ แล้ว
เนื่องจากเมืองที่ต้องไปอยู่ค่อนข้างไกล ทำให้เขากลับบ้านได้แค่เดือนละหนึ่งครั้ง หลินชวนฮวาจึงไม่ลังเลที่จะซื้ออาหารดี ๆ เพื่อเป็นรางวัลให้แก่บุตรชายคนโตของตน
และทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับสองคนพี่น้องนี้เลย!
เดิมทีเฉินผิงอันต้องการเรียกเฉินเฉินออกไป แต่หลินชวนฮวาหยุดเขาไว้ “ไม่รู้ว่าเถียนเถียนกับเฉินเอ๋อไปไหนกันมาทั้งวัน แต่อย่างไรพี่สาวก็คงไม่ปล่อยให้น้องชายของตนต้องทนหิว เมื่อครู่ข้าเดินผ่านเขาไปก็ได้กลิ่นเนื้อบนตัวของเฉินเอ๋อ พวกเขาน่าจะกินข้าวกันมาแล้ว”
เฉินผิงอันรู้สึกหงุดหงิดใจที่ลูกชายของตนมีความสัมพันธ์อันดีกับนังเด็กชั้นต่ำไม่มีหัวนอนปลายเท้า เขาจึงไม่สนใจเด็กหน้าเหม็นพวกนั้นและเพลิดเพลินกับอาหารมื้ออร่อยบนโต๊ะอย่างอิ่มหนำสำราญ
ส่งผลให้พี่น้องทั้งสองถูกทอดทิ้งอีกครั้ง แต่ช่วงนี้ชีวิตของเฉินเถียนเถียนไม่ได้แย่นัก เฉินเฉินเองก็ไม่ได้ดูน่าสงสารหรือโหยหิวเหมือนแต่ก่อน
ถึงอย่างนั้นเสียงแห่งความสุขของครอบครัวสามคนที่ดังอยู่ข้างนอกก็ทำให้หัวใจดวงน้อยของเฉินเฉินขุ่นมัว เขารู้สึกเหมือนตนเป็นคนนอกคอยมองดูคนอื่นมีความสุข
โชคดีที่พี่สาวของเขาสอนว่าถึงแม้โลกนี้จะมีคนเลว แต่ก็ยังมีคนดีอยู่ด้วย ถ้ำของลุงหยุนกลายเป็นฐานที่มั่นลับสำหรับพวกเขาสองพี่น้อง!
วันนี้ ในขณะที่เฉินเถียนเถียนเพิ่งกลับมาจากถ้ำและยังคงจับมือน้อย ๆ ของเฉินเฉินเอาไว้ จี๋ชื่อก็เข้ามาขวางทางด้วยสีหน้าจริงจังราวกับมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น!
“เถียนเถียนวันนี้เจ้ามัวทำอะไรอยู่? ป้าตามหาตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่เจอ!”
เฉินเทียนเถียนยิ้มอย่างขมขื่น “ตั้งแต่กลับบ้านครั้งที่แล้ว หลินชวนฮวาก็ไม่ยอมให้ข้ากินข้าว! ข้าต้องออกไปหาอะไรกินเพื่อไม่ให้อดตาย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้จี๋ชื่อก็โกรธจัด “นังหญิงสารเลวนี่! ข้านึกแล้วเชียวว่านางไม่เคยมีเมตตาต่อเจ้า!”
เฉินเถียนเถียนมองดูมือเล็ก ๆ ที่ตนกอบกุมไว้ “ข้าไม่ใช่ลูกของนาง จึงไม่แปลกใจที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ แต่เด็กคนนี้อย่างไรก็เป็นลูกชายของนาง เวลาพ่ออยู่ที่บ้านเขายังพอได้กินข้าวครบทุกมื้อบ้าง แต่หากวันใดที่พ่อไม่อยู่เขาแทบไม่ได้กินอะไรเลยด้วยซ้ำ!”
“หลินชวนฮวาไร้จิตสำนึกแต่ข้าทนเห็นแบบนี้ไม่ได้! เด็กคนนี้เป็นเด็กดี ข้าจึงทำได้แค่พากันไปที่ภูเขาเพื่อหาอาหาร อย่างน้อยก็ช่วยให้เขาไม่ต้องอดตาย”
ดวงตาของจี๋ชื่อเบิกโพลง “แม้เสือจะร้ายแต่ก็ไม่กินลูกของตน ดอกมะลิหน้าหนาวก็ยังต้องดูแลเอาใจใส่ แต่นี่เป็นคน… เมื่อพวกเจ้าหิวเหตุใดไม่ไปบอกพ่อ!”
เฉินเถียนเถียนถอนหายใจอย่างเย็นชา “ป้าใหญ่ท่านคิดง่ายเกินไป แม้ท่านพ่อจะดีต่อเฉินเอ๋อแต่เขาก็เชื่อฟังหลินชวนฮวามาก เฉินเอ๋อจะถูกหลินชวนฮวาขังทุกครั้งที่เขาคิดจะบอกพ่อ! ตัวข้ายิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ข้าไม่ได้กินข้าวที่บ้านมาหลายวันแล้ว แต่พ่อไม่เคยสนใจว่าข้าจะอยู่หรือตาย ไม่พอยังสมคบคิดกันโกงโฉนดบ้านและที่ดินไปจากข้า!”
จี๋ชื่อตระหนักในทันใด “ข้าว่าแล้วเชียว ไม่ว่าเจ้าจะโง่เง่าเพียงใดก็คงไม่มีทางขายที่ดินที่เป็นชื่อของเขาอย่างแน่นอน ที่แท้เป็นฝีมือของเฉินผิงอัน กล้าที่จะขายสินเดิมของภรรยา! เขาเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร?”
เฉินเถียนเถียนยิ้มจาง ๆ “ตอนนี้เขาต้องการขายที่ดินเพื่อส่งเด็กคนนี้ไปเรียน ข้าจึงยอมรับได้และไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องเสียหายอันใดหากเขาส่งเด็กผู้นี้ไปเรียนจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่หลินชวนฮวาไม่ยอมพลาดโอกาสดี ๆ เช่นนี้ นางขัดขวางอยู่ตั้งหลายครั้ง ข้าเกรงว่า…”
จี๋ชื่อถอนหายใจ “พ่อของเจ้าใจดำเกินไปแล้ว ข้าไม่อยากพูดถึงเขาแล้ว แต่ตอนนี้ที่ดินถูกตั้งราคาขายไปแล้ว สินเดิมของเจ้าก็จะถูกเอาไปด้วยเพราะเป็นที่ดินในหมู่บ้าน!”
“เอาเถิดเถียนเถียน ข้าเกรงว่าพวกผู้เฒ่าคงรอไม่ได้แล้ว เขาต้องการให้เจ้าแต่งงานออกไปในเร็ว ๆ นี้ เจ้าต้องเตรียมใจให้พร้อม ขอโทษที่ข้าต้องเร่งเร้า แต่คราวนี้ฟังที่ป้าบอกเถิด หรือไม่อย่างนั้นเจ้าก็บอกป้ามาว่าเจ้าชอบคนแบบไหน ป้าจะได้ช่วยมองหาคนในหมู่บ้านนี้ให้”
เฉินเถียนเถียนยิ้มอย่างขมขื่นและก้มหน้าลง เฉินเฉินที่เห็นว่าพี่สาวถูกบีบบังคับขนาดนี้ด้วยตาตัวเอง หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธพร้อมกับคิดในใจ ‘ท่านแม่… ทำเกินไปแล้ว’
“ช่างเถิด! ท่านป้าช่วยข้าหาหน่อยแล้วกัน ขอแค่เป็นชาวนาที่ซื่อสัตย์ ข้าคิดว่าท่านป้าคงหาเจอในหมู่บ้านนี้”
จี๋ชื่อมองใบหน้าที่เริ่มปรากฏเค้าความงามอย่างยากจะหาใครเทียบได้ ช่างน่าเสียดายนัก!
หญิงงามขนาดนี้ ต่อให้แต่งเข้าตระกูลใหญ่มั่งคั่งในฐานะภรรยาเอกก็ยังเป็นไปได้ น่าเสียดายที่โอกาสทั้งหมดถูกทำลายโดยนังคนโง่หลินชวนฮวา!
กล่าวตามตรง หญิงผู้นั้นช่างโง่เขลานัก หากบุตรสาวคนนี้ได้รับการปฏิบัติอย่างดี เฉินเถียนเถียนหรือจะไม่ปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นมารดา?
ด้วยความงามของเด็กสาวคนนี้ ย่อมสามารถแต่งเข้าตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยได้ และคู่ควรกับตำแหน่งภรรยาเอกที่ได้รับการยอมรับอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นยังจะกลัวว่าลูกสาวจะไม่สำนึกบุญคุณและดูแลครอบครัวไม่ดีอีกหรือ?
แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองกลายเป็นเช่นนี้ไปเสียแล้ว! แม้ว่าหลินชวนฮวาต้องการจะชดเชยในภายหลังก็เกรงว่าจะไม่ได้!
“ป้าจะพยายามช่วยหาอย่างดีที่สุด ชีวิตเจ้าช่างน่าเวทนานัก!”
แม้เฉินเถียนเถียนไม่ได้หวั่นไหวเมื่อได้ยินเช่นนี้แต่ก็ก้มหน้าลง ส่วนจี๋ชื่อก็ถอนหายใจแล้วค่อย ๆ เดินจากไป!
ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดพวกคนแก่หัวแข็งถึงต้องบังคับให้แต่งงานด้วย เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ความผิดของตน แต่กลับต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาทั้งหมด!
เฉินเฉินพูดอย่างระมัดระวัง “พี่สาว! ท่านจะแต่งงานจริง ๆ หรือ? ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปหาพี่สาวเพื่อฝึกอ่านหนังสือได้หรือไม่?”
เฉินเถียนเถียนยิ้มและจิ้มที่ปลายจมูกของเฉินเฉิน “อะไรที่ทำให้เด็กอย่างเจ้าสนใจขนาดนี้? ไม่ต้องกังวลหรอก แม้ว่าพี่สาวจะแต่งงานแล้ว แต่เรื่องของเจ้าย่อมต้องถูกจัดการอย่างเหมาะสม”
เฉินเฉินไม่ยิ้ม ทั้งยังถอนหายใจใส่พี่สาวของเขาอีกด้วย!